ทัณฑ์นางโลม นิยาย บท 43

ธัญญ์สูญเสียประสาทตาส่วนหนึ่งชั่วคราวเนื่องจากเศษกระจกทำให้แก้วตาของเขาอักเสบชายหนุ่มต้องพักฟื้นระยะหนึ่งโดยห้ามใช้สายตา เขาหงุดหงิดไม่น้อยเพราะเคยทำโน่นนี่ด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้แค่มองภาพเบื้องเขายังทำไม่ได้ ไม่ต่างอะไรกับคนพิการเลยในความคิดของเขา ชายหนุ่มออกจากโรงพยาบาลเมื่อเช้าเขามาพักฟื้นร่างกายตามคำแนะนำของแพทย์ โดยมีพยาบาลพิเศษติดตามมาด้วย

“ไม่กินแล้ว” เสียงแข็งตวาดใส่พยาบาลสาวจนเธอลนลานถอยกรู่ไปอีกฟากหนึ่งของห้อง

“ออกไปได้แล้ว ออกไป โอ๊ยปวดหัว”

“อย่าเพิ่งเปิดผ้าปิดตาสิคะ รอให้ครบกำหนดที่คุณหมอสั่งก่อน”

“อย่ามายุ่งออกไป โอ๊ย” ชายหนุ่มเกิดอาการปวดหัวอย่างหนักเนื่องจากเขาเปิดผ้าปิดตากะทันหัน ดวงตาจึงปรับรับแสงไม่ทัน

“คุณธัญญ์” เสียงเรียกชื่อเขาอย่างตกใจ หญิงสาวรีบเดินเข้าไปประคองร่างที่ทรุดอยู่ข้างเตียง

“เป็นอะไรคะ” เธอหันมองพยาบาลที่แอบอยู่ข้างม่านยาว

“ปล่อยผม...ผมเบื่อไม่อยากอยู่แบบนี้”

“ใจเย็นๆ ค่ะ อีกไม่กี่วันก็หายแล้วนะคะคนดี” พิยะตากระซิบบอกเขาก่อนที่เธอจะก้มแนบจมูกกับใบหน้าคมเข้มทำให้ชายหนุ่มสงบนิ่งลง

“ลุกขึ้นไปนั่งบนเตียงนะคะ พิตต้าจะป้อนข้าวคุณเอง”

“เดี๋ยวดิฉันไปเตรียมอาหารให้ใหม่นะคะ” พยาบาลรีบเดินออกไปคงเกรงว่าหากช้าชายหนุ่มจะอาละวาดอีก

“เกเรนะคุณเนี่ย อาละวาดจนพยาบาลกลัวหมดแล้ว”

“ผมไม่ชอบอยู่แบบนี้” เขาตอบเสียงเรียบ

“วันนี้พิตต้าจะอยู่เป็นเพื่อนนะคะ อย่าดื้อล่ะ” เสียงใสทำให้เขาเผลอยิ้มออกมา มือหนากุมมือหญิงสาวไว้แน่นเธอเป็นกำลังใจที่ดีสำหรับเขา

“อาธีร์อนุญาตแล้วเหรอ”

“เค้าก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่คะ...ข้าวต้มร้อนมาแล้ว” หญิงตอบพร้อมหันไปรับถาดอาหารจากพยาบาล

“กลิ่นหอมน่าทานมากเลยค่ะ”

“ผมไม่ใช่เด็กเล็กนะคุณจะได้มาหลอกกันง่ายๆ”

“พิตต้าหลอกคุณตอนไหน ดูสิข้าวต้มน่าทานจริงๆ” หญิงสาวยิ้มกว้างให้คนใบหน้าบูดบึ้ง เธอตักอาหารขึ้นเป่าไล่ความร้อนก่อนจะยื่นให้เขา ชายหนุ่มมองอาหารสลับกับใบหน้าสวยลังเลเล็กน้อย

“มองเห็นหรือเปล่าครับ”

“ใกล้ขนาดนี้ผมพอจะมองเห็นครับ”

