The king of War นิยาย บท 1692

สรุปบท บทที่ 1692 ร่วมมือกันต่อกรกับตระกูลมู่: The king of War

สรุปตอน บทที่ 1692 ร่วมมือกันต่อกรกับตระกูลมู่ – จากเรื่อง The king of War โดย เสี้ยวอ้าวอวี๋เซิง

ตอน บทที่ 1692 ร่วมมือกันต่อกรกับตระกูลมู่ ของนิยายใช้ชีวิตเรื่องดัง The king of War โดยนักเขียน เสี้ยวอ้าวอวี๋เซิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

เมื่อคำพูดนี้ของมู่ฮว๋าพูดออกมา สีหน้าของหยางเฉินก็เปลี่ยนไป เหล่าจิ่วและหวยหลันเองก็สีหน้าไม่ดีนัก

เรื่องที่หยางเฉินมีมีดพกอาถรรพ์ นอกจากเจ้าเมืองเหมียวที่มอบดาบเล่มนี้ให้กับหยางเฉินแล้ว และนอกจากเหล่าจิ่วและหวยหลัน ก็มีเพียงแค่เงาเพชฌฆาตของจวนเมืองหวยเฉิง ที่ถูกฆ่าตายไปแล้ว และติงชางที่หนีกลับตระกูลเท่านั้น

แต่ว่าตอนนี้ หวยเจิ่นนายน้อยของจวนเมืองหวยเฉิงได้ไปหารือกันที่บ้านตระกูลติงแล้ว คาดว่น่าจะร่วมมือกันกดดันจวนมู่ ถ้าถึงตอนนั้นจริงๆ จวนมู่จะสามารถแบกรับอำนาจใหญ่สองแห่งนี้ได้ไหม?

ที่สำคัญคือ ติงชางจะเปิดเผยกับจวนเมืองหวยเฉิง เรื่องที่ตัวเขามีของอาถรรพ์หรือเปล่า?

“คุณหยางครับ ผมทราบดี ว่าตอนนี้คุณยังไม่สามารถเชื่อใจตระกูลมู่ของเราได้เต็มร้อย ผมเองก็เข้าใจได้ เพราะยังไงซะเราก็เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน คุณไม่เคยรู้จักกับตระกูลมู่ของเรา ดังนั้นจึงไม่รู้นิสัยของเจ้าเมืองมู่เรา”

“แต่ว่า ในตอนนี้พวกเราเป็นเพื่อนร่วมลงเรือลำเดียวกันแล้ว ถ้าหากว่าพวกเราสามารถมั่นใจได้ว่าน้องหมอวิเศษของคุณหยางสามารถรักษาขาเจ้าเมืองมู่ของเราให้หายได้ สำหรับคุณหยางแล้ว ก็ถือเป็นเรื่องดีอย่างหนึ่ง ไม่ใช่หรือครับ?”

มู่ฮว๋าพูดต่อไป ในสายตาเต็มไปด้วยความจริงใจ

หยางเฉินเงียบไป สีหน้ามีความกังวลเพิ่มเข้ามาเล็กน้อย เหมือนอย่างมที่มู่ฮว๋าพูด พวกเขาเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน หยางเฉินไม่สามารถเชื่อใจพวกเขาได้เต็มร้อย

ดังนั้นเขาจึงอยากรอสามวัน ถ้าหากว่าภายในสามวันนี้จวนมู่ยินดีที่จะปกป้องพวกเขา ก็หมายความว่าพวกเขายอมเสียสละอย่างมากเพื่อที่จะสร้างสัมพันธ์กับหยางเฉิน และเพื่อให้เสียวหว่านรักษาขาของเจ้าเมืองมู่ ถึงขั้นยอมที่จะเป็นศัตรูกับจวนเมืองหวยเฉิง

ถ้าหากว่าเขาเรียกเสียวหว่านมาตั้งแต่ตอนนี้ เมื่อรอให้เสียวหว่านรักษาขาเจ้าเมืองมู่หายแล้ว และจวนเมืองหวยเฉิงกับตระกูลติงได้ทำการกดดันจวนมู่มาอีก จวนมู่ยังจะยอมมีปัญหากับจวนเมืองหวยเฉิงและตระกูลติงเพื่อปกป้องพวกเขาอีกหรือไม่?

หยางเฉินไม่สามารถมั่นใจได้ ดังนั้นจึงไม่ทำการตัดสินใจสักที

มู่ฮว๋าเงียบไปสักพัก แล้วก็พูดต่อว่า “ใช่สิ ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ผมคิดว่ามีความจำเป็นที่จะต้องบอกกับคุณหยาง ขาของเจ้าเมืองมู่พวกเรา มีความเป็นไปได้สูงมากที่เจ้าเมืองหวยเฉิงเป็นคนทำร้าย เพียงแค่พวกเรายังไม่มีหลักฐานเท่านั้นครับ”

“อีกอย่าง ภายในเมืองซ่านเฉิง สถานการณ์ของจวนมู่พวกเรานั้นไม่ค่อยดีนัก หลังจากที่เจ้าเมืองมู่ถูกลอบทำร้าย จัดการสองขาให้เป็นง่อยแล้ว ตระกูลระดับต้นของเมืองซ่านเฉิงบางตระกูล ต่างก็โลเล คิดอยากจะมาแทนที่จวนมู่”

“พอละ พูดเท่านี้พอ ผมพูดมากขนาดนี้ ไม่ได้คิดอยากจะข่มขู่คุณหยาง เพียงแค่แจ้งให้ทราบถึงความจริง หวังว่าคุณหยางจะเข้าใจนะครับ”

“อีกอย่างที่ผมสามารถบอกกับคุณได้ก็คือ ถึงแม้คุณจะยังไม่ยอมให้น้องหมอวิเศษของคุณมาที่เมืองซ่านเฉิง แต่เจ้าเมืองมู่ของพวกเรา ก็จะยังปกป้องคุณให้ดีอยู่ดีครับ”

พูดจบ มู่ฮว๋าก็หันหลังจากไป

ครู่เดียว ภายในห้องก็เหลือเพียงแค่พวกหยางเฉินสามคนเท่านั้น

ทั้งสามมองหน้ากัน

จู่ๆเหล่าจิ่วก็ถามว่า “หยางเฉิน นายคิดยังไง?”

หยางเฉินพูดว่า “ผมคิดว่าจะสังเกตดูไปก่อน อย่างที่มู่ฮว๋าพูดไปเมื่อกี้ ผมเพิ่งรู้จักกับพวกเขา พูดให้ถูกก็คือ ระหว่างเราไม่ได้มีมิตรภาพใดต่อกันเลย ผมไม่สามารถรับประกันได้ว่า หลังจากที่ผมให้เสียวหว่านมารักษาขาของเจ้าเมืองมู่แล้ว เจ้าเมืองมู่จะยังปกป้องเราอย่างดีอยู่อีก”

เหล่าจิ่วพยักหน้า เอ่ยปากพูดว่า “ระมัดระวังไว้หน่อยเป็นเรื่องที่ดี ตอนนี้กลัวแค่ว่าติงชางจะเผยแพร่เรื่องที่นายมีมีดพกอาถรรพ์อยู่ หากข่าวกระจายออกไปแล้ว คาดว่านายคงไม่ต้องคิดที่จะได้ก้าวออกจากเมืองซ่านเฉิงแล้วละ”

หยางเฉินมองไปทางหวยหลัน ถามว่า “เสี่ยวหลัน เธอคิดว่ายังไง?”

หวยหลันเงียบไปสักพัก แล้วเอ่ยปากพูดว่า “พูดตามจริงนะคะ ฉันกลับคิดว่า สามารถเลือกที่จะเชื่อใจจวนมูนได้ เพียงแต่ เหมือนอย่างที่พี่พูด ถ้าหากว่าเสียวหว่านรักษาขาให้เจ้าเมืองมู่แล้ว และเจ้าเมืองมู่ก็ยกเลิกที่จะปกป้องพวกเรา ถึงตอนนั้นสถานการณ์ของพวกเราก็จะยิ่งอันตรายมากขึ้นอีก แล้วยังทำให้เสียวหว่านลำบากอีกด้วย”

“แต่ว่า ฉันมีแผนอย่างหนึ่ง แน่นอนว่าก่อนหน้านั้นคือพี่หยางยินดีที่จะให้เสียวหว่านมาจวนมู่เพื่อรักษาเจ้าเมืองมู่ซะก่อน”

หยางเฉินพยักหน้า “เธอพูดต่อสิ!”

จู่ๆหวยหลันก็ถามว่า “พี่หยาง พี่คิดว่า เสียวหว่านสามารถรักษาขาของเจ้าเมืองมู่ได้มั้ยคะ?”

หยางเฉินพยักหน้า “อย่างนั้นก็ขอรบกวนผู้อาวุโสแล้วกันนะครับ!”

เห็นได้ชัดว่ามู่ฮว๋าตื่นเต้นมาก หัวเราะยิ้มแย้มและพูดว่า “คุณหยาง ขอบคุณคุณมากจริงๆ ผมจะไปหาท่านเจ้าเมืองเดี๋ยวนี้ แล้วบอกข่าวดีนี้ให้เขาทราบ”

ขณะเดียวกัน ตระกูลติงเมืองซ่านเฉิง ภายในห้องรับแขก

ติงอู่นั่งตำแหน่งสูงสุด ส่วนหวยเจิ่นและติงชางนั่งที่ด้านข้างเขาสองข้าง ใบหน้าของทั้งสามคนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

หวยเจิ่นมองไปทางติงอู่ด้วยรอยยิ้ม พูดว่า “ผู้นำติงครับ ตกลงกันตามนี้เลยนะครับ พวกเราร่วมมือกันกดดันจวนมู่ สั่งให้พวกเขาส่งตัวหยางเฉินออกมา เมื่อได้หยางเฉินมาไว้ในมือแล้ว ผมจะนำเอาหัวของมันกลับไปตามคำสั่ง”

ติงอู่หัวเราะ “ตกลง ตกลงตามนี้เลย!”

ในเวลานี้ติงชางถึงได้เอ่ยปากพูดว่า “ตอนนี้กลัวแค่ ไอ้แก่เจ้าเมืองมู่คนนั้นจะไม่ยอมส่งตัวออกมาให้ง่ายๆนะสิครับ”

หวยเจิ่นยิ้ม “คุณวางใจได้ครับ ถ้าหากว่าจวนมู่ไม่ยอมส่งตัวออกมา อย่างนันก็อย่าได้โทษว่าจวนเมืองหวยเฉิงของเราไม่เกรงใจ หากทำสงคราม ตามกำลังพลังของจวนเมืองหวยเฉิงและตระกูลติงแล้ว จวนมู่ก็เป็นได้แค่สิ่งของในอดีตเท่านั้น”

“ถึงตอนนั้น ตระกูลติง ก็จะได้กลายเป็นเจ้าของเมืองซ่านเฉิงแล้วนะครับ!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของติงอู่และติงชางเต็มไปด้วยรอยยิ้ม พวกเขากำลังรอคำนี้อยู่

หวยเจิ่นพูดว่า “เอาละ สิ่งที่ควรพูดก็พูดไปหมดแล้ว งั้นก็ตกลงตามนี้นะครับ ผมจะไปเรียกคนมาเดี๋ยวนี้ สามทุ่มคืนนี้ พวกเรามาเจอกันที่จวนมู่ ว่ายังไงครับ?”

“ตกลง งั้นก็เจอกันที่จวนมู่ สามทุ่มคืนนี้!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War