สองเดือนต่อมา
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ปรางค์รวีเป็นเยี่ยงนางบำเรอของ
วิตโตริโอ เขามักหาความสุขจากร่างกายสาวทุกครั้งที่มีโอกาส ความรักที่มีต่อชายหนุ่มทำให้เธอยอมทอดกายให้เชยชม และหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ วิตโตริโอก็จะผละจากร่างสาวทันที ประหนึ่งเธอเป็นตัวรังเกียจก็ไม่ปาน เดินออกไปจากห้องดื้อๆ ไม่มีการกอด ไม่มีการพูดคุยใดๆ ทั้งสิ้น นำพาความน้อยใจมาให้ปรางค์รวีไม่น้อย อีกทั้งยังไม่มั่นใจในสถานะของตนด้วยว่า อยู่ในฐานะใดกันแน่ ระหว่างคู่รักหรือคู่นอน
“คุณเสือคะ อีกสองเดือนปรางค์จะเรียนจบแล้ว พอถึงตอนนั้นเราแต่งงานกันนะคะ” สีหน้าของคนที่ถามแช่มชื่น แต่คนที่ถูกถามเบื่อหน่ายเต็มประดา แต่ที่ยังไม่ไล่เธอออกไปจากชีวิต เนื่องจากความสุขที่ได้รับจากเธอนั้นมากล้น สุขสมแบบไม่มีขีดจำกัด เขาจึงเก็บปรางค์รวีเป็นดอกไม้ประดับเตียงต่อไป แต่ถ้าหากวันไหนหมดสิ้นเสน่หา เขาก็พร้อมที่จะเขี่ยเธอทิ้ง
“อืม” เขาตอบออกไปอย่างไม่เต็มใจนัก พูดง่ายๆ คือตอบตัดความรำคาญมากกว่า ก่อนจะก้าวลุกเดินออกจากเตียงด้วยสภาพที่เปล่าเปลือยและแต่งตัวเพื่อเดินทางออกไปจากคอนโด สถานที่ที่เปรียบเสมือนรังสวาทของตน
“วันนี้ฉันไปส่งปรางค์ไม่ได้นะ ต้องไปทำธุระให้คุณแม่ ปรางค์กลับเองได้หรือเปล่า” เขาพูดขณะที่แต่งตัว
“ได้ค่ะ ปรางค์กลับได้” เธอตอบเสียงเบา
“พรุ่งนี้เจอกันที่บริษัทก็แล้วกัน ฉันไปก่อนนะ”
ปรางค์รวีมองตามร่างหนาที่เดินไปยังประตูห้องนอนแล้วรู้สึกแสบร้อนกลางอก น้ำตาไหลรินเคลียแก้ม อดสูกับสภาพของตัวเองยิ่งนัก เธอมีค่าแค่นี้ มีค่าแค่เพียงตอบสนองความสุขให้วิตโตริโอ พอเขาหาความสุขจากกายเธอจนอิ่มก็เดินจากไป แต่จะโทษใครได้นอกจากตัวเอง ที่รักวิตโตริโอมากเกินไป มากเสียจนไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง ก็ต้องได้รับความทุกข์ใจและเสียใจอยู่อย่างนี้
....................
รังสรรค์และโซเยอร์สองลูกน้องคู่ใจ นั่งรอวิตโตริโออยู่ภายในรถของผู้เป็นนาย เมื่อเห็นร่างของเจ้าของรถเดินหน้ายุ่งมาแต่ไกล สองลูกน้องรีบร้อยลงมาจากรถและเปิดประตูคอย
“มัมให้ฉันเอาของขวัญไปให้ใคร ทำไมไม่ส่งไปรษณีย์ตรงไปที่บ้านของคนนั้นเลย ทำไมต้องให้ฉันเอาไปให้ด้วย” วิตโตริโอถามและบ่นด้วยความหงุดหงิดใจกับภาระหน้าที่ที่ตนไม่อยากจะทำ
“ผมไม่ทราบครับ มาดามสั่งมาอย่างนี้ครับ และยังกำชับให้คุณวิโตทำตามที่สั่งด้วยครับ” รังสรรค์รายงานตามที่ได้รับมอบหมายมา
“งั้นก็ไปเลย มันสั่ง ฉันขัดได้ที่ไหน” วิตโตริโอไม่เคยยอมผู้หญิงคนไหน ยกเว้นคนเดียวคือทิพย์ธารา มารดาผู้ใจดี และจะกลายเป็นเสือทันทีที่โกรธ แม้กระทั่งบิดามาเฟียผู้ลือชื่อ ยังเชื่องอย่างกับแมวเมื่ออยู่กับมารดา
............
หนึ่งชั่วโมงต่อมา วิตโตริโอก็เดินทางมาถึงจุดหมาย สถานที่จัดงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิด จัดอย่างยิ่งใหญ่ภายในบ้านทรงไทยหลังหนึ่งที่มีเนื้อที่กว่าห้าไร่ เป็นบ้านทรงไทยสมัยรัชกาลที่ 4 แต่ยังความใหม่แม้ว่าจะอายุของบ้านร่วมร้อยกว่าปี บอกให้รู้ว่า เจ้าของบ้านคงจะดูแลและทำนุบำรุงเป็นอย่างดี ไม่ให้เสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา
ทั้งสามเดินเข้าไปภายในงานเลี้ยงที่มีแขกเหรื่อมาร่วมงานนับร้อยคน ในมือถือกล่องของขวัญที่มารดาส่งตรงมาจากอิตาลี ให้เขานำมาให้เจ้าของวันเกิดในวันนี้ ซึ่งวิตโตริโอก็ไม่ทราบว่า เขาคนนั้นคือใคร
“ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าเจ้าของวันเกิดอยู่ที่ไหนครับ”
ความที่ไม่รู้จักเจ้าของงาน ทำให้เขาเลือกที่จะถามคนที่มาร่วมงานที่ทำหน้าแปลกใจ ที่คนถามมางานวันเกิดได้อย่างไร หากไม่รู้จักเจ้าของงานเลี้ยง
“พอดีผมมาแทนคุณแม่น่ะครับ ผมก็เลยไม่รู้จักเจ้าของงาน”
จากสีหน้าของคนถูกถาม ทำให้วิตโตริโอต้องขยายความเข้าใจให้อีกฝ่ายรู้มากขึ้น
“คุณนภาลัยนั่งอยู่บนโต๊ะนั้นค่ะ” คนถูกถามตอบและชี้นิ้วไปยังโต๊ะที่อยู่หน้าซุ้มดอกไม้
“ขอบคุณครับ” กล่าวคำขอบคุณจบ วิตโตริโอก็หันไปมองตามที่อีกฝ่ายชี้
ภาพที่หนุ่มลูกครึ่งอิตาเลี่ยนเห็นคือ สตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุน่าจะประมาณหกสิบห้าปี ยืนอยู่หน้าโต๊ะตัวยาวที่มีกล่องของขวัญวางเรียงรายนับสิบกล่อง โดยมีร่างงดงามของหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่เคียงข้าง เธอสวมชุดเดรสสีชมพูสั้นพอดีเข่า ดูเรียบร้อยแต่หรูด้วยดีไซน์ใบหน้าสวยพริ้มเพรา รูปร่างอรชรอ้อนแอ้นราวกับนาฬิกาทราย ยิ่งได้เห็นรอยยิ้มสดใสของเธอยามแจกจ่ายให้คนร่วมงาน หัวใจของเขากระตุกขึ้นมาทันใด เท้าใหญ่เดินไปยังจุดที่ดึงดูดใจราวกับต้องมนต์สะกด
นภาลัยเจ้าของงานวันเกิดและกมลเนตรหลานสาวยสุดสวย มองชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ชาวต่างชาติที่เดินมายังตนด้วยความสงสัยว่า บุรุษน่าเกรงขามคนนี้คือใคร เพราะนภาลัยมั่นใจหนักหนาว่า ไม่รู้จักแขกคนนี้มาก่อน แต่ก็ทำนิ่งเฉย รอให้อีกฝ่ายแนะนำตัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทัณฑ์รักอสูรร้าย