The king of War นิยาย บท 1690

สรุปบท บทที่ 1690 โอกาสชนะน้อยมาก: The king of War

ตอน บทที่ 1690 โอกาสชนะน้อยมาก จาก The king of War – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1690 โอกาสชนะน้อยมาก คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายใช้ชีวิต The king of War ที่เขียนโดย เสี้ยวอ้าวอวี๋เซิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ติงอู่จะไม่เข้าใจความหมายแฝงในคำพูดของหวยเจิ่นได้ยังไงกัน เขาหัวเราะแล้วพูดว่า “ถ้าหากว่าตระกูลติงของผมต้องการความช่วยเหลือจากนายน้อยเมืองหวยเฉิงจริงๆ แล้วจะบอกแน่นอนครับ อย่างนั้นก็ขอขอบคุณนายน้อยเมืองหวยเฉิงก่อนแล้วกันนะครับ”

หวยเจิ่นพยักหน้าเล็กน้อยด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อเช่นนี้ งั้นผมก็ขอตัวกลับก่อน หากว่าผู้อาวุโสติงชางกลับมาแล้ว รบกวนแจ้งผมด้วยนะครับ”

ติงอู่พูดว่า “ครับ นายน้อยเมืองหวยเฉิงเดินทางปลอดภัยครับ!”

ไม่นาน หวยเจิ่นก็พาลูกน้องจากไป

มองดูทิศทางที่เขาจากไป ดวงตาของติงอู่หรี่ต่ำลง ภายในเบื้องลึกแววตา มีควาคมเข้มแฝงอยู่

“ติงชางละ?”

เมื่อติงอู่กลับเข้าบ้านตระกูลติงแล้วก็เอ่ยปากถาม

พ่อบ้านรีบเข้าไปหาแล้วเอ่ยปากพูดว่า “ตอบกลับท่านผู้นำครับ ท่านสองได้รับบาดเจ็บสาหัส กำลังรับการรักษาอยู่ครับ”

“ฮืม?”

คิ้วของติงอู่ขมวดเข้าหากัน “จากกำลังของเขาแล้ว แม้จะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้นยังสามารถสู้ด้วยได้ แล้วทำไมถึงได้รับบาดเจ็บสาหัสละ? หรือว่าผู้แข็งแกร่งของจวนมู่จัดการเขางั้นหรอ?”

พ่อบ้านส่ายหัว “ท่านสองกลับมาด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส หมอวิเศษของตระกูลกำลังรักษาเขาอยู่ ส่วนเรื่องที่เกิดอะไรขึ้นนั้น คงจะมีแค่ท่านสองเท่านั้นที่รู้ครับ”

ติงอู่ขมวดคิ้ว พูดเสียงเข้มว่า “ฉันมีลางสังหรณ์ว่าเมืองซ่านเฉิง คงกำลังจะแปรปรวนแล้วละ”

พ่อบ้านตะลึง “ท่านผู้นำครับ คงจะไม่ร้ายแรงขนาดนี้หรอกมั้งครับ?”

ติงอู่มองไปทางพ่อบ้าน พูดว่า “ติงชางบาดเจ็บสาหัสกลับมา คนที่จวนเมืองหวยเฉิงไล่ฆ่ามายังเมืองซ่านเฉิง แล้วถ้าหากมีจวนมู่เข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย นายคิดว่านี่คือเรื่องใหญ่มั้ย?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ในสายตาของพ่อบ้านล้วนเต็มไปด้วยความกังวลใจ พูดเสียงทุ้มว่า “ดูแล้ว เจ้าหนุ่มที่จวนเมืองหวยเฉิงไล่ฆ่าคนนั้น ไม่ธรรมดาจริงๆ ตอนนี้ก็เหลือแค่รอท่านสองไขข้อสงสัยให้กับเราเท่านั้นแล้วละครับ”

ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง ติงชางมายังห้องของติงอู่

“พี่ใหญ่ครับ!”

ติงชางมองไปที่ติงอู่ สีหน้าของเขายังซีดเซียวอยู่บ้าง เสื้อผ้าบนร่างกาย ถูกเลือดย้อมจนแดงไปหมด

ติงอู่ดูออกในทันที ว่าไม่ใช่เพราะติงชางไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า แต่เป็นเพราะเพิ่งทำแผลเสร็จ แล้วมีเลือดไหลซึมออกมา แล้วก็ทำให้เสื้อผ้าของติงชางย้อมเป็นสีแดงอีกครั้ง

“รีบนั่งลง!”

ติงอู่รีบลุกขึ้น แล้วไปพยุงติงชางให้นั่งลงบนโซฟาด้านข้างด้วยตัวเอง

แล้วติงอู่ถึงได้เอ่ยปากถามเสียงเข้มว่า “เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมนายถึงได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้?”

ติงชางไม่ได้พูดอะไร แต่แก้เสื้อผ้าของตัวเองออก แล้วเปิดรอยเลือดสามแห่งที่ท่อนบนของร่างกายออกมา

ติงชางพูดว่า “พี่ใหญ่ ดูสิครับ!”

เมื่อติงอู่เห็นรอยเลือดสามแห่งที่หน้าอกของติงชางแล้ว สีหน้าก็ตกใจอย่างหนัก พูดว่า “สิ่งนี้โดนอะไรทำร้ายมา? ทำไมบาดแผลถึงได้สาหัสเช่นนี้ ที่บาดแผล ยังมีพลังการทำลายล้างที่รุนแรงแผ่กระจายมากเช่นนี้?”

ติงชางกัดฟันพูดว่า “เดิมทีผมคิดว่าบาดแผลแค่นี้ไม่เป็นอะไร แต่เมื่อให้หมอวิเศษของตระกูลตรวจเช็ก ผมถึงได้รู้ว่าบาดแผลสาหัสเช่นนี้ หมอวิเศษของตระกูล ได้ให้ผมใช้ยาจินชวงที่ดีที่สุดแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถห้ามเลือดของบาดแผลผมได้ และยังมีเลือดไหลออกมาจากบาดแผลเรื่อยๆไม่หยุด”

แต่ว่าตอนนี้ เจ้าหนุ่มคนหนึ่งที่อายุไม่ถึงสามสิบปี กลับสามารถเข้าสู่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดชั้นยอดของแดนบูโดได้ จินตนาการได้ว่าภายในใจของพวกเขานั้นตกตะลึงมากเพียงใด

ต้องรู้ไว้ว่า แดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดถือเป็นลุ่มน้ำแห่งหนึ่ง ผู้แข็งแกร่งมากมาย ทั้งชีวิตนี้ล้วนติดอยู่ที่แดนเหนือมนุษย์ขั้นหกชั้นยอด ไม่สามารถก้าวเข้าสู่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดชั้นต้นได้

แต่หยางเฉินกลับถึงระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดชั้นยอดโดยที่อายุยังไม่ถึงสามสิบปี แล้วถือว่าเป็นอะไร? อัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะของแดนอัจฉริยะ?

ยังไงซะติงอู่และติงชาง ไม่เคยได้ยินมาก่อนถึงคนหนุ่มที่มีพรสวรรค์ด้านบูโดมากขาดนี้มาก่อน

ในเวลานี้ติงอู่พูดขึ้นว่า “เมื่อกี้นี้ หวยเจิ่นนายน้อยของจวนเมืองหวยเฉิง มาที่บ้านตระกูลติงของเรา เขามาหานาย เพื่ออยากจะรู้ว่า ระหว่างนายกับหยางเฉิน เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมนายถึงได้พ่ายแพ้จากไป?”

“ก่อนที่หวยเจิ่นจะจากไป ยังจงใจแสดงออกเป็นนัยให้กับพวกเรา ว่าเราสามารถแย่งอำนาจปกครองเมืองซ่านเฉิงจากจวนมู่ได้ จวนเมืองหวยเฉิงยินดีที่จะช่วยเหลือตระกูลติงของเรา”

ติงชางตะลึงขึ้นมาทันที “พี่ใหญ่ พี่ตกลงไปแล้ว?”

ในสายตาของติงอู่มีความคมเข้มแฝงเข้ามา จ้องติงชางแล้วพูดว่า “นายไม่คิดว่า บ้านตระกูลติงของเราอยู่ในหนึ่งส่วนสามเอเคอร์แห่งนี้ มันเล็กไปงั้นหรอ?”

ติงชางพูดด้วยสีหน้ากังวลใจว่า “พี่ใหญ่ครับ เห็นได้ชัดว่าจวนเมืองหวยเฉิงคิดอยากจะใช้เราไปต่อกรกับจวนมู่ เมืองหวยเฉิงใกล้เคียงกับเมืองซ่านเฉิง ตอนนี้ภายในเมืองหวยเฉิง หุบเขาราชายาได้ถูกเมืองหวยเฉิงยึดครองแล้ว ได้ยินมาว่าแม้แต่ราชายา ก็พ่ายแพ้ต่อเจ้าเมืองหวยเฉิงแล้วนะครับ”

“พูดได้ว่า เมืองหวยเฉิงในตอนนี้ จวนเมืองหวยเฉิงยิ่งใหญ่อยู่เพียงผู้เดียว แล้วเมืองซ่านเฉิงของเราก็อยู่ใกล้เคียงเมืองหวยเฉิง คาดว่าจวนเมืองหวยเฉิงคิดอยากจะขยายเขตปกครองอำนาจของตัวเอง พวกเราห้ามร่วมมือกับพวกเขาเด็ดขาดนะครับ!”

“อีกอย่าง พลังของจวนมู่คาดเดาไม่ได้ แม้ว่าสองขาของเจ้าเมืองมู่จะพิการไปแล้ว แต่ว่าพลังของเขาแข็งแกร่งมากเพียงใด ก็ไม่อาจรู้ได้ หากทำสงครามกับจวนมู่ในตอนนี้ โอกาสชนะของเรา แทบจะเป็นศูนย์ครับ!”

ติงอู่หรี่ตามองติงชาง ในแววตาเต็มไปด้วยความคะนอง เอ่ยปากพูดว่า “นายว่า แล้วถ้าหากเราได้มีดพกอาถรรพ์นั้นมาละ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War