แว็บเดียว สายตาของทุกคน มองไปยังคนพูดคนนั้นอย่างพร้อมเพรียงกัน
คนที่พูดคือหัวหน้าฝ่ายขาย ชื่อเผิงกาง อายุราวๆสี่สิบกว่าปี บนศีรษะมีผมไม่กี่เส้น มันแวววับ หวีไปไว้ที่ด้านหลัง แล้วยังใส่แว่นตาขอบสีทองอีกด้วย
ในแผนกใหญ่ๆแต่ละแผนกของบริษัท เผิงกางมีวัยวุฒิมากที่สุด หลังจากที่ได้ก่อตั้งสาขาที่เจียงโจว ถูกตระกูลอวี่เหวินแต่ตั้งแต่หัวหน้าแผนก
ก่อนหน้านี้ตำแหน่งรองผู้จัดการแผนกการขายไม่มีมาโดยตลอด คนจำนวนมากคิดว่าเผิงกางจะเลื่อนขั้นเป็นรองผู้จัดการทั่วไป แต่วันนี้กลับถูกฉินยีแย่งตำแหน่งไป
ลั่วปิงขมวดคิ้ว กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “คุณมีความเห็นต่างอะไร?"
เผิงกางกล่าว “ตั้งแต่เธอเข้ามาในบริษัท จนกระทั่งตอนนี้ยังไม่ถึงสองเดือน ก็เลื่อนขั้นเป็นรองผู้จัดการ ไม่ตรงกับเงื่อนไขในการเลื่อนขั้นของบริษัทแต่อย่างใด”
“เหอะ!”
ลั่วปิงถูกถามต่อหน้าผู้คน เขาไม่พอใจแน่นอน จึงได้กล่าวอย่างสงบว่า “ใช่ที่ฉินยีเพิ่งจะเข้ามาทำงานได้ไม่นาน แต่โปรเจ็คที่ร่วมมือกันทางการค้าครึ่งหนึ่งของบริษัท เธอเป็นคนทำสำเร็จ”
“ในช่วงสองเดือนมานี้ มูลค่าที่เธอคนเดียวได้สร้างให้กับบริษัท ก็ปาไปครึ่งหนึ่งแล้ว ถ้าเธอไม่มีสิทธิ์แล้วใครจะมีสิทธิ์? ”
“อีกอย่าง เยี่ยนเฉินกรุ๊ปใครที่มีคุณภาพก็ได้ตำแหน่งไป เมื่อไหร่กันที่เอาวัยวุฒิเข้ามาตัดสินการเลื่อนตำแหน่ง?"
“อีกอย่าง ผมขอเน้นอะไรหน่อยนะ หนังสือแต่งตั้งเป็นคำสั่งของสำนักงานใหญ่ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับผมลั่วปิง ถ้าคุณมีปัญหา ก็ไปร้องเรียนกับส่วนกลาง ผมมีหน้าที่ประกาศตามคำสั่งของสำนักงานใหญ่เท่านั้น”
เมื่อได้ยินคำพูดของลั่วปิง ทุกคนที่อยู่ในห้องประชุมต่างเข้าใจขึ้นมาทันที
แม้ฉินยีจะวัยวุฒิยังน้อย แต่ได้ทำโปรเจ็คขนาดใหญ่มากมายให้กับบริษัท โดยเฉพาะช่วงหนึ่งเดือนนี้ ระดับงานของฉินยีดีขึ้นไปอีก
นี่อาจทำให้พนักงานระดับล่างมากมายของบริษัท เกิดความเชื่อมั่นขึ้นมาอย่างมาก โดยเฉพาะคำพูดใครที่มีคุณภาพก็ได้ตำแหน่งไปของลั่วปิงประโยคนั้น
เรื่องของฉินยี เป็นแรงบันดาลใจอย่างมาก ให้กับพนักงานระดับล่าง
“เอาละ ถ้าทุกท่านไม่มีอะไรแล้ว เลิกประชุม”
ลั่วปิงมองไปหาทุกคน แล้วกล่าว
งานที่หยางเฉินสั่งไว้ เขาทำมันสำเร็จแล้ว ยังอยากรีบรายงานเรื่องนี้แก่หยางเฉินโดยเร็ว
“ลั่วปิง ในเมื่อแกไม่มีเมตตาธรรม ก็อย่าว่าฉันไม่ชอบธรรมก็แล้วกัน”
เผิงกางเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันใด เรียกชื่อลั่วปิงดังๆ ต่อหน้าพนักงานทุกคน
คำพูดของเขา ทำให้ทุกคนตะลึง
อยู่ไกลทำเรื่องโดยพลการ ที่สาขา ถึงแม้ลั่วปิงจะเป็นแค่ผู้จัดการทั่วไป แต่กลับเป็นหัวหน้าใหญ่สุดของที่นี่ วันนี้เผิงกางกลับกล้าชนต่อหน้าทุกคน
“เพื่อนร่วมงานทุกท่าน ตอนนี้ผมจะให้ทุกคนดูอะไรบางอย่าง เชื่อว่าหลังจากที่ทุกท่านได้ดูแล้ว จะเข้าใจว่าฉินยีเลื่อนขั้นเป็นรองผู้จัดการทั่วไปได้อย่างไรกัน”
เผิงกางตะโกนเสียงดัง หยิบกระเป๋าหนังใบหนึ่งขึ้นมาทันใด จากนั้นก็หยิบรูปขึ้นมาหนึ่งปึก ยกมือขึ้นแล้วโยนไปรอบๆ
แว็บเดียว ในห้องประชุมเต็มไปด้วยรูปภาพ
ฉินยีหยิบมาได้หนึ่งรูป ตอนที่เธอเห็นรูป ก็หน้าถอดสีทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
เพราะในรูป เธอนั่งอยู่ในอ้อมกอดของลั่วปิง แล้วมือสองข้างก็กอดคอของลั่วปิงไว้ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
เมื่อเห็นรูป ในห้องประชุมต่างโหวกเหวกกันขึ้นมา
ทุกคนมองไปที่ฉินยีอย่างตะลึง แม้แต่เพื่อนรักที่อยู่ข้างๆฉินยีซุนเถียน ก็ตะลึง
ซุนเถียนคิดว่าเป็นความจริง จินตนาการได้ ว่าคนอื่นๆก็คิดถึงฉากที่สกปรกนี้ไปแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...
รอข้ามปี...