“กลัวมียาพิษเหรอ”

“เปล่า” เขารีบอ้าปากรับอาหารก่อนที่หญิงสาวจะเปลี่ยนใจไม่ดูแลเขา

“ยังปวดหัวอยู่ไหมคะ”

“นิดหน่อย”

“คุณหมอบอกว่าอาการปวดหัวของคุณเกิดขึ้นเพราะประสาทตายังทำงานไม่เต็มที่ ต้องรออีกระยะนึง”

“จะรอกี่วันผมก็ไม่ชอบ ทำอะไรไม่ได้กลายเป็นคนพิการไปแล้ว”

“ไม่หรอกค่ะ คุณไม่ได้พิการอย่าใจร้อนสิคะ เดี๋ยวเกิดอะไรขึ้นคุณหมอไม่รับผิดชอบนะคะ”

“ถ้าไม่ให้ผมดื้อ โวยวาย อาละวาด คุณก็ต้องอยู่กับผมทุกวันจนกว่าผมจะหายดี”

“เอ๊ะ มันเกี่ยวกันยังไงคะ คุณธีร์ก็จ้างพยาบาลมาดูเวลาเป็นการส่วนตัวแล้วนี่นา”

“มันไม่เหมือนกัน”

“นี่เค้าเรียกว่าโมเมหรือเปล่าคะ”

“ใจคอคุณจะไม่ดูแลผมจริงๆ เหรอ นี่ถ้าไม่ใช่เพราะคุณผมคงไม่” ยังไม่ทันที่เขาจะผมอะไรจบพิยะตาก็จัดกลีบส้มสีสดที่อยู่ในถาดอาหารยัดใส่ปากเขาทันที

“พูดมากดีนัก อะไรก็โทษพิตต้า ตัวเองนั่นแหละที่เหม่อเวลาขับรถ”

“อ้ออุนอ๋วย” (ก็คุณสวย) เขาพยายามพูดทั้งที่ส้มยังเต็มปาก

“ไม่ต้องพูดเลย ทานส้มให้หมดจะได้ทานยา”

“ดุชะมัดเลยพยาบาลอะไรเนี่ย”

“ไม่ชอบก็จะได้ให้พยาบาลตัวจริงเค้าทำหน้าที่”

“เอ่อ ไม่นะ” ธัญญ์รีบคว้าข้อมือเรียวก่อนที่เธอจะหันออกไป

“ผมขอโทษ...อย่าทิ้งผมไว้คนเดียวนะ” หญิงสาวมองใบหน้าเข้มที่โหยหาเขาขยับปากเม้มเล็กน้อย ดวงตาทั้งสองข้างมีผ้าปิดเอาไว้รอเสลาที่หมออนุญาตให้เปิด พยาบาลสาวรู้หน้าที่เธอเลี่ยงยกถาดอาหารออกไปเงียบที่สุด

“ค่ะ ทานยาก่อนนะคะคนดี” หญิงสาวตอบเขาเสียงนิ่ม เธอหยิบยาป้อนใส่ปากพร้อมประคองให้เขาดื่มน้ำ

“พิตต้า...เวลาแบบนี้คงอยู่กับผมไม่นานใช่ไหม”

“หมายความว่ายังไงคะ”

“อาทิตย์หน้าคุณก็จะแต่งงานแล้ว เราคงไม่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันแบบนี้อีก”

“อย่าพูดถึงเรื่องนั้นเลยค่ะ...ตอนนี้คุณควรพักผ่อนมากกว่าจะได้หายทันวันงาน”

“ผมไม่อยากหายแล้วล่ะ”

“ทำไมคะ...อยากป่วยแล้วจะให้พิตต้ามาดูแลทำไม”

“ผมอยากให้คุณดูแลผมแบบนี้ตลอดไปน่ะสิ” ธัญญ์ตอบเสียเอื่อยเบา หากไม่มีผ้าปิดดวงตาคู่งามหญิงสาวคงจะได้เห็นดวงตาเป็นประกายที่มีน้ำตาคลอของเขาเป็นแน่ ธัญญ์ยังไม่สามารถยับยั้งทุกอย่างได้เขาไม่รู้เลยจริงๆ ว่าวิธีไหนจะช่วยล้มเลิกงานแต่งครั้งนี้ได้

“น้ำเน่าไปหรือเปล่าคะคุณธัญญ์ ร้อยวันพันปี เราไม่เคยพูดจาดีๆ เลยซักครั้งนะคะ”

“รู้ไหมว่าผมอยากจะพูดกับคุณดีๆ ทุกครั้งที่เจอหน้าแต่ทุกครั้ง”

“เอาเถอะค่ะพักผ่อนนะคะ”

“ไม่” ชายหนุ่มอิดออดไม่ยอมพักผ่อน เพราะเขากลัวว่าเมื่อรู้สึกตัวขึ้นมา ข้างกายของเขาจะว่างเปล่าไม่เหลือใคร

“คุณธีร์อุตส่าห์ให้มาอยู่บ้านพักตากอากาศเพราะหวังจะให้หลานชายหายป่วยเร็วๆ แถมยังกำชับให้พิตต้ามาดูแลด้วยตัวเองอีกนะคะ”

“มันก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น”

“เอาน่าตอนนี้เราอยู่ด้วยกันสองคนแล้ว คนดีของพิตต้านอนพักได้แล้วค่ะ”

“นอนข้างๆ ผมได้ไหม” ไม่วายที่ชายหนุ่มจะแสดงความเจ้าเล่ห์ในน้ำเสียงออกมา แต่คนสาวก็ไม่ขัดเธอเลื่อนตัวเข้าไปนอนเคียงข้างเขาพร้อมโอบกอดอย่างรักใคร่ พิยะตาอยากจะซึมซับความอบอุ่นแบบนี้ไว้เช่นเดียวกับชายหนุ่ม เธอโหยหาที่จะอยู่เคียงข้างเขามากมายแต่ก็ไม่สามารถแสดงออกได้ งานแต่งใกล้ถึงแล้วเจ้าบ่าวที่รอเธออยู่มีพระคุณล้นเหลือ เธอจึงไม่อาจจะปฏิเสธเขาได้ ถึงหัวใจจะบอบช้ำเพราะรักไม่สมหวังหญิงสาวก็เลือกแล้วที่จะทำตามความต้องการของดนุพร เพื่อตอบแทนพระคุณที่เลี้ยงดู เธอยอมที่จะแต่งงานกับธีร์ สินสาโรจน์

ร่างเพียวสูงเดินเฉิดฉายถือข้าวของพะรุงพะรัง กระเช้าผลไม้ใบใหญ่บดบังหล่อนจนเกือบมองไม่เห็นทรวดทรง ดนุพรเมียงมองหาคนในคฤหาสน์หรูแต่ก็ไม่มีใครออกมาต้อนรับซักคน

“ไม่ไหนกันหมดเนี่ย บ้านเงียบเชียบเหมือนไม่มีคนอยู่เลยนะ”

“พิตต้า...อยู่ไหนกันจ๊ะ” คนสงสัยถือโอกาสเดินขึ้นไปชั้นบนของบ้าน อาจจะได้เจอคนที่เธอมาเยี่ยมเยียน หน้าประตูห้องนอนหนึ่งเปิดแง้มเอาไว้ มือเรียวค่อยๆ ผลักเปิดออก ดนุพรชะโงกเข้าไปดูภายในห้อง

“มีใครอยู่ไหมคะ” หล่อนถือวิสาสะเดินเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต ห้องสีขาวกว้างเสียจนหล่อนตะลึง การตกแต่งที่สวยงามยิ่งทำให้หัวใจหล่อนตื่นเต้นยิ่งนัก ประตูห้องปิดลงดังแก๊กร่างคนไม่ได้รับเชิญสะดุ้งเล็กน้อย หล่อนกล้าๆ กลัวๆ ที่จะเดินเข้าไปสำรวจภายในห้อง แต่เสียงเพลงคลาสสิคที่หล่อนโปรดปรานกลับดังอยู่ด้านในสุดจนทำให้คนอยากรู้ค่อยๆ เดินเข้าไป

“สวัสดีค่ะ โด่งมาเยี่ยมคุณธัญญ์นะคะ” ดนุพรเอ่ยจุดประสงค์ของตัวเองเพื่อให้เจ้าของห้องออกมาต้อนรับ แต่ความเงียบก็ยังคงอยู่เช่นเดิม หล่อนเดินเข้าไปใกล้เสียงเพลงมากขึ้นรู้สึกแปลกใจที่ไม่มีใครขานตอบซักคน

“เข้ามาทำไม”

“อุ๊ย ว๊าย” เสียงทักที่ดังโดยไม่ทันตั้งตัวทำให้หล่อนสะดุ้งและปล่อยข้าวของในมือล่วงหล่น

“เข้ามาห้องของคนอื่นโดยไม่ได้ขอแล้วยังจะมาซุ่มซ่ามอีก”

“คุณธีร์” หล่อนมองเห็นเจ้าของห้องชัดเจนจากแสงที่ส่องผ่านม่านยาว เขานั่งอยู่ที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ ดนุพรเม้มปากสะเทือนใจกับคำทักทายของคนรู้จัก อีกทั้งเขายังไม่คิดจะมาช่วยหล่อนเก็บข้าวของที่หล่นกระจายอีกด้วย

“เอาของมากมายขนาดนี้จะไปเที่ยวที่ไหนเหรอ”

“นี่คุณธีร์ ฉันเอาผลไม้มาเยี่ยมคุณธัญญ์ต่างหาก”

“อืมดีนี่ ทีผมรู้จักกันมาตั้งนาน คุณยังไม่เคยคิดจะมาเยี่ยมเยียน”

“ไม่ทราบว่าคุณป่วยเป็นอะไรคะ”

“โรคใจ”

“ฮึ ตัวมารยา” ดนุพรเหน็บแนมชายหนุ่มทันที เขาเองก็คงไม่พอใจนักลุกพรวดจากเก้าอี้แล้วเดินเข้ามาหาราวกับจะหาเรื่องหล่อน สายตาดุดันมองคนสวยเขม็ง หล่อนทำเป็นไม่สนใจก้มหน้าเก็บข้าวของต่อไป อยู่ๆ มือหนาก็คว้าแขนเรียวลากเข้าไปด้านในสุดของห้อง ดนุพรมองหน้าคนฉุนเฉียวกับเตียงนอนหนาสลับกัน

“จะทำอะไรคะคุณธีร์”

“ทำอะไรก็ได้ที่ช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้น” ชายหนุ่มซุกไซร้ใบหน้าลงที่ซอกคอขาว มือหนาดึงรั้งร่างกายหล่อนเอาไว้ไม่ให้ขยับหนี้ สัญชาตญานบอกให้หล่อนดิ้นสู้ปกป้องตัวเองจากการจู่โจมของผู้ชาย ดนุพรออกแรงสะบัดหนี แต่เขาก็ยิ่งบีบต้นแขนจนเป็นสีแดงช้ำ

“ว๊าย อย่าค่ะ”

“ผมไม่ปล่อยคุณไปไหนแล้ว”

“ปล่อยนะคะคุณธีร์ ปล่อยโด่งเดี๋ยวนี้นะ”

“คุณมีสิทธิ์อะไรมาสั่งผม” เขาตอบทั้งที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นจากคอขาว เลื่อนจูบสัมผัสแก้มเนียนราวกับผู้หญิงแท้ๆ ของหล่อนอย่างไม่ได้รังเกียจเดียจเพศ

“ปล่อยนะคนบ้า ปล่อยสิคะ” หล่อนยังออกแรงดิ้นรนหนี ทั้งที่ตอนนี้จิตใจเต้นระส่ายไม่เป็นจังหวะ ร่างกายก็เริ่มอ่อนยวบจนแทบจะนิ่งให้เขาครอบครองตัวหล่อน ธีร์ประกบปากจูบบดเบียดริมฝีปากอย่างดุเดือด ยิ่งหล่อนเบี่ยงหนีเขาก็ยิ่งบดขยี้เรียวปากหนาพร้อมขบเม้มปากหล่อนสนุกสนาน

“อืม” ชายหนุ่มเผลอครางออกมา

“อืม ปล่อยๆ” เสียงอู้อี้เล็ดรอดออกมาเล็กน้อย ก่อนที่ร่างบางจะอ่อนระทวยเพราะแรงบดขยี้ของเขา ธีร์พอใจกับผลงานตัวเอง เขาดึงร่างหล่อนให้ล้มลงบนที่นอน เป็นจังหวะให้ดนุพรรีบดันร่างตัวเองขึ้นแล้วถอยหนีจนชิดหัวเตียง ชายหนุ่มตามไปติดๆ ใบหน้าเขาไม่เหมือนพ่อพระอย่างที่หล่อนเคยรู้จัก ตอนนี้เขากลายเป็นซาตานไปเสียแล้ว เรือนร่างบางที่เป็นผู้หญิงสาวเกือบเต็มตัวสั่นสะท้าน หล่อนไม่ได้ตั้งตัวที่จะมารับอารมณ์ใครและคนตรงหน้าก็ไม่เคยทำให้หล่อนเจ็บช้ำแม้แต่น้อย ทำไมคราวนี้เขาไม่ยอมหยุดแล้วเดินถอยไปเหมือนทุกครั้ง มือหนาดึงข้อเท้าจนตัวหล่อนเลื่อนลงไปอยู่ใต้ตัวเขา ชายหนุ่มทาบทับร่างอรชรทัน เขาซุกไซร้ซอกคอและเลื่อนต่ำลง เนินอกอวบที่แน่นแข็งไม่ต่างจากหญิงสาวเลยจริงๆ

จากหญิงสาวเลยจริงๆ

“อย่านะคะคุณธีร์”

“ผมไม่ยอมปล่อยให้คุณทรมานผมต่อไปแล้วล่ะ” สิ้นเสียงเขาก็เริ่มเกมทรมานร่างกายของหล่อนต่อ

“ไม่นะ” หล่อนกรีดร้องสุดเสียง อย่าตกใจเพราะเขาไม่คิดจะปราณีหล่อนจริงๆ มือหนาที่คลึงเคล้นทั่วร่างกายสร้างความสะท้านให้ตัวหล่อนมากมายอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน จนร่างกายเริ่มตอบสนองหล่อนนึกตำหนิตัวเองในใจ

เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมงที่ดนุพรต้องอยู่ใต้อ้อมแขนของชายหนุ่ม หล่อนมองพิจารณารูปร่างกำยำแน่นไปด้วยมัดกล้ามแล้วต้องเผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ใบหน้าเข้มหล่อเหลาหลับสนิทแต่เขายังรั้งตัวหล่อนเอาไว้ เรียวปากหนาปิดสนิทจนหล่อนอยากจะจูบเม้มให้เขาสะดุ้งบ้าง ไอกลิ่นโคโลญจ์ราคาแพงยั่วยวนความอยากลิ้มลองสูดดมให้หน่ำใจ ดนุพรรู้ตัวเองดีว่าหล่อนตกหลุมรักเขามาหลายปีแล้ว เขาสุภาพและไม่เคยลวนลามหล่อนแม้แต่น้อย แต่ครั้งนี้ความพิศสวาทที่มีคงควบคุมไม่ได้ ดนุพรยอมรับว่าตัวเองก็ปล่อยให้เขาครอบครองร่างกายง่ายดายเช่นกัน ดวงตาคมพิจารณาหน้าหล่อเข้มอย่างหลงใหลอยู่นานจนเขาเริ่มขยับร่างกาย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทัณฑ์นางโลม