หลี่เจียงสงสีหน้าอึมครึมอย่างยิ่ง ทันใดนั้นขี่หลังเสือยากจะลงได้ อยู่ต่อก็ไม่ได้ ออกไปก็ไม่ได้อีก
สายตาเขามองไปยังทางออกของคฤหาสน์ซ่านกวนโดยจิตใต้สำนึกแวบหนึ่ง กลับยังคงมองไม่เห็นภาพคนที่ทำให้เขารอคอยคนนั้น
“ราชวงศ์ซ่านกวน พวกเราจะได้เจอกันอีกในสักวัน!”
หลี่เจียงสงจ้องกษัตริย์ซ่านกวนตาไม่กะพริบ หลังทิ้งคำข่มขู่ประโยคหนึ่งไว้ จึงหมุนตัวจากไป
ชั่วพริบตาเดียว คนของตระกูลหลี่ออกไปหมดแล้ว
คนของราชวงศ์ซ่านกวน มีความรู้สึกที่รอดพ้นจากอันตรายกะทันหัน เมื่อสักครู่หลี่เจียงสงพาคนเข้ามาแข่งการต่อสู้ เห็นได้ชัดว่าคือพุ่งเป้ามาเอาชีวิตผู้แข็งแกร่งชั้นสูงของราชวงศ์ซ่านกวน
ปัจจุบัน ราชวงศ์ซ่านกวนมีเพียงแค่ผู้แข็งแกร่งแดนเทพชั้นต้นตายคนหนึ่ง มองกลับไปที่ตระกูลหลี่ กลับสูญเสียผู้แข็งแกร่งที่ครอบครองพลังสู้รบแดนเทพชั้นปลายคนหนึ่งไปแล้ว
พูดขึ้นมา ตระกูลหลี่เสียเปรียบมากกว่า
ในขณะเดียวกัน ในคฤหาสน์หลังนั้นที่หยางเฉินพักอยู่ หลังสัมผัสได้ว่าหลี่เจียงสงพาคนกลับไปแล้ว ในที่สุดเขาจึงโล่งอกไปทีหนึ่ง
“แคกๆ......”
หยางเฉินไอขึ้นฉับพลันสองสามที สีหน้าซีดเซียวอย่างยิ่ง พูดแบบหัวเราะขมขื่น “ด้วยสภาพร่างกายของฉันตอนนี้ ยังไม่มีทางรับพลังสู้รบแดนเหนือมนุษย์ขั้นสามไหว!”
เมื่อสักครู่ เขาบังคับให้ตนเองเข้าสู่ในสภาพเดือดดาล ทำให้พลังสู้รบของตนเองระเบิดออกถึงขั้นสุด
ครั้งนี้ เขาไม่เพียงนำความสามารถเพิ่มขึ้นถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นสามแบบทั่วไป แต่ว่าเกือบจะเทียบเท่าแดนเหนือมนุษย์ขั้นสี่
แน่นอนว่า ผลลัพธ์ของการทำแบบนี้ คือหลังจากตนเองเข้าสู่ในสภาพเดือดดาล แทบจะเสียการควบคุม ดีที่วินาทีสำคัญสุดท้าย หลี่เจียงสงพาคนถอยทัพไป มิฉะนั้นผลลัพธ์ย่อมอันตรายอย่างยิ่ง
ปัจจุบันนี้ หลังเขาเข้าสู่สภาวะคลุ้มคลั่ง แทบจะควบคุมความสามารถแดนเหนือมนุษย์ขั้นสามที่ระเบิดออกมาให้คงที่ได้
แน่นอนว่า นี่ไม่ใช่ความสามารถแกร่งสุดของเขา ขอเพียงทำให้ตนเองโกรธแค้นต่อไปอีก ยังปล่อยความสามารถแกร่งกว่าเดิมออกมาได้ เพียงแค่ ครอบครองความสามารถยิ่งแกร่ง เขายิ่งยากจะมีสติจากในสภาพเดือดดาล
โดยเฉพาะแต่ละครั้งหลังจากคลุ้มคลั่ง จะนำภาระใหญ่หลวงมาให้ร่างกาย
แต่ว่าครั้งนี้ เขาต้องบังคับนำความสามารถเพิ่มขึ้นถึงขั้นที่เทียบเท่าแดนเหนือมนุษย์ขั้นสี่ เพราะเขารู้ดีว่า นี่เดิมทีก็มีความเป็นไปได้มากกว่า เป็นหลุมพรางหนึ่งที่ตระกูลวางไว้
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อีกฝ่ายต้องรู้แน่นอนว่าความสามารถของเขาอยู่แดนเหนือมนุษย์ขั้นหนึ่ง
ทั้งที่ตระกูลหลี่รู้ว่า เมืองราชวงศ์ซ่านกวนมีตัวตนของผู้รักษากฎอยู่ ยังกล้าวางกับดักเช่นนี้ งั้นอธิบายได้ว่า ความสามารถของเหล่าจู่ของตระกูลหลี่คนนี้ ต่อให้สู้ผู้รักษากฎไม่ได้ ก็คงไม่แย่กว่ามากเกินไป
ก่อนหน้านี้หยางเฉินอยู่ที่ราชวงศ์ซ่านกวนรับรู้ถึงว่า อย่างน้อยมีผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นห้าคนหนึ่ง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อย่างนั้นความสามารถของเหล่าจู่ของตระกูลหลี่คนนั้น อย่างน้อยอยู่ที่แดนเหนือมนุษย์ขั้นสี่
เมื่อสักครู่หยางเฉินระเบิดความสามารถที่เทียบเท่าแดนเหนือมนุษย์ขั้นสี่ออกมาแล้ว และถือว่าควบคุมเหล่าจู่ของตระกูลหลี่ไว้แล้ว ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายจะต้องปรากฏตัวออกมาแน่
ในเวลานี้เอง กษัตริย์ซ่านกวนพาซ่านกวนโหรวมาถึงคฤหาสน์ของหยางเฉินแล้ว
“คุณหยาง ขอบคุณท่านมากนะครับที่ลงมือช่วยเหลือ!”
กษัตริย์ซ่านกวนโค้งตัวเล็กน้อยต่อหยางเฉิน ท่าทางเคารพนบนอบ
หยางเฉินพยักหน้านิดหน่อย พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เรื่องนี้ จำเป็นต้องจัดการให้เรียบร้อย ครั้งนี้ ผมยังสามารถข่มขู่ตระกูลไว้ได้ อย่างนั้นถ้ารอต่อไปผมกลับไปล่ะครับ?”
กษัตริย์ซ่านกวนพยักหน้า บนหน้าเต็มไปด้วยความกังวล
หยางเฉินไม่อาจหยุดค้างอยู่ที่ราชวงศ์ซ่านกวนไปได้ตลอด ปัจจุบันตระกูลหลี่เปิดเผยเขี้ยวออกมาแล้ว หลังหยางเฉินออกไป ตระกูลหลี่คงต้องกลับมาหาเรื่องแน่
“ตระกูลหลี่ กลัวว่าคงไม่อ่อนข้อเพื่อให้เรื่องราวสงบลงแน่ โดยเฉพาะครั้งนี้การตายของหลี่หยาง เป็นโอกาสดีที่สุดที่จะลงมือสู้กับราชวงศ์ซ่านกวน”
เวลานี้ซ่านกวนโหรวเอ่ยปากพูดขึ้นกะทันหัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
เขียนยืดเยื้อฉิบหาย.. อ่านแล้วหงุดหงิด...
ยืดเยื้อมากอ่นแล้วโครตเสียอารมณ์แค่บอกว่าเป็นใครแค่เนี้ย แม่งยืดซะจนไร้รสชาติเลย เสียเวลา ่านฉิบหาย...
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...