กาลเวลาผ่านไปรวดเร็วมาก มาถึงเดือนกรกฎาคมอย่างไม่รู้ตัว วันที่ร้อนสูงสุดของเมืองเจียงโจวแห้งแล้งมาก โดยเฉพาะเกือบครึ่งเดือนผ่านมา แต่ละวันล้วนท้องฟ้าโปร่งโล่งมาก ด้านนอกเหมือนกับเตาอบธรรมชาติอันหนึ่ง
และฉินต้าหย่งพ่ายแพ้ฉินซีให้หยางเฉินก็ผ่านไปได้ครึ่งเดือนพอดี
เดิมทีหยางเฉินคิดว่าฉินต้าหย่งจะไปหาฉินซีและฉินยี แต่ที่ทำให้เขาแปลกใจคือหลังจากวันนั้นที่ไปจากเมืองคิง เขาก็ไม่เคยปรากฏตัวขึ้นอีก
เมืองเจียงโจว สแควร์เหรินเหมิน
ดวงอาทิตย์ยามเช้าตรู่ค่อยๆ ขึ้นสู่ท้องฟ้า แสงแดดที่ละมุนไร้ที่เปรียบสาดทั่วทุกมุมของพื้นดิน
ฉินต้าหย่งนอนอยู่บนเก้าอี้พักผ่อนมุมหนึ่งที่ลานกว้าง เหมือนรู้สึกได้ถึงแสงแดดแล้ว จึงขยี้ตา จากนั้นค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง บิดตัวยืดเส้นยืดสาย
เขามาถึงทะเลสาบเทียมที่ด้านข้างลานกว้าง ล้างหน้าล้างตาแล้ว มองใบหน้าที่ผ่านประสบการณ์มามากมายใบนั้นสะท้อนบนผิวน้ำ ในใจเต็มไปด้วยความเจ็บปวด วินาทีนี้ เขานึกถึงอะไรมากมาย
โดยเฉพาะลูกสาวสองคนของตนเอง ตั้งแต่เขาโดนตระกูลฉินไล่ออกจากบริษัท ก็ไม่เคยหางานอีกเลย แต่ลูกสาวสองคนกลับไม่เคยว่าอะไรสักคำ ทั้งยังให้ค่าใช้จ่ายที่เพียงพอกับเขาทุกเดือน ทำให้เขาดื่มด่ำชีวิตได้แบบไม่มีภาระใดๆ
ลูกสาวที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ กลับถูกเขาเอามาเป็นของเดิมพันจนพ่ายแพ้ไป โดยเฉพาะนึกถึงคำที่ผู้ชายใส่หน้ากากคนนั้นเคยพูดไว้ วันหลังเขาจะไม่มีทางได้เจอฉินซีอีก
ถ้าชีวิตของตนเองสามารถแลกอิสรภาพของฉินซีกลับมาได้ เขาจะไม่ลังเลเรื่องใดโดยเด็ดขาด
ครึ่งเดือนมานี้ เขาไปหางานทุกวัน แต่กลับไม่มีสักบริษัทที่ยอมรับเขา แม้กระทั่งร้านอาหารเล็กๆ ข้างถนน เขาล้วนไปมาหมด แต่ยังไม่มีคนยอมรับเขาไว้
เขาน้ำตาไหลนองหน้ามาตั้งนานแบบไม่รู้ตัว น้ำตาแต่ละหยดไหลลงในทะเลสาบเทียม
ในที่สุดเขาก็ไม่มีทางควบคุมความทุกข์ทรมานของตนเองได้ ร้องไห้เสียงดังขึ้นมาแล้ว
ร้องไห้เพียงแค่ระบายอารมณ์แบบนี้ เมื่อร้องไห้พอแล้ว ฉินต้าหย่งใช้น้ำในทะเลสาบมาล้างหน้า จากนั้นลุกขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
“เสี่ยวซี พ่อจะต้องหาลูกให้เจอ!”
ตอนนี้ความคิดเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถทำให้เขายืนหยัดต่อไปได้คือฮึกเหิมขึ้นมาใหม่ พยายามหาเงิน คิดหาหนทางตามหาฉินซี ทำให้เธอมีชีวิตอิสระกลับคืนมา
ชีวิตที่เหลือ เขาจะไม่อยู่ต่อไปเพื่อตนเอง แต่เพียงเพื่อลูกสาวทั้งสอง
ภายใต้แสงแดดที่ร้อนแรง บนถนนไม่มีคนเดินผ่านไปมามากมาย ถึงแม้จะมี ก็กางร่มมาด้วย
เมื่อไม่สามารถกินอิ่มมาหลายวัน ทำให้เขาซูบผอมลงมาก บนหน้ามีเพียงความซีดเซียวเหมือนป่วย บนริมฝีปากมีสีขาวเป็นชั้นๆ ผิวหนังล้วนแห้งหมด
ผมยาวขึ้น หนวดก็ยาวขึ้นมาเช่นกัน ไม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าครึ่งเดือน บนตัวยังมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว ทั่วทั้งตัวดูเหมือนกระเซอะกระเซิงอย่างมาก บางทีคนบนถนนผ่านที่ผ่านไปมาก็ขมวดคิ้วกันแน่น ปิดจมูกหลบไปไกล
แต่เวลานี้เขากลับไม่ได้รู้สึกถึงอะไรเลย ยืดอกเชิดหน้าไปข้างหน้า ในสายตาเต็มไปด้วยความหนักแน่นอดทน สายตามองไปยังประกาศเล็กๆ บนเสาไฟด้านข้างอยู่ไม่ขาดสาย พยายามหางานสักอย่าง
“ปึง!”
เขากำลังมองไปทั่วว่าที่ไหนมีประกาศเล็กๆ รับสมัครงานบ้าง ทันใดนั้นก็ชนเข้ากับรถคันหนึ่งที่จอดไว้ด้านหน้าเขาอย่างไม่ทันระวัง
“ขอโทษครับ ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ”
ฉินต้าหย่งทำหน้าตื่นกลัว รีบกล่าวขอโทษ
แต่ในเวลานี้เอง หน้าต่างรถลดลงมา ปรากฏใบหน้าที่คุ้นเคยใบหนึ่งออกมา
“หยางเฉิน!”
ฉินต้าหย่งตกใจอยู่บ้าง แต่ไม่นานบนหน้าเขาปรากฏความรู้สึกผิดในใจขึ้นมา ตาแดงๆ มองทางหยางเฉินบอกว่า “หยางเฉิน ขอโทษนะ เป็นพ่อผิดเอง พ่ายแพ้เสี่ยวซีให้คนอื่นไปแล้ว”
ความเปลี่ยนแปลงในหลายวันนี้ของเขา แต่ละวันมีคนไปรายงานต่อเขาหมด ดังนั้นฉินต้าหย่งมีปฏิกิริยาแบบนี้ออกมาได้ เขาไม่ตกใจสักนิดเดียว
“แต่ว่าลูกวางใจได้ พ่อจะไม่ยอมแพ้แน่นอน ต่อให้ต้องเดินไปจนสุดหล้าฟ้าเขียว พ่อจะต้องหาเสี่ยวซีให้เจอ ให้เธอกลับมาเป็นอิสระดังเดิม”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...
รอข้ามปี...