เจ้าเมืองหวยเฉิงมองหวยเจิ่นอย่างเย็นชา พูดว่า “แกคิดว่ามันเป็นแค่คนพอการที่ไร้ประโยชน์คนหนึ่งจริงๆงั้นหรอ? ถ้าหากว่ามันเป็นแค่คนพิการคนหนึ่ง แล้วจะปราบปรามตระกูลมหาเศรษฐีเมืองซ่านเฉิงพวกนั้นนานหลายปีแบบนี้ได้ยังไงกัน?”
“ตอนนั้น เมืองซ่านเฉิง เขาได้มีฉายาที่น่าเกรงขามอย่างมากว่า ‘เจ้าเมืองโหดเหี้ยม’ เชียวนะ”
“ฉายานี้ คนอื่นเป็นคนตั้งให้เขา คนพิการคนหนึ่งที่สามารถถูกคนอื่นเรียกว่าเจ้าเมืองโหดเหี้ยม แกเคยพบเจอมั้ย?”
ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของหวยเจิ่นเปลี่ยนไป มองไปทางเจ้าเมืองหวยเฉิง พูดว่า “ท่านพ่อ พวกนี้ก็แค่อดีต แต่ว่าตอนนี้ เขาก็เป็นค่คนพิการคนหนึ่ง ถึงแม้พลังจะแข็งแกร่งยังไง ก็คงไม่ถึงระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดหรอกมั้งครับ?”
“ตามกำลังของท่านพ่อในตอนนี้แล้ว ถึงระดับบูโดของเขาจะถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอด ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่านอยู่ดี”
ความผิดหวังในสายตาของเจ้าเมืองหวยเฉิงเพิ่มมากยิ่งขึ้น พูดเสียงทุ้มว่า “หวยเจิ่น แกทำให้ฉันผิดหวังอย่างมาก!หากรู้ว่าแกธรรมดาแบบนี้แต่แรก ฉันคงไม่ปล่อยให้แกเป็นผู้สืบทอดจวนเมืองหวยเฉิงแล้ว”
จนกระทั่งตอนนี้ หวยเจิ่นเพิ่งรู้ว่าตัวเองพูดจาผิดไป แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที เสียงดัง “ฟุ่บ” คุกเข่าลงกับพื้น
หวยเจิ่นพูดด้วยความหวาดกลัวอย่างมาก “ท่านพ่อ ขออภัยครับ ผมผิดไปแล้ว!ได้โปรกท่านเห็นแก่ที่ผมตั้งใจทำเพื่อจวนเมืองหวยเฉิงเช่นนี้ ให้โอกาสกับผมอีกสักครั้ง ผมรับประกันว่าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังครับ!”
เขารู้ดีว่าเพียงคำพูดเดียวของเจ้าเมืองหวยเฉิง ก็สามารถเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตหลังจากนี้ของเขาได้
เจ้าเมืองหวยเฉิงพูดด้วยสีหน้านิ่งเฉยว่า “ลุกขึ้นพูด!”
หวยเจิ่นไม่กล้าขัดคำสั่ง จึงรีบลุกขึ้น “ครับ ท่านพ่อ!”
เจ้าเมืองหวยเฉิงมือไขว้หลัง ยืนอยู่ข้างหน้าต่าง สายตามองออกไปด้านนอก พูดเสียงทุ้มว่า “ตอนนั้น เจ้าเมืองมู่ก็ได้กลายเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดแล้ว ในเวลานั้น แม้แต่ฉัน ก็มีพลังเพียงแค่ระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายเท่านั้น”
“ตอนนี้ สองขาของเขาพิการ แต่รากฐานบูโดของเขาไม่ได้หายไป ถ้าหากฉันเดาไม่ผิด พลังของเขาน่าจะยังอยู่ในระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดอยู่เหมือนเดิม”
“ถ้าหากมีวันใดวันหนึ่ง ขาของเขาหายดีแล้ว พลังจะต้องก้าวหน้าเพิ่มขึ้นอีกมากแน่นอน”
หวยเจิ่นถามอย่างระมัดระวังว่า “พลังของเจ้าเมืองมู่ แข็งแกร่งขนาดนี้เชียวหรือครับ?”
เจ้าเมืองหวยเฉิงพูดว่า “ไม่ใช่เพราะพลังของเขาทำให้ฉันไม่กล้าลงมือจัดการกับจวนมู่ แต่เป็นเพราะจวนมู่ ไม่ได้มีผู้แข็งแกร่งแค่เขาคนนี้คนเดียว”
หวยเจิ่นตกใจขึ้นมาทันที “หรือว่า ยังมีผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดอยู่ในจวนมู่อีกหรอครับ?”
เจ้าเมืองหวยเฉิงส่ายหัว