สรุปเนื้อหา บทที่ 17.2 หัวใจแสร้งรัก – ทัณฑ์นางโลม โดย พิมพ์พิชญ์ หอมซอย ยุวรรณดา
บท บทที่ 17.2 หัวใจแสร้งรัก ของ ทัณฑ์นางโลม ในหมวดนิยายนิยายสำหรับผู้ใหญ่ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย พิมพ์พิชญ์ หอมซอย ยุวรรณดา อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
“เลือกเอาเลยนะ...ชอบชุดไหนแบบไหน” ธีร์เอ่ยหลังจากที่เจ้าของร้านชุดแต่งงานหรูยื่นแบบชุดสวยๆ ให้ว่าที่เจ้าสาวได้เลือกสรร
“พิตต้าเลือกไม่เป็นค่ะ”
“ก็ชอบชุดไหน เลือกมาเลยหนูพิตต้า” เหมือนชายหนุ่มจะไม่ค่อยใส่ใจกับเรื่องนี้เท่าไหร่ เขาหายเข้าไปใต้หนังสือธุรกิจที่ทางร้านเตรียมไว้ให้ หญิงสาวได้แต่หน้าเจื้อนเบ้ปากเล็กน้อย
“คุณพิตต้าชอบสไตล์ไหนคะ”
“เรียบๆ ค่ะ ไม่ต้องโป๊นะคะ พิตต้าไม่ค่อยชอบ”
“ฮึ ไม่ชอบโป๊ แล้วชุดที่ใส่อยู่ทุกวันเค้าเรียกว่าอะไรกันครับ” เสียงคุ้นหูดังขึ้นตรงประตูหน้าร้าน พิยะตาหันไปมองแว๊บนึงที่เธอรู้สึกดีใจ แต่สายตาของเขาก็ทำให้เธอต้องจ้องตอบอย่างเอาเรื่อง
“มันเรื่องของฉัน”
“ผมก็เป็นห่วงกลัวว่าถ้าใส่ชุดที่ไม่คุ้นเคยคุณจะไม่ถนัด เดี๋ยวอะไรเปิ่นๆ อายเค้าแย่เลย”
“ขอบคุณค่ะที่เป็นห่วง...งั้นพิตต้าเลือกชุดนี้ค่ะ” พิยะตาเลือกแบบแล้วส่งให้พนักงานโดนไม่หันมามองคนยียวน
“รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวดิฉันจะไปเอาชุดมาให้ลอง”
“ค่ะ” หญิงสาวรับคำสั้นๆ
“แกก็ชอบไปหาเรื่องหนูพิตต้าเค้านักนะ”
“ผมแค่ทักทายครับอา”
“ทักบ้าบออะไร” เสียงเล็กสบถเบาๆ
“แกก็ด้วย...เลือกชุดได้เลย เรื่องค่าใช้จ่ายอาจัดการเอง”
“ชุดไหนก็ได้ครับอา...ผมไม่ใช่เจ้าบ่าวทำไมต้องแต่ให้หรูหราด้วยล่ะ เดี๋ยวคนเค้าจะว่าหล่อเกินหน้าเจ้าบ่าว”
“ฮึๆ ยังจะมีหน้ามาพูดเล่นอีกนะ แกน่ะเหรอจะมาหล่อเกินหน้าฉัน ฝันไปเถอะ” สองอาหลานไม่ได้หยอกล้อ ยิ้มให้กันแบบนี้มานานแล้ว ธัญญ์มองดูอาของตัวเองมีความสุข เขาเองก็จำต้องทำใจยอมรับให้ได้ด้วยเช่นกัน
“คุณพิตต้าค่ะ เชิญที่ห้องลองชุดเลยค่ะ”
“เดี๋ยวพิตต้ามานะคะคุณธีร์” ชายหนุ่มพยักหน้าอย่างสุภาพ หลังจากคนเดินเข้าไปด้านในของร้าน ธัญญ์ก็ขยับมานั่งใกล้ๆ คนนิ่งขรึม
“มีอะไร”
“ผมแค่อยากจะถามให้แน่ใจว่าอาแต่งงานกับพิตต้าเพราะอะไรกันแน่”
“นี่แกยังไม่หายข้องใจอีกเหรอ”
“อาจะไม่ยอมเปลี่ยนแน่เหรอครับ” น้ำเสียงของคนเคยมั่นใจสั่นเครือ เขาไม่แน่ใจว่าถ้าพูดอะไรออกไป ธีร์จะรับได้หรือเปล่า
“ฮึๆ เจ้าธัญญ์ นี่แกยังรังเกียจหนูพิตต้าเค้าอีกเหรอ...เอาล่ะฉันไม่อยากจะอธิบายอะไรซ้ำๆ หรอกนะ แกมีอะไรมาทำให้ฉันเปลี่ยนหรือเปล่าล่ะ ถ้ามีแล้วมันเป็นเหตุผลที่สำคัญ ฉันอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้”
“จริงนะครับอา” เหมือนแววตาคู่ดำขลับจะฉายแววดีใจ ทั้งทีเขาควรจะเก็บอาการนั้นไว้ ไม่ให้ใครอีกคนเห็น ธีร์มองผ่านหลานชายตัวเอง เขาเห็นร่างบางในชุดที่ขาวสวยงามเธอเดินออกมาอย่างสง่าจนเขาแทบจำภาพเด็กสาวใสๆ ไม่ได้ ดวงหน้าหวานเด่นที่เคลือบด้วยเครื่องสำอางสีอ่อน เรียวแขนขาวเนียนและทรวงอกที่โผล่พ้นชุดสวยดูเหมือนมีรังสีสว่างจ้า จนชายหนุ่มทั้งสองต้องหันไปมอง
“สวยไหมคะ”
“สวยมาก” เสียงที่ตอบกลับไม่ใช่ว่าที่เจ้าบ่าว ชายหนุ่มรีบกลบเกลื่อนด้วยการหันไปหาธีร์
“ใช่ไหมครับอา...ผมเห็นอาอ้าปากค้างคงจะพูดว่าสวยมาก”
“อืม” เขาขานรับสั้นๆ
“แต่ดูๆ ไปก็ธรรมดา คนขี้เหร่แต่งยังไงมันก็เหมือนลูกเป็ดอยู่วันยันค่ำ”
“ใช่ฉันมันลูกเป็ด แต่ซักวันลูกเป็ดอย่างฉันจะทำให้เจ้าชายที่สูงส่งต้องลดตัวลงมาอ้อนวอนให้ได้”
“ฝันเฟื่องหรือไง ดูละครน้ำเน่ามากไปหรือว่ามันซึมอยู่ในสายเลือด”
“เลือดของฉันมันไม่เน่า...แต่เลือดผู้ดีสีจางอย่างคุณมันคงจะไร้ค่าซักวัน”
“นี่ ยายลูกเป็ด”
“เอ้อ พอทีหยุดทั้งคู่...เฮ้อ จะมีบ้างไหมที่เจอกันแล้วจะพูดจากันดีๆ”
“พิตต้าไม่ได้เริ่มก่อนนี่คะ”
“ไม่ได้เริ่ม แต่ถ้าไม่ต่อความยาวสาวความยืดมันก็ไม่มีใครต้องหงุดหงิดโมโหหรอก” หญิงสาวหน้าเจื้อนเมื่อโดยตำหนิ แต่พอหันไปมองหน้าชายหนุ่มเขากลับเยาะเย้ย
“ไหนลองหมุนตัวให้ดูหน่อยสิ”
“ได้ค่ะ” เสียงใสตอบพร้อมยิ้มให้ว่าที่เจ้าบ่าว อีกคนก็ถึงกลับฮึดฮัดกระวนกระวายใจ ย่นจมูกหงุดหงิดรอยยิ้มที่เขาอยากจะได้มีให้แต่ผู้ชายคนอื่น ความน้อยใจผุดขึ้นเป็นระลอก ร่างบางค่อยๆหมุนตัวชายกระโปรงพลิ้วสวยปอยผมสะบัดคลอเคลียไหล่เรียว ใบหน้าหวานโดดเด่น เธอช่างเหมือนเจ้าหญิงตัวน้อยๆ เสียเหลือเกิน ธีร์เอื้อมมือจับไหล่ให้คนสาวหันมาทางเขา สายตาชื่นชมและรอยยิ้มภูมิใจยิ่งทำให้หลานชายตัวดีหน้าแดงกล่ำ
“เป็นยังไงบ้างเจ้าธัญญ์ ว่าที่เจ้าสาวของฉันสวยไหม”
“ก็ดีครับ ลงทุนขนาดนี้ไม่สวยก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วครับ”
“แกนี่ก็ไม่ยอมหยุดเลยนะ” ธีร์หันมาตำหนิหลานชาย
“พิตต้าชอบชุดนี้ค่ะ แต่มันหลวมไปหน่อย”
“ทางร้านจะวัดตัวแล้วแก้ไขให้ทันวันงานค่ะ” เจ้าของร้านเอ่ยอย่างดีใจ
“อืม ขอก่อนวันงานนะเผื่อมีอะไรแก้ไข...ส่วนชุดของผมเอาสีเดียวกัน อีกชุดก็เอาแบบล่าสุดไซส์เดียวกับชุดของผม...แกตัวเท่าฉันนี่นาเจ้าธัญญ์”
“ครับอา” พิยะตามองคนใจร้ายอย่างผิดหวัง เธอหวังเล็กๆ จะได้ยินคำพูดดีๆ หรือความรู้สึกในใจของเขาบ้าง แต่คนหนุ่มก็ไม่เคยซักครั้ง แถมยังมีทีถ้ารังเกียจเดียจฉันฑ์กันมากขึ้นทุกวัน หญิงสาวเดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เธอพิงผนังห้องปล่อยตัวเองให้ไหลลื่นไปกับความอ่อนแอ หยดน้ำตาไหลอาบสองแก้มยิ่งใกล้เขามากเท่าไหร่หัวใจก็ยิ่งบอบซ้ำมากเท่านั้น มือเรียวจิกชุดเจ้าสาว เธอมองดูตัวเองในกระจกตรงหน้าความสวยที่เห็นคงไม่มีประโยชน์เพราะเจ้าบ่าวไม่ใช่คนที่เธอรัก แต่กลับเป็นคนที่เธอต้องตอบแทนบุญคุณ พิยะตาชันเข่าขึ้นแล้วทาบแขนก่อนจะฟุบลงไปสะอื้นเสียใจ
ร่างสูงโปร่งเดินวนเวียนไปมารอคอยให้หญิงสาวเปลี่ยนชุดเรียบร้อย เขาถอนหายใจอย่างคนหมดอาลัย เสียงประตูเปิดออกทำให้เขาต้องรีบหันกลับไปมอง ร่างสวยอรชรเดินออกมา เธอไม่คิดจะมองสบตาเขาเลย หญิงสาวเมี่ยงมองหาใครอีกคน
“อาธีร์กลับไปแล้ว” คำตอบทำให้หัวใจคนสาวดิ่งวูบลง เขาทิ้งเธอให้อยู่กับคนใจร้ายได้ยังไง
“ผมจะไปส่งคุณที่บ้าน”
“ไม่จำเป็นค่ะ” พิยะตาเดินเฉี่ยวชายหนุ่มเพื่อจะออกไปนอกร้าน แต่เขาก็รั้งเรียวแขนเอาไว้ มือที่จับบีบแน่นพอสมควร หญิงสาวเงยหน้ามองเจตนาของเขาก่อนจะสะบัดมือนั้นให้ออก
“ผมจะไปส่ง”
“ไม่ต้องค่ะ พิตต้ากลับเองได้”
“มันเป็นคำสั่งของอาธีร์” ชื่อที่เขาอ้างทำให้หญิงสาวหยุดสะบัดแขน
“ว๊าย ระวังค่ะ” ธัญญ์หักหลบพุ่งชนต้นไม้ข้างทาง แทนที่จะประสานชนกับรถอีกคน หน้ารถที่กระแทกอย่างแรงยุบตรงฝั่งคนขับ กระจกหน้าร้าวจนแตก ชายหนุ่มฟุบลงบนพวงมาลัยรถหมดสติไปทันทีที่รถนิ่ง ควันจากหม้อน้ำพวยพุ่งออกมาเสียงดังฉ่า หญิงสาวเธอยังรู้สึกตัวเธอพยายามลืมตามองรอบตัว พิยะตาทรงตัวให้นั่งมือเรียวลูบคลำตามตัวก่อนจะหันไปมองคนข้างๆ
“คุณธัญญ์” ภาพของคนขับในตอนนี้ทำให้หญิงสาวตกใจจนแทบสิ้นสติ เขาฟุบอยู่บนพวงมาลัยรถใบหน้าที่หันตะแคงมาทางหญิงสาวเปื้อนเลือดเป็นทางยาวศีรษะปูดโปนเขียวช้ำ พิยะตาปล่อยหยาดน้ำตาไหลอาบสองแก้มในทันที เธอกรีดร้องเรียกเขาเสียงเพื่อให้เขารู้สึกตัว
“คุณธัญญ์ ฮือๆ อย่าเป็นอะไรนะคะ” มือเรียวเขย่าร่างหนา ไม่กี่วินาทีที่เขาพยายามลืมตาขึ้นมองใบหน้าสวยชายหนุ่มยิ้มบางๆ ให้เธอก่อนจะแน่นิ่งไปอีกครั้ง
เตียงเข็นคนไข้เลื่อนอย่างรวดเร็วมุ่งตรงไปยังห้องฉุกเฉิน พิยะตาวิ่งร้องไห้เรียกชื่อคนบาดเจ็บตลอดเวลา มือเรียวจับมือเขาขณะที่กำลังจะผ่านเข้าไปในห้องฉุกเฉิน นิ้วไม่มีเกี่ยวนิ้วของเธอไว้จนสุดความสามารถ
“ฮือๆ คุณธัญญ์” ร่างบางเซไปทรุดนั่งที่เก้าอี้ยาวหน้าห้อง หญิงสาวร้องไห้ฟูมฟายสะอื้นอย่างหนัก ภาพชายหนุ่มที่บาดเจ็บยังอยู่ในความทรงจำของเธอ เสียงโอดโอยครวญครางอย่างเจ็บปวดยิ่งทำให้หัวใจดวงเล็กปวดร้าว หญิงสาวเป็นห่วงเขามากเสียจนเธอก็อธิบายความรู้สึกนั้นไม่ได้
“ยายพิตต้า”
“อาโด่ง ฮือๆ ช่วยด้วยค่ะ คุณธัญญ์จะเป็นยังไงบ้างไม่รู้ค่ะ ฮือ” ร่างบางสะอื้นจนตัวโยกไปตามแรง ดนุพรรีบโอบกอดปลอบใจคนเสียขวัญ
“ใจเย็นๆ ถึงมือหมอแล้วคงไม่เป็นอะไรหรอกจ้า...ทำใจดีๆ ไว้นะพิตต้า”
“ฮือ พิตต้ากลัวค่ะ คุณธัญญ์เลือดออกเต็มตัวเลย”
“โอ๋คนเก่งของอา นั่งพักก่อนลูก มาๆ นั่งตรงนี้” ดนุพรโอบกอดหลานสาวเอาไว้เต็มอ้อมแขน เนื้อตัวที่สะอื้นสั่นเทาจนคนเป็นห่วงใจคอไม่ดี หล่อนไม่เคยเห็นพิยะตาเสียใจมากมายขนาดนี้ ดวงตาที่หลุบหรี่เคล้นน้ำตาหันมองแต่หน้าห้องฉุกเฉินหวังให้ใครซักคนเดินออกมา
“พิตต้า” เสียงแหบเรียกเบาๆ
“คะ” คนใจลอยขานรับเบาโดยไม่ได้หันมามองหน้าดนุพรเลย
“ทำไมต้องร้องไหขนาดนี้ด้วย...มีอะไรที่อาไม่รู้หรือเปล่า” หน้าซีดเซียวค่อยหันมองคนถาม ดวงตากระวนกระวายพยายามเก็บอาการสุดความสามารถ แต่ก็ไม่เป็นที่เชื่อใจของนางพญาที่กำลังจับจ้อง พิยะตาแสร้งปาดน้ำตาพร้อมเบื้อนหน้าหนี หญิงสาวเริ่มกลัวความรู้สึกของตัวเองจะเปิดเผย แต่เวลานี้สิ่งที่เธอต้องทำคือเฝ้าคอยดูอาการของชายหนุ่มมากกว่าที่จะกลบเกลื่อนความผิดของตัว
“ไม่มีอะไรคะ...พิตต้าแค่ตกใจมากเลยร้องไห้ไม่หยุด”
“อาไม่เชื่อ...สายตาโหยหาขนาดนี้ อาไม่ใช่เด็กอมมือนะ”
“อาขา...ไม่มีอะไรจริงๆ ค่ะ” ดนุพรจ้องด้วยสายตาดุดัน โชคเข้าข้างคนสาวประตูห้องเปิดออกชายกลางคนในชุดกราวน์สีขาวสะอาดเดินออกมาด้วยท่าทางอิดโรย พิยะตารีบลุกขึ้นก่อนที่ดนุพรจะตั้งคำถามกับเธอต่อ
“คุณหมอคะ คนไข้เป็นยังไงบ้างคะ” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ หมอขยับแว่นเล็กน้อยราวกับเรียกความมั่นใจ
“ตอนนี้อาการภายนอกของคนไข้ไม่น่าเป็นห่วงแล้วครับ แต่ว่า เอ่อ” ใบหน้าขาวซีดมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นจนหมอต้องปาดมันออก
“อะไรคะคุณหมอ คุณธัญญ์เป็นอะไรร้ายแรงมากเหรอคะ” พิยะตาเสียงสั่นเครือ เธอรีบถามอย่างร้อนรนจนคนที่ยืนอยู่ด้วยต้องมองด้วยความสงสัย
“หมอพบเศษกระจกในแก้วตาของคนไข้ ตอนนี้เอาออกเรียบร้อยแล้วเหลือแต่รอให้คนไข้ฟื้น หมอจะตรวจอาการอีกครั้งครับ”
“คุณธัญญ์จะไม่เป็นอะไรแน่นะคะ”
“ตอนนี้ยังบอกอะไรมากไม่ได้หรอกครับ เอาเป็นว่าเรื่องร่างกายภายนอกไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับ” หญิงสาวยังรู้สึกไม่สบายใจเธออยากจะรู้อาการของชายหนุ่มมากกว่านี้ แต่มือของดนุพรบีบต้นแขนเธอเบาๆ เพื่อเตือนให้เธอมีสติ
“คุณหมอก็บอกแล้วว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง รอให้คุณธัญญ์ฟื้นก่อนดีกว่านะ”
“ก็ได้ค่ะอาโด่ง” เสียงหญิงสาวอ่อยราวกับคนหมดแรง เธอยังห่วงคนที่นอนเจ็บอยู่ในห้อง เหตุการณ์ทุกอย่างมันเกิดขึ้นรวดเร็วจนเธอตั้งตัวไม่ทัน มันเหมือนฝันร้ายที่ทำให้จิตใจห่อเหี่ยวและว้าวุ่นตลอดเวลา พิยะตาหันไปมองห้องฉุกเฉินที่ปิดสนิทอย่างอาวรณ์ก่อนจะเดินตามแรงดึงของดนุพร
“เดี๋ยวรบกวนคุณพิยะตาไปตรวจร่างกายด้วยนะคะ จะได้แน่ใจว่าไม่อาการอื่นแทรกซ้อน”
“ได้ค่ะ” พิยะตาเดินตามพยาบาลสาวเข้าไปในห้องตรวจอย่างว่าง่าย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทัณฑ์นางโลม