“ตื่นแล้วเหรอ” เสียงทุ้มแหบเอ่ยถาม
“ค่ะ” หล่อนกระชับผ้าห่มแนบตัวมากขึ้น ความเย็นที่กระทบร่างเปลื่อยเปล่าทำให้เนื้อตัวหล่อนสั่นสะท้าน การได้เบียดร่างกายเข้าหาคนกำยำจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่สร้างความอบอุ่นให้ตัวเอง
“จุ๊บ ผมมีความสุขมากคุณรู้ไหม” ดนุพรหันสบตาคู่งาม เขาช่างมีเสน่ห์ชวนให้หลงใหล ยิ่งใกล้หัวใจที่เคยผลักไส้ก็อยากจะโอบกอดเขาไว้
“คุณทำแบบนี้ทำไม”
“ผมรักคุณ”
“คุณธีร์ อย่าพูดแบบนี้อีกนะคะ เดี๋ยวพิตต้ามาได้ยินเข้าจะเสียใจ”
“ฮึ คุณก็แบบนี้ทุกที ไม่เคยเข้าใจอะไรเลย พิตต้าเค้าไม่ได้รักผมคุณก็รู้ จะมาบังคับให้แต่งงานกับผม แล้วพิตต้าจะมีความสุขได้ยังไง”
“แต่โด่งไม่อยากให้คุณต้องเสียใจมากกว่านี้ พิตต้าจะทำให้คุณลืมโด่งได้ค่ะ”
“ไม่มีวันนั้นหรอก ผมไม่ได้รักพิตต้า เราสองคนไม่ได้รักกัน ที่ยอมทำทุกอย่างก็เพื่อคุณ ทำไมคุณไม่คิดจะทำอะไรเพื่อคนอื่นบ้างล่ะ” เรียวปากสวยเม้มแน่น ดนุพรคิดตามที่เขาพูด หล่อนอ้างโน่นนี่มากมายเพื่อให้หลานสาวยอมแต่งงานกับธีร์ ยิ่งเขาโวยวายเรียกร้องความยุติธรรมให้หญิงสาวอย่างนี้หล่อนก็รู้สึกผิดขึ้นมาทันที
“โด่งไม่อยากให้คุณทรมานใจนี่คะ”
“พอเถอะ ผมขอร้อง”
“พิตต้าก็ตกลงยอมแต่งงานกับคุณแล้ว อีกอย่างแกก็ไม่ได้แสดงอาการลำบากใจนี่คะ”
“เพราะพิตต้าเป็นเด็กดี ยอมทำทุกอย่างเพื่อคนที่รักเช่นคุณ”
“โด่งไม่รู้ค่ะ พิตต้าไม่เคยบอกอะไรโด่ง”
“คุณไม่เคยถาม ไม่เปิดใจยอมรับว่าพิตต้ามีชีวิตเป็นของตัวเอง” ดนุพรสลดลง
“โธ่ ยายพิตต้าของอา โด่งขอโทษค่ะ”
“ผมไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าใครจะว่ายังไง อีกอย่างฐานะของผมในตอนนี้มันก็ทำให้เราอยู่ได้โดยที่ไม่ต้องออกไปพบเจอใคร”
“คุณจะยอมทิ้งทุกอย่างไม่ได้นะคะ”
“โด่งคุณจะห่วงอะไรอีก”
“บาร์กรีนเนอร์รี่”
“ผมจัดการทุกอย่างแล้ว...คุณไม่ต้องเป็นห่วง” ดนุพรลุกขึ้นนั่งโดยไม่ลืมที่จะดึงผ้ามาปกปิดร่างกาย
“การ์ดงานแต่งก็แจกไปแล้ว แบบนี้หลานสาวโด่งก็เสียหายสิคะ”
“พอเถอะเลิกพูดเรื่องนี้ ผมเตรียมทุกอย่างให้พิตต้าแล้วรับรองว่าพิตต้าจะไม่เสียอะไรทั้งนั้น” ดนุพรมองหน้าคนพูดอย่างสงสัย เขาไม่เคยวางแผนอะไร ทำไมตอนนี้ถึงดูลับลมคมนัยพิลึก
“พิตต้าอยู่ไหนคะ”
“ผมให้เค้าไปอยู่ดูแลเจ้าธัญญ์...ป่านนี้คงจะกำลังคุยปรับความเข้าใจกันแน่ๆ”
“ตายจริง คุณธัญญ์ หวังว่าคงจะไม่ทำให้หลานสาวโด่งร้องไห้เสียน้ำตาอีกนะคะ”
“นี่คุณรู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม”
“อะ เอ่อ เรื่องอะไรคะ” ดนุพรแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องที่ชายหนุ่มถาม ใครจะกล้าบอกว่าพิยะตานั้นมีใจให้หลานชายตัวดีของเขา ทั้งๆ ที่กำลังจะแต่งงานด้วยกันแล้วแท้ๆ
“ก็เรื่องเจ้าธีร์กับหนูพิตต้าไง”
“มะ ไม่รู้ค่ะ สองคนนี้ทะเลาะกันประจำเลย น่าจะเป็นคู่กัดกันมากกว่านะคะ”
“โด่งคุณนี่ไม่เคยสังเกตอะไรเลยเหรอ”
“ช่างเถอะค่ะ...โด่งขอไปอาบน้ำก่อนนะคะ” ดนุพรลุกเตรียมเดินไปยังห้องอาบน้ำ แต่มันติดตรงที่ว่าผ้าห่มนั้นมีผืนเดียวอีกทั้งชายหนุ่มก็ใช้ปกปิดร่างกายเช่นกัน เขาจึงไม่ยอมปล่อยมือจากผ้าง่าย
“อุ๊ยคุณธีร์ ปล่อยผ้าสิคะ”
“จะปล่อยได้ยังไง ผมก็ไม่ได้ใส่อะไรเหมือนกันนะ” ดนุพรมองเขาหน้าแดงกล่ำ หล่อนผุดคิดถึงสรีระที่กำยำแล้วเลยไปจนถึงความแข็งแกร่งที่ผงาดง้ำจนหล่อนหัวใจสั่นไหว เสียงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ทำให้ชายหนุ่มต้องรีบดึงผ้าห่มกระชับแน่นกว่าเดิม
“ว๊าย” เขาดึงด้วยความอาย แต่มันทำให้ผ้าหลุดจากตัวคนที่ยื่น ร่างกายเปลื่อยเปล่าขาวนวลเย้ายวนสายตาให้ชายหนุ่มต้องจับจ้องอยู่นาน
“อีตาบ้า” ดนุพรแก้เขินด้วยการโวยวายใส่เขาแล้วเจ้าหล่อนก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องอาบน้ำ
“ฮึๆ ทำเป็นอาย ทีของเราล่ะมองเอาๆ” ชายหนุ่มพลางเปิดผ้าห่มแล้วมองของสงวนของตัวเอง
“ในที่สุดก็ได้ใช้งาน หลังจากพักศึกมาหลายปีนะลูกพ่อ”
“ทุเรศ แบร่” เสียงบ่นดังออกมาจากห้องน้ำ
“อะไรนะ จะให้ผมเข้าไปอาบน้ำด้วยเหรอ”
“ว๊าย อย่าเข้ามานะ อีตาบ้า”
สายลมที่พัดเกลียวคลื่นเข้ากระทบฝั่ง เย็นเฉียบราวกับอยู่ในช่วงฤดูหนาว ใบหน้าสวยหวานมองเลื่อนลอยไปยังคลื่นหนา ปอยผมถูกลมพัดสยายเกี่ยวใบหน้าจนหญิงสาวต้องรวบผมเอาไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง หญิงสาวทอดสายตาไปไกลเธอหวังจะได้เห็นเส้นขอบของท้องฟ้า
“แก๊ง” เสียงสิ่งของกระทบพื้นทำให้พิยะตาต้องหันไปมอง
“คุณธัญญ์” ชายหนุ่มที่มีผ้าปิดตา พยายามคลำหาทางเดินมาหาคนสาว เขาพลาดสะดุ้งอะไรบางอย่างจึงล้มลง
“เป็นยังไงบ้างคะ...ค่อยๆ ลุกนะคะ” หญิงสาวประคองให้เขาลุกขึ้นอย่างห่วงใย
“ไม่เป็นไรหรอก ผมเห็นคุณหายไปนานเลยออกมาดู”
“โธ่ พิตต้าแค่มายืนสูดอากาศค่ะ”
“ทำไมไม่ชวนผมบ้างล่ะ รู้ไหมว่าการได้อยู่กับคุณสองต่อสองมันมีความกับผมมากแค่ไหน ผมไม่อยากจะเสียมันไปซักวินาที” ชายหนุ่มพูดราวกับว่าเขาจะไม่ได้อยู่กับเธอเช่นนี้อีกแล้ว
“ไม่เอาค่ะ เรายังอยู่ด้วยกันอีกหลายวันนะคะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทัณฑ์นางโลม