อ่านสรุป บทที่ 19.1 สองคนสองใจ จาก ทัณฑ์นางโลม โดย พิมพ์พิชญ์ หอมซอย ยุวรรณดา
บทที่ บทที่ 19.1 สองคนสองใจ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยายสำหรับผู้ใหญ่ ทัณฑ์นางโลม ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย พิมพ์พิชญ์ หอมซอย ยุวรรณดา อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ธัญญ์สูญเสียประสาทตาส่วนหนึ่งชั่วคราวเนื่องจากเศษกระจกทำให้แก้วตาของเขาอักเสบชายหนุ่มต้องพักฟื้นระยะหนึ่งโดยห้ามใช้สายตา เขาหงุดหงิดไม่น้อยเพราะเคยทำโน่นนี่ด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้แค่มองภาพเบื้องเขายังทำไม่ได้ ไม่ต่างอะไรกับคนพิการเลยในความคิดของเขา ชายหนุ่มออกจากโรงพยาบาลเมื่อเช้าเขามาพักฟื้นร่างกายตามคำแนะนำของแพทย์ โดยมีพยาบาลพิเศษติดตามมาด้วย
“ไม่กินแล้ว” เสียงแข็งตวาดใส่พยาบาลสาวจนเธอลนลานถอยกรู่ไปอีกฟากหนึ่งของห้อง
“ออกไปได้แล้ว ออกไป โอ๊ยปวดหัว”
“อย่าเพิ่งเปิดผ้าปิดตาสิคะ รอให้ครบกำหนดที่คุณหมอสั่งก่อน”
“อย่ามายุ่งออกไป โอ๊ย” ชายหนุ่มเกิดอาการปวดหัวอย่างหนักเนื่องจากเขาเปิดผ้าปิดตากะทันหัน ดวงตาจึงปรับรับแสงไม่ทัน
“คุณธัญญ์” เสียงเรียกชื่อเขาอย่างตกใจ หญิงสาวรีบเดินเข้าไปประคองร่างที่ทรุดอยู่ข้างเตียง
“เป็นอะไรคะ” เธอหันมองพยาบาลที่แอบอยู่ข้างม่านยาว
“ปล่อยผม...ผมเบื่อไม่อยากอยู่แบบนี้”
“ใจเย็นๆ ค่ะ อีกไม่กี่วันก็หายแล้วนะคะคนดี” พิยะตากระซิบบอกเขาก่อนที่เธอจะก้มแนบจมูกกับใบหน้าคมเข้มทำให้ชายหนุ่มสงบนิ่งลง
“ลุกขึ้นไปนั่งบนเตียงนะคะ พิตต้าจะป้อนข้าวคุณเอง”
“เดี๋ยวดิฉันไปเตรียมอาหารให้ใหม่นะคะ” พยาบาลรีบเดินออกไปคงเกรงว่าหากช้าชายหนุ่มจะอาละวาดอีก
“เกเรนะคุณเนี่ย อาละวาดจนพยาบาลกลัวหมดแล้ว”
“ผมไม่ชอบอยู่แบบนี้” เขาตอบเสียงเรียบ
“วันนี้พิตต้าจะอยู่เป็นเพื่อนนะคะ อย่าดื้อล่ะ” เสียงใสทำให้เขาเผลอยิ้มออกมา มือหนากุมมือหญิงสาวไว้แน่นเธอเป็นกำลังใจที่ดีสำหรับเขา
“อาธีร์อนุญาตแล้วเหรอ”
“เค้าก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่คะ...ข้าวต้มร้อนมาแล้ว” หญิงตอบพร้อมหันไปรับถาดอาหารจากพยาบาล
“กลิ่นหอมน่าทานมากเลยค่ะ”
“ผมไม่ใช่เด็กเล็กนะคุณจะได้มาหลอกกันง่ายๆ”
“พิตต้าหลอกคุณตอนไหน ดูสิข้าวต้มน่าทานจริงๆ” หญิงสาวยิ้มกว้างให้คนใบหน้าบูดบึ้ง เธอตักอาหารขึ้นเป่าไล่ความร้อนก่อนจะยื่นให้เขา ชายหนุ่มมองอาหารสลับกับใบหน้าสวยลังเลเล็กน้อย
“มองเห็นหรือเปล่าครับ”
“ใกล้ขนาดนี้ผมพอจะมองเห็นครับ”
“กลัวมียาพิษเหรอ”
“เปล่า” เขารีบอ้าปากรับอาหารก่อนที่หญิงสาวจะเปลี่ยนใจไม่ดูแลเขา
“ยังปวดหัวอยู่ไหมคะ”
“นิดหน่อย”
“คุณหมอบอกว่าอาการปวดหัวของคุณเกิดขึ้นเพราะประสาทตายังทำงานไม่เต็มที่ ต้องรออีกระยะนึง”
“จะรอกี่วันผมก็ไม่ชอบ ทำอะไรไม่ได้กลายเป็นคนพิการไปแล้ว”
“ไม่หรอกค่ะ คุณไม่ได้พิการอย่าใจร้อนสิคะ เดี๋ยวเกิดอะไรขึ้นคุณหมอไม่รับผิดชอบนะคะ”
“ถ้าไม่ให้ผมดื้อ โวยวาย อาละวาด คุณก็ต้องอยู่กับผมทุกวันจนกว่าผมจะหายดี”
“เอ๊ะ มันเกี่ยวกันยังไงคะ คุณธีร์ก็จ้างพยาบาลมาดูเวลาเป็นการส่วนตัวแล้วนี่นา”
“มันไม่เหมือนกัน”
“นี่เค้าเรียกว่าโมเมหรือเปล่าคะ”
“ใจคอคุณจะไม่ดูแลผมจริงๆ เหรอ นี่ถ้าไม่ใช่เพราะคุณผมคงไม่” ยังไม่ทันที่เขาจะผมอะไรจบพิยะตาก็จัดกลีบส้มสีสดที่อยู่ในถาดอาหารยัดใส่ปากเขาทันที
“พูดมากดีนัก อะไรก็โทษพิตต้า ตัวเองนั่นแหละที่เหม่อเวลาขับรถ”
“อ้ออุนอ๋วย” (ก็คุณสวย) เขาพยายามพูดทั้งที่ส้มยังเต็มปาก
“ไม่ต้องพูดเลย ทานส้มให้หมดจะได้ทานยา”
“ดุชะมัดเลยพยาบาลอะไรเนี่ย”
“ไม่ชอบก็จะได้ให้พยาบาลตัวจริงเค้าทำหน้าที่”
“เอ่อ ไม่นะ” ธัญญ์รีบคว้าข้อมือเรียวก่อนที่เธอจะหันออกไป
“ผมขอโทษ...อย่าทิ้งผมไว้คนเดียวนะ” หญิงสาวมองใบหน้าเข้มที่โหยหาเขาขยับปากเม้มเล็กน้อย ดวงตาทั้งสองข้างมีผ้าปิดเอาไว้รอเสลาที่หมออนุญาตให้เปิด พยาบาลสาวรู้หน้าที่เธอเลี่ยงยกถาดอาหารออกไปเงียบที่สุด
“ค่ะ ทานยาก่อนนะคะคนดี” หญิงสาวตอบเขาเสียงนิ่ม เธอหยิบยาป้อนใส่ปากพร้อมประคองให้เขาดื่มน้ำ
“พิตต้า...เวลาแบบนี้คงอยู่กับผมไม่นานใช่ไหม”
“คุณธีร์” หล่อนมองเห็นเจ้าของห้องชัดเจนจากแสงที่ส่องผ่านม่านยาว เขานั่งอยู่ที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ ดนุพรเม้มปากสะเทือนใจกับคำทักทายของคนรู้จัก อีกทั้งเขายังไม่คิดจะมาช่วยหล่อนเก็บข้าวของที่หล่นกระจายอีกด้วย
“เอาของมากมายขนาดนี้จะไปเที่ยวที่ไหนเหรอ”
“นี่คุณธีร์ ฉันเอาผลไม้มาเยี่ยมคุณธัญญ์ต่างหาก”
“อืมดีนี่ ทีผมรู้จักกันมาตั้งนาน คุณยังไม่เคยคิดจะมาเยี่ยมเยียน”
“ไม่ทราบว่าคุณป่วยเป็นอะไรคะ”
“โรคใจ”
“ฮึ ตัวมารยา” ดนุพรเหน็บแนมชายหนุ่มทันที เขาเองก็คงไม่พอใจนักลุกพรวดจากเก้าอี้แล้วเดินเข้ามาหาราวกับจะหาเรื่องหล่อน สายตาดุดันมองคนสวยเขม็ง หล่อนทำเป็นไม่สนใจก้มหน้าเก็บข้าวของต่อไป อยู่ๆ มือหนาก็คว้าแขนเรียวลากเข้าไปด้านในสุดของห้อง ดนุพรมองหน้าคนฉุนเฉียวกับเตียงนอนหนาสลับกัน
“จะทำอะไรคะคุณธีร์”
“ทำอะไรก็ได้ที่ช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้น” ชายหนุ่มซุกไซร้ใบหน้าลงที่ซอกคอขาว มือหนาดึงรั้งร่างกายหล่อนเอาไว้ไม่ให้ขยับหนี้ สัญชาตญานบอกให้หล่อนดิ้นสู้ปกป้องตัวเองจากการจู่โจมของผู้ชาย ดนุพรออกแรงสะบัดหนี แต่เขาก็ยิ่งบีบต้นแขนจนเป็นสีแดงช้ำ
“ว๊าย อย่าค่ะ”
“ผมไม่ปล่อยคุณไปไหนแล้ว”
“ปล่อยนะคะคุณธีร์ ปล่อยโด่งเดี๋ยวนี้นะ”
“คุณมีสิทธิ์อะไรมาสั่งผม” เขาตอบทั้งที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นจากคอขาว เลื่อนจูบสัมผัสแก้มเนียนราวกับผู้หญิงแท้ๆ ของหล่อนอย่างไม่ได้รังเกียจเดียจเพศ
“ปล่อยนะคนบ้า ปล่อยสิคะ” หล่อนยังออกแรงดิ้นรนหนี ทั้งที่ตอนนี้จิตใจเต้นระส่ายไม่เป็นจังหวะ ร่างกายก็เริ่มอ่อนยวบจนแทบจะนิ่งให้เขาครอบครองตัวหล่อน ธีร์ประกบปากจูบบดเบียดริมฝีปากอย่างดุเดือด ยิ่งหล่อนเบี่ยงหนีเขาก็ยิ่งบดขยี้เรียวปากหนาพร้อมขบเม้มปากหล่อนสนุกสนาน
“อืม” ชายหนุ่มเผลอครางออกมา
“อืม ปล่อยๆ” เสียงอู้อี้เล็ดรอดออกมาเล็กน้อย ก่อนที่ร่างบางจะอ่อนระทวยเพราะแรงบดขยี้ของเขา ธีร์พอใจกับผลงานตัวเอง เขาดึงร่างหล่อนให้ล้มลงบนที่นอน เป็นจังหวะให้ดนุพรรีบดันร่างตัวเองขึ้นแล้วถอยหนีจนชิดหัวเตียง ชายหนุ่มตามไปติดๆ ใบหน้าเขาไม่เหมือนพ่อพระอย่างที่หล่อนเคยรู้จัก ตอนนี้เขากลายเป็นซาตานไปเสียแล้ว เรือนร่างบางที่เป็นผู้หญิงสาวเกือบเต็มตัวสั่นสะท้าน หล่อนไม่ได้ตั้งตัวที่จะมารับอารมณ์ใครและคนตรงหน้าก็ไม่เคยทำให้หล่อนเจ็บช้ำแม้แต่น้อย ทำไมคราวนี้เขาไม่ยอมหยุดแล้วเดินถอยไปเหมือนทุกครั้ง มือหนาดึงข้อเท้าจนตัวหล่อนเลื่อนลงไปอยู่ใต้ตัวเขา ชายหนุ่มทาบทับร่างอรชรทัน เขาซุกไซร้ซอกคอและเลื่อนต่ำลง เนินอกอวบที่แน่นแข็งไม่ต่างจากหญิงสาวเลยจริงๆ
จากหญิงสาวเลยจริงๆ
“อย่านะคะคุณธีร์”
“ผมไม่ยอมปล่อยให้คุณทรมานผมต่อไปแล้วล่ะ” สิ้นเสียงเขาก็เริ่มเกมทรมานร่างกายของหล่อนต่อ
“ไม่นะ” หล่อนกรีดร้องสุดเสียง อย่าตกใจเพราะเขาไม่คิดจะปราณีหล่อนจริงๆ มือหนาที่คลึงเคล้นทั่วร่างกายสร้างความสะท้านให้ตัวหล่อนมากมายอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน จนร่างกายเริ่มตอบสนองหล่อนนึกตำหนิตัวเองในใจ
เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมงที่ดนุพรต้องอยู่ใต้อ้อมแขนของชายหนุ่ม หล่อนมองพิจารณารูปร่างกำยำแน่นไปด้วยมัดกล้ามแล้วต้องเผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ใบหน้าเข้มหล่อเหลาหลับสนิทแต่เขายังรั้งตัวหล่อนเอาไว้ เรียวปากหนาปิดสนิทจนหล่อนอยากจะจูบเม้มให้เขาสะดุ้งบ้าง ไอกลิ่นโคโลญจ์ราคาแพงยั่วยวนความอยากลิ้มลองสูดดมให้หน่ำใจ ดนุพรรู้ตัวเองดีว่าหล่อนตกหลุมรักเขามาหลายปีแล้ว เขาสุภาพและไม่เคยลวนลามหล่อนแม้แต่น้อย แต่ครั้งนี้ความพิศสวาทที่มีคงควบคุมไม่ได้ ดนุพรยอมรับว่าตัวเองก็ปล่อยให้เขาครอบครองร่างกายง่ายดายเช่นกัน ดวงตาคมพิจารณาหน้าหล่อเข้มอย่างหลงใหลอยู่นานจนเขาเริ่มขยับร่างกาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทัณฑ์นางโลม