ธัญญ์สูญเสียประสาทตาส่วนหนึ่งชั่วคราวเนื่องจากเศษกระจกทำให้แก้วตาของเขาอักเสบชายหนุ่มต้องพักฟื้นระยะหนึ่งโดยห้ามใช้สายตา เขาหงุดหงิดไม่น้อยเพราะเคยทำโน่นนี่ด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้แค่มองภาพเบื้องเขายังทำไม่ได้ ไม่ต่างอะไรกับคนพิการเลยในความคิดของเขา ชายหนุ่มออกจากโรงพยาบาลเมื่อเช้าเขามาพักฟื้นร่างกายตามคำแนะนำของแพทย์ โดยมีพยาบาลพิเศษติดตามมาด้วย
“ไม่กินแล้ว” เสียงแข็งตวาดใส่พยาบาลสาวจนเธอลนลานถอยกรู่ไปอีกฟากหนึ่งของห้อง
“ออกไปได้แล้ว ออกไป โอ๊ยปวดหัว”
“อย่าเพิ่งเปิดผ้าปิดตาสิคะ รอให้ครบกำหนดที่คุณหมอสั่งก่อน”
“อย่ามายุ่งออกไป โอ๊ย” ชายหนุ่มเกิดอาการปวดหัวอย่างหนักเนื่องจากเขาเปิดผ้าปิดตากะทันหัน ดวงตาจึงปรับรับแสงไม่ทัน
“คุณธัญญ์” เสียงเรียกชื่อเขาอย่างตกใจ หญิงสาวรีบเดินเข้าไปประคองร่างที่ทรุดอยู่ข้างเตียง
“เป็นอะไรคะ” เธอหันมองพยาบาลที่แอบอยู่ข้างม่านยาว
“ปล่อยผม...ผมเบื่อไม่อยากอยู่แบบนี้”
“ใจเย็นๆ ค่ะ อีกไม่กี่วันก็หายแล้วนะคะคนดี” พิยะตากระซิบบอกเขาก่อนที่เธอจะก้มแนบจมูกกับใบหน้าคมเข้มทำให้ชายหนุ่มสงบนิ่งลง
“ลุกขึ้นไปนั่งบนเตียงนะคะ พิตต้าจะป้อนข้าวคุณเอง”
“เดี๋ยวดิฉันไปเตรียมอาหารให้ใหม่นะคะ” พยาบาลรีบเดินออกไปคงเกรงว่าหากช้าชายหนุ่มจะอาละวาดอีก
“เกเรนะคุณเนี่ย อาละวาดจนพยาบาลกลัวหมดแล้ว”
“ผมไม่ชอบอยู่แบบนี้” เขาตอบเสียงเรียบ
“วันนี้พิตต้าจะอยู่เป็นเพื่อนนะคะ อย่าดื้อล่ะ” เสียงใสทำให้เขาเผลอยิ้มออกมา มือหนากุมมือหญิงสาวไว้แน่นเธอเป็นกำลังใจที่ดีสำหรับเขา
“อาธีร์อนุญาตแล้วเหรอ”
“เค้าก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่คะ...ข้าวต้มร้อนมาแล้ว” หญิงตอบพร้อมหันไปรับถาดอาหารจากพยาบาล
“กลิ่นหอมน่าทานมากเลยค่ะ”
“ผมไม่ใช่เด็กเล็กนะคุณจะได้มาหลอกกันง่ายๆ”
“พิตต้าหลอกคุณตอนไหน ดูสิข้าวต้มน่าทานจริงๆ” หญิงสาวยิ้มกว้างให้คนใบหน้าบูดบึ้ง เธอตักอาหารขึ้นเป่าไล่ความร้อนก่อนจะยื่นให้เขา ชายหนุ่มมองอาหารสลับกับใบหน้าสวยลังเลเล็กน้อย
“มองเห็นหรือเปล่าครับ”
“ใกล้ขนาดนี้ผมพอจะมองเห็นครับ”
“กลัวมียาพิษเหรอ”
“เปล่า” เขารีบอ้าปากรับอาหารก่อนที่หญิงสาวจะเปลี่ยนใจไม่ดูแลเขา
“ยังปวดหัวอยู่ไหมคะ”
“นิดหน่อย”
“คุณหมอบอกว่าอาการปวดหัวของคุณเกิดขึ้นเพราะประสาทตายังทำงานไม่เต็มที่ ต้องรออีกระยะนึง”
“จะรอกี่วันผมก็ไม่ชอบ ทำอะไรไม่ได้กลายเป็นคนพิการไปแล้ว”
“ไม่หรอกค่ะ คุณไม่ได้พิการอย่าใจร้อนสิคะ เดี๋ยวเกิดอะไรขึ้นคุณหมอไม่รับผิดชอบนะคะ”
“ถ้าไม่ให้ผมดื้อ โวยวาย อาละวาด คุณก็ต้องอยู่กับผมทุกวันจนกว่าผมจะหายดี”
“เอ๊ะ มันเกี่ยวกันยังไงคะ คุณธีร์ก็จ้างพยาบาลมาดูเวลาเป็นการส่วนตัวแล้วนี่นา”
“มันไม่เหมือนกัน”
“นี่เค้าเรียกว่าโมเมหรือเปล่าคะ”
“ใจคอคุณจะไม่ดูแลผมจริงๆ เหรอ นี่ถ้าไม่ใช่เพราะคุณผมคงไม่” ยังไม่ทันที่เขาจะผมอะไรจบพิยะตาก็จัดกลีบส้มสีสดที่อยู่ในถาดอาหารยัดใส่ปากเขาทันที
“พูดมากดีนัก อะไรก็โทษพิตต้า ตัวเองนั่นแหละที่เหม่อเวลาขับรถ”
“อ้ออุนอ๋วย” (ก็คุณสวย) เขาพยายามพูดทั้งที่ส้มยังเต็มปาก
“ไม่ต้องพูดเลย ทานส้มให้หมดจะได้ทานยา”
“ดุชะมัดเลยพยาบาลอะไรเนี่ย”
“ไม่ชอบก็จะได้ให้พยาบาลตัวจริงเค้าทำหน้าที่”
“เอ่อ ไม่นะ” ธัญญ์รีบคว้าข้อมือเรียวก่อนที่เธอจะหันออกไป
“ผมขอโทษ...อย่าทิ้งผมไว้คนเดียวนะ” หญิงสาวมองใบหน้าเข้มที่โหยหาเขาขยับปากเม้มเล็กน้อย ดวงตาทั้งสองข้างมีผ้าปิดเอาไว้รอเสลาที่หมออนุญาตให้เปิด พยาบาลสาวรู้หน้าที่เธอเลี่ยงยกถาดอาหารออกไปเงียบที่สุด
“ค่ะ ทานยาก่อนนะคะคนดี” หญิงสาวตอบเขาเสียงนิ่ม เธอหยิบยาป้อนใส่ปากพร้อมประคองให้เขาดื่มน้ำ
“พิตต้า...เวลาแบบนี้คงอยู่กับผมไม่นานใช่ไหม”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทัณฑ์นางโลม