ทัณฑ์นางโลม นิยาย บท 39

หลังจากนั่งชะเง้อมองรอคอยใครบางคนมากว่าสัปดาห์ เจ้าของบ้านผิดสังเกตยิ่งเห็นหญิงสาวไม่สบายใจข้าวปลาอาหารก็ทานอย่างกับแมวดม ชายหนุ่มรู้สึกไม่สบายใจแต่เขาก็ต้องแสร้งทำเป็นเฉย แสดงออกแค่ความห่วงใยเล็กๆ น้อยๆ

“พิตต้า”

“คะ คุณธีร์”

“ไม่ออกไปไหนเหรอ”

“ไม่ค่ะ พิตต้าเบื่อๆ ไม่อยากไปไหน”

“เฮ้อ อยู่บ้านไม่น่าเบื่อกว่าเหรอ ไปหาเพื่อนๆ บ้างก็ได้ฉันไม่ว่าหรอก”

“คุณธีร์มีอะไรหรือเปล่าคะ”

“ฉันก็แค่เห็นหนูนั่งถอนหายใจอย่างกับรอใครอยู่หลายวันแล้ว ไม่แน่นะออกไปข้างนอกเผื่อจะเจอคนที่รอคอยก็ได้” พิยะตามองหน้าคนพูด ก่อนจะปรับเปลี่ยนสีหน้ากลบเกลื่อนความไม่สบายใจ

“ไม่ได้รอใครซักหน่อยค่ะ...ออกไปข้างนอกมีแต่รถติดน่าเบื่อจะตาย”

“งั้นก็ตามใจ...วันนี้ฉันก็ไม่ได้ไปไหนซะด้วย...ทำอะไรดีล่ะ” ใบหน้าเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นทับความสวยของคนสาว เธอหันมองไปยังห้องนั่งเล่นก่อนจะหันกลับมายิ้มให้ชายหนุ่ม เขาเองก็รู้ทันว่าหญิงสาวต้องการให้เขานั้นเล่นเกมส์กับเธอ ยิ่งมองใบหน้าแดงระเรื่อเขาก็ยิ่งมีความสุขในฐานะที่เป็นผู้ปกครองของเธอ

“คราวนี้รับรองว่าคุณธีร์แพ้ราบคาบแน่ๆ ค่ะ”

“อย่าเพิ่งประมาทคู่ต่อสู้สิจ๊ะ ฉันก็มีฝีมือเหมือนกันนะเรื่องนี้” จอโทรทัศน์ฉายภาพเกมส์รถแข่งที่ทั้งสองกำลังเล่นอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะขบขันดังสะท้อนอยู่ในห้องกระจกจนแม่บ้านที่นำอาหารว่างเข้ามาเสิร์ฟต้องพลอยยิ้มให้กับความน่ารักของหญิงสาว เธอสร้างสีสันความอบอุ่นสนุกสนานให้คฤหาสน์สินสาโรจน์ไม่น้อย ยิ่งเจ้าบ้านที่วันๆ เอาแต่ทำงานไม่ค่อยได้มีเวลาพักผ่อนจะพูดจากับคนในบ้านยังได้เพียงถามถ่ทุกข์สุขเท่านั้น แต่ตอนนี้ใบหน้าหล่อเหลาที่เปื้อนริ้วรอยเล็กน้อย หัวเราะชอบใจมีความสุขกับสิ่งที่เขากำลังทำ

“โอ๊ย แพ้ ไม่จริงคุณธีร์เล่นขี้โกงแน่ๆ ค่ะ” หญิงสาวโวยวายเง้างอนเมื่อตัวเองพลาดพลั้งเล่นเกมส์พ่ายคนหนุ่ม

“อะไรกัน ฉันเพิ่งชนะตาเดียว และตาแรกด้วยนะ”

“โธ่ก็พิตต้าสู้เต็มทีเลยนี่คะ จะแพ้ได้ยังไง” หน้าสวยบูดบึ้ง เธอดึงหมอนอิงเข้ามาโอบกอดแล้วทุบมันเบาๆ

“โอเคๆ เล่นใหม่อีกรอบก็ได้ ฉันจะไม่ยอมชนะ”

“อ้าวพูดแบบนี้ว่าพิตต้าพาลเหรอคะ”

“เปล่าซะหน่อย...ไม่ได้พูดซักคำ จริงไหมป้า” ธีร์รีบหาตัวช่วย เขาหันไปขยิบตาให้แม่บ้าน นางได้แต่อึกอักทำอะไรไม่ถูกไม่ได้ตั้งตัวมาก่อน

“อะ จะ จริงค่ะ”

“ป้าเงียบไปเลย ไม่ต้องเข้าข้างคุณธีร์หรอก”

“อ้าวก็ป้าเห็นนี่คะ ว่าคุณธีร์ยังไม่ได้พูดอะไรเลย”

“ไม่เอาแล้วพิตต้าไม่เล่นเกมส์นี้แล้ว”

“แล้วคนเกเรจะทำอะไรล่ะ” ธีร์ล้อเลียนเสียงเง้างอนของเธอ

“อ๊าย ว่าพิตต้าเกเรเหรอคะ...ไม่ได้เกเรซะหน่อยแค่ไม่พอใจ” ขายหนุ่มหันไปมองหน้าแม่บ้าน นางรู้ความในจึงค่อยๆ เลี่ยงออกไป เขาขัยบตัวเข้ามาใกล้ร่างเล็กใบหน้าบูดบึ้งมองจอโทรศัพท์ไม่สนใจเขา จนมือหนาต้องช้อนหน้าสวยให้หันมามองหน้า ดวงตากลมสบตาเขาครู่หนึ่งก่อนจะตวัดไปมองทางอื่น

“งอนอะไรฉันล่ะ ไม่บอกคนแก่อย่างฉันก็ไม่รู้หรอกนะ”

“ไม่ได้งอนค่ะ”

“ถ้างั้นก็คงหงุดหงิดที่เจ้าธัญญ์ไม่ยอมกลับบ้านล่ะสิ” พิยะตาหันมองเขาโดนไม่ต้องให้มือนั้นช้อนใบหน้าเธออีก ดวงตากลมเบิกกว้งอย่างตกใจเรียวปากบางขยับเม้ม ก่อนจะหลบสายตาเก็บซ่อนบางสิ่งเอาไว้

“ฉันพูดแทงใจดำเธอหรือเปล่า”

“ไม่ค่ะ คุณธีร์พูดเรื่องอะไรพิตต้าไม่เข้าใจ”

“เอาเป็นว่าฉันพูดในสิ่งที่ฉันรู้สึก” หัวใจดวงเล็กเริ่มสั่น เธอตื่นเต้นไม่น้อยที่เขารู้ความในใจของเธอ

“ความรู้สึกของคุณมันคงด้านชาจนรับรู้อะไรไม่ได้หรอกค่ะ หญิงสาวตอบเสียงอ่อย เธอแอบตำหนิเขาที่ไม่ใช้ความรู้ที่มีทำให้อาของเธอใจอ่อน

“ฮ่าๆ มันคงด้านชาจริงๆ ไม่เอาน่าเราเลือกเส้นทางนี้แล้วไม่ใช่เหรอ จะต้องคิดถึงเรื่องอื่นอีกทำไม”

“คุณธีร์แน่ใจนะคะ ว่าเราทั้งคู่ทำถูก”

“มาถึงขั้นนี้แล้วนะ การ์ดก็แจกไปเยอะยังจะต้องคิดอะไรอีกล่ะ”

“คุณธีร์” ชายหนุ่มนิ่งเงียบพิงโซฟา เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ มือหนายกขึ้นกุมขมับ เขาพยายามควบคุมไม่ให้เนื้อตัวสั่นจากอาการสะท้านโหยหาใครอีกคน

“คุณธีร์คะ คิดทบทวนใหม่ดีไหมคะ คราวนี้พิตต้าว่าอาโด่งต้องยอมใจอ่อนแน่ๆ เดี๋ยวพิตต้จะช่วยพูดอีกทางนะคะ”

“พอเถอะพิตต้า...ฉันรู้คำตอบนั้นดี” เขาส่ายหน้าอย่างคนสิ้นหวัง

“พิตต้าไม่อยากให้เราต้องมาทุกข์ใจ”

“ฉันไม่ได้ทุกข์ใจเลยนี่นา ออกจะรู้สึกดีด้วยซ้ำที่ได้อยู่ใกล้เธอ” เขาพยายามตอบในสิ่งที่เขาแสร้งทำตลอดทั้งวัน ถึงจะรู้สึกดีแต่มันก็ไม่ใช่ในฐานะคนรัก

“จะไม่ลองอีกครั้งเหรอคะ”

“ฮือ พอเถอะพิตต้า” เสียงรบเร้าทำให้ชายหนุ่มสะอื้นปล่อยหยาดน้ำตาที่อดทนเก็บไว้ออกมา เขารีบคว้าตัวเธอเข้าไปกอดไม่ต้องการให้เห็นหยดน้ำตาของเขา

“คุณธีร์”

“ฉันคิดดีแล้ว...อยู่ที่ว่าหนูจะขอโอกาสคิดใหม่อีกรอบหรือเปล่า”

“ถ้าคุณมั่นใจพิตต้าก็ตกลงตามนั้น”

“แน่ใจนะ”

“ค่ะ...พิตต้าจะแต่งงานกับคุณจะไม่คิดเปลี่ยนใจอีก” ร่างบางสั่นเล็กน้อยเธอควบคุมแรงสะอื้นเอาไว้ เธอรั้งตัวเขาเข้ามากอดแน่เสียจนเขารับรู้ว่าหญิงสาวกำลังเสียใจมาก

“ขอโทษนะที่ทำให้เธอต้องมาทนทุกข์กับคนอย่างฉัน”

“ไม่เลยค่ะ คุณเป็นคนดีมากๆ พิตต้าเชื่อว่าคุณจะทำหน้าที่สะ สามี ได้ดี” พิยะตาตะกุกตะกักเมื่อเอ่ยถึงสรรพนามที่เขากำลังจะได้รับ ธีร์ถอนอ้อมกอดออกเขาใช้นิ้วปาดน้ำตาให้คนสาวอย่างอ่อนโยนที่สุด ผิวที่เนียนนุ่มส่งกลิ่นหอมกรุ่นอยู่ตรงหน้า แต่หัวใจเขากลับไม่นึกโหยหาหรือพิศวาสเลย เขายิ้มบางๆ ให้หญิงสาว เธอเองก็ยิ้มตอบเช่นกัน

“หิวหรือยังคะ”

“นิดหน่อย อีกแป๊บก็จะได้เวลาอาหารแล้วนี่นา” พิยะตาเหลือบมองนาฬิกาที่ข้อมือเรือนสีขาวประดับคริสตัลที่ชายหนุ่มซื้อให้เป็นของขวัญ

“งั้นรอเวลาแล้วกัน...เอ อีกเกมส์ดีกว่าขอล้างตาหน่อย”

“เอางั้นเหรอ...เดี๋ยวจะมาหาว่าฉันขี้โกงไม่ได้นะ”

“รับรองค่ะ ว่าคราวนี้ไม่พลาดแน่” หญิงสาวตอบเสียงจริงจัง

เบื้องหน้าของห้องนั่งเล่นที่หนุ่มสาวกำลังสนุกสนานกับการเล่นเกมส์ เสียงหัวเราะคิกคักบ่งบอกว่าทั้งคู่มีความสุขที่ได้อยู่ด้วยกัน ช่องระหว่างประตูเป็นทางเดียวที่คนข้างนอกจะได้เห็นภายใน มือหนากำแน่นอย่างอดกั้น ภาพที่ชายหนุ่มโอบกอดร่างบางมันทำให้หัวใจของเขาสั่นระรัวและเจ็บปวดในเวลาเดียวกัน เหมือนปลายมีดที่ไม่คมเท่าไหร่กีดกลางหัวใจมันไม่ได้เป็นแผลในทันที แต่รอยที่ถูกกีดมันลึกลงเรื่อยๆ ยิ่งมองก็เหมือนถูกกีดซ้ำลงที่เดิม ใบหน้าคมต้องเบื้อนหนีจากภาพบาดใจ เนื้อตัวสั่นราวกับหนาวสะท้าน ดวงตาแดงกล่ำแข็งกร้าวน่ากลัวยิ่งกว่าราชสีห์ในป่าใหญ่

“รักกันมากนักใช่ไหม...ผู้หญิงที่มีมลทินอย่างเธอ ใครเค้าจะจริงใจด้วย ฮึ” เสียงคำรมอย่างเครียดแค้นดังในลำคอหนา กำปั้นที่กำไว้เกือบจะยั้งไม่อยู่ทุบตีกระจกสีดำตรงหน้า

“คุณธัญญ์ มาทำอะไรตรงนี้คะ ป้าจัดโต๊ะอาหารเสร็จพอดี” ดวงตาที่ฉุนเฉียวเงยมองคนสูงวัยราวกับจะกินเลือดเนื้อ ก่อนจะเดินกระแทกร่างนั้นออกไป

“อุ๊ย ตาเถร” เสียงอุทานดังพอที่จะทำให้คนในห้องโผล่ออกมาดู

“เกิดอะไรขึ้นคะป้า” นางพยักเพยิดไม่กล้าตอบ จนสายตาเจ้านายดุดันเคล้นหาคำตอบ

“อะ เอ่อ ไม่มีอะไรค่ะ ป้าซุ่มซ่ามเองค่ะ เดินไม่ดูสะดุดพรมค่ะ”

“อ้าวเหรอคะ...เดินระวังหน่อยนะคะป้า เดี๋ยวเกิดหกล้มไปจะยุ่ง”

“ค่ะๆ ทีหน้าทีหลังป้าจะระวังมากกว่านี้ค่ะคุณพิตต้า”

“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว...ถือว่าดวงยังดีนะป้า” ธีร์พูดพร้อมมองคนหวาดกลัวจับพิรุทของนาง

“อาหารเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ...ทานเลยไหมคะ”

“อืม กำลังหิวอยู่พอดีเลยค่ะป้า” เสียงใสเอ่ยอย่างดีใจ หญิงสาวเหมือนเด็กเล็กเวลาได้ของเล่น เธอดูสดใสน่ารักเกินกว่าที่ชายหนุ่มจะพูดหรือทำให้เธอเสียใจไปมากกว่านี้ หญิงสาวรีบจูงมือหนาไปที่ห้องอาหารทันที เขาก็ยอมให้หญิงสาวทำตามต้องการ

คงไม่มีใครสังเกตเห็นว่าชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังนั่งเหมอลอยมองสายน้ำเกลียวคลื่นที่ซัดสาดเข้าชายฝั่ง ทุกครั้งที่น้ำกระทบพื้นทรายมีทั้งสิ่งที่หลุดลอยไปกับน้ำและสิ่งที่สายน้ำพาเข้ามา คงเหมือนชีวิตเขาในตอนนี้ ที่มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาในชีวิต เธอทำให้เขาโหยหาผู้หญิงที่เขาเกลียดชังเธอทำให้เขาเอ่ยว่าคิดถึงทั้งที่ก่อนหน้านั้นเขาแสดงออกชัดเจนว่าไม่ชอบหน้าเธอ และสุดท้ายเธอก็พัดเอาความรู้สึกที่เขามีให้ออกไปจากใจเหลือไว้เพียงความเจ็บปวดทรมาน เขายอมรับว่าเคยอกหักคร่ำครวญเสียใจเมื่อครั้งสุรัตนาทิ้งเขาไป แต่นั้นมันก็แค่เจ็ดวันเท่านั้น ส่วนพิยะตาเธอคนนี้ชนะทุกอย่างเพราะความเจ็บปวดมันอยู่กับเขาตั้งแต่ที่เธอก้าวเข้ามาในชีวิตจนถึงทุกวันนี้ ขวดแก้วในมือที่เขาเคยยกดื่มว่างเปล่าชายหนุ่มชูมันขึ้นอย่างหงุดหงิด เขาเกือบจะขว้างปามันลงไปในทะเลแต่เสียงใครคนนึงก็แว่วผ่านเข้ามาในโสตประสาท เสียงต่อว่าด่าทอหาว่าเขามักง่ายทำอะไรไม่เป็นระเบียบ ธัญญ์ชุกคิดว่าถ้าเขาโยนขวดลงทะเลเธอคนนั้นจะดุด่าเขาไง แล้วเขาก็ต้องหัวเราะต่ำๆ

“ฮึๆ คุณทำให้ผมนึกถึงคุณได้ตลอดเวลาจริงๆ นะพิตต้า” รูปที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อถูกหยิบขึ้นมา ใบหน้าของคนในรูปไร้เดียงสาราวกับเด็กน้อย เธอนอนหลับสนิทปอยผมตกปรกใบหน้าเล็กน้อย ยิ่งดูชายหนุ่มก็เผยรอยยิ้มออกมา

“ติ๊ด ติ๊ด” เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เขาเหลือบพื้นทรายข้างตัว เบอร์ที่โชว์อยู่บนหน้าจอทำให้เขาต้องรีบหยิบมันขึ้นมา

“ครับอา”

“แกอยู่ที่ไหนเจ้าธัญญ์”

“ที่ไหนก็ได้ที่มีความสุข”

“แน่ใจนะว่าแกมีความสุขแล้ว”

“อะ เอ่อ ว่าธุระของอามาเถอะครับ”

“ใกล้งานสำคัญของฉันแล้ว...แต่ฉันยังขาดเพื่อนเจ้าบ่าวอยู่เลย แกจะไม่มาทำหน้าที่หลานชานที่ดีหน่อยเหรอ” ธัญญ์หลับตาแน่นเขาไม่อยากรับรู้เรื่องนี้เลยจริงๆ

“ก็ได้ครับอา...ผมจะไปให้ทันวันงาน”

“ไม่ได้แกต้องกลับมาหาฉันเดี๋ยวนี้...งานเยอะแยะจะให้ฉันเตรียมคนเดียวได้ยังไง”

“ลูกน้องอามีตั้งหลายคนก็แบ่งๆ กันไปทำสิครับ”

“เอาน่า ฉันต้องการคนมีฝีอย่างแก งานนี้ฉันให้แกออกแบบตกแต่งทั้งหมด”

“ผมไม่” ก่อนที่เขาจะพูดอะไรออกไป ธีร์ก็รวบรัดสรุปทุกอย่างแทนเขาแล้ว

“รีบกลับมาฉันรอแกอยู่” ธีร์ตัดสายเมื่อเขาพูดจบ

“อาครับ ฮัลโหลอา” ชายหนุ่มถึงกลับถอนหายใจ มือที่เคยถือขวดแก้วจิกเม็ดทรายสีขาวจนแน่น เขากำเม็ดทรายขึ้นมาแล้วค่อยๆ ปล่อยให้มันล่วงหล่นที่ละน้อย

“ความรักของฉันมันก็คงเหมือนเม็ดทราย มีมากมายแต่ก็ไม่มีใครเห็นคุณค่า นอกจากจะใช้เหยียบย่ำเพื่อให้ไปถึงน้ำทะเลที่ใสสะอาด” ร่างหนาลุกขึ้น เขามองทะเลก่อนจะหันหลังเดินกลับ เสียงคลื่นทะเลที่ซัดสาดก้องดังกังวานไพเราะจนอยากจะให้หญิงสาวมานั่งเคียงข้างมองดูความสวยงามของมันด้วย แสงตะวันคล้อยตกลับขอบฟ้าเมื่อชายหนุ่มเดินจากไป บรรยากาศเงียบเหงาราวกับท้องทะเลต้องการให้เขานั่งอยู่เช่นนั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทัณฑ์นางโลม