“ยินดีด้วย องค์ชายห้า!”
“ยินดีด้วย องค์ชายห้า!”
……
ภายในห้องประชุม ทุกคนพากันแสดงความยินดี
ต้วนหวูเหยียนยิ้มสดใส ลุกขึ้นกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ต่อไปทุกท่านได้โปรดช่วยชี้แนะด้วย!”
ในเวลานี้ ในที่สุดทุกคนก็เข้าใจว่า ทำไมต้วนหวูเหยียนถึงสามารถนั่งบนที่นั่งทางด้านขวาของกษัตริย์ต้วนได้ ที่แท้เขาได้ก้าวเข้าสู่ระดับแดนเทพชั้นปลายแล้ว
“พี่รอง ต่อไปได้โปรดชี้แนะด้วย!”
ในที่สุดต้วนหวูเหยียนก็มองไปที่ต้วนหวูหยา และกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“แน่นอนอยู่แล้ว! ยินดีด้วยน้องห้า!”
ต้วนหวูหยากล่าวขึ้น
ไม่ว่าภายในใจเขาจะไม่ยินยอมแค่ไหน แต่ก็ต้องยอมรับว่าความสามารถด้านวิถีบู๊ของต้วนหวูเหยียนนั้นแซงหน้าเขาไปแล้ว
ความต่างอายุสองปีแต่อยู่ในระดับเดียวกับเขา ได้แสดงให้เห็นว่าใครกันแน่ที่เป็นสุดยอดวรยุทธอันดับหนึ่งของราชวงศ์ต้วน
ต้วนหวูหยาเข้าใจเหตุผลข้อนี้ดี สมาชิกคนอื่นๆ ของราชวงศ์ต้วนก็ย่อมรู้ดีเช่นกัน เพียงชั่วครู่เดียว สายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่ต้วนหวูหยา
เดิมทีต้วนหวูหยาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์ ซึ่งทำให้สถานะของเขาในราชวงศ์ต้วนมีเสถียรภาพ
แต่ตอนนี้ สถานะของเขาดูเหมือนจะถูกสั่นคลอนแล้ว
“ตามธรรมเนียมที่ผ่านมา ใครก็ตามที่มีคุณูปการมากมายต่อราชวงศ์ ก็สามารถร้องขออะไรจากข้าได้ ข้าจะตอบตกลงอย่างแน่นอน!”
กษัตริย์ต้วนมองต้วนหวูเหยียนด้วยความพึงพอใจ
“เสด็จพ่อ ที่หวูเหยียนสามารถก้าวเข้าสู่ระดับแดนเทพชั้นปลายได้ ก็เพราะการฝึกอบรมของท่าน แล้วจะนับว่าเป็นการสร้างคุณูปการอย่างใหญ่หลวงให้กับราชวงศ์ได้อย่างไร? หวูเหยียนไม่กล้าขออะไรทั้งนั้น”
ต้วนหวูเหยียนรีบลุกขึ้นพูด
“ต้องอาศัยพรสวรรค์ในด้านวิถีบู๊และความอุตสาหะของตนเอง ถึงได้ฟันฝ่าเข้าสู่ระดับแดนเทพชั้นปลาย ต่อให้ทางราชวงศ์จะให้การฝึกอบรมอย่างสุดกำลัง แล้วอย่างไรล่ะ?”
กษัตริย์ต้วนพูดเสียงดังชัดเจน “ในฐานะพระโอรส การฟันฝ่าเข้าสู่ระดับแดนเทพชั้นปลาย ตัวข้านั้นถือว่าเป็นคุณูปการอย่างยิ่ง หากต้องการสิ่งใดก็สามารถขอจากข้าได้ทุกอย่าง!”
เมื่อได้ยินคำพูดของกษัตริย์ต้วน ต้วนหวู่เหยียนก็มองไปทางต้วนหวูหยา ประกายวิบวับปรากฏขึ้นในส่วนลึกของดวงตา ก่อนจะเอ่ยปากว่า “เช่นนั้น ข้าก็มีความกล้าที่จะขออะไรเสด็จพ่อแล้ว”
“เสด็จพ่อจะยกจวนเล็กที่หัวมุมตะวันออกเฉียงเหนือของวังให้ข้าได้ไหม?”
ทันทีที่เขาได้ยินสิ่งนี้ สีหน้าของต้วนหวูหยาก็ถอดสี ความโกรธเกรี้ยวอันรุนแรงได้แผ่ซ่านออกจากตัวเขา
“หืม?”
กษัตริย์ต้วนเลิกคิ้วขึ้นและมองไปทางต้วนหวูหยาอย่างเย็นชา
ต้วนหวูหยาถึงได้ตระหนักว่าตนเองนั้นควบคุมอารมณ์ไม่อยู่แล้ว จึงรีบข่มความโกรธและกำหมัดทั้งสองแน่น ตอนที่มองไปทางต้วนหวูเหยียน สายตานั้นเต็มไปด้วยความเย็นชา
ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมต้วนหวูเหยียนถึงกล้ายั่วยุเขา รวมถึงสิ่งที่เขาพูดในจวนเล็กนั้นหมายความว่าอย่างไร
จวนเล็กที่หัวมุมตะวันออกเฉียงเหนือของวัง เป็นสถานที่ที่เขาและภรรยาผู้ล่วงลับเคยอาศัยอยู่มาก่อน
“เจ้าแค่ต้องการจวนเล็กหลังนั้นน่ะหรือ?”
กษัตริย์ต้วนถามด้วยสีหน้างุนงงทันที “ถ้าข้าจำไม่ผิด จวนหลังเล็กที่หัวมุมตะวันออกเฉียงเหนือของวังเป็นสถานที่ที่หวูหยาเคยอาศัยอยู่ใช่ไหม?”
ต้วนหวูเหยียนพยักหน้าและพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าเล็งจวนเล็กหลังนั้นอยู่ พี่รองก็ไม่ได้อยู่ที่นั่นมาหลายปีแล้ว”
“แม้ว่าจวนเล็กจะเล็กมาก แต่ก็เงียบสงบและอยู่ใกล้กับภูเขาและแม่น้ำ เป็นสถานที่ที่ดีสำหรับการฝึกฝน”
“ในเมื่อพี่รองไม่ได้เข้าไปอยู่มานานแล้ว ทำไมไม่มอบที่นี่ให้กับน้องล่ะ น้องจะสามารถใช้ประโยชน์จากสถานที่แห่งนี้ได้ สะดวกสำหรับน้องในการฝึกฝนวรยุทธด้วย”
“ไม่ทราบว่าพี่รองจะยินดีมอบจวนเล็กว่างๆ หลังนี้ให้กับข้าไหม”
ทันใดนั้นสายตาของทุกคนก็พากันจับจ้องไปที่ต้วนหวูหยา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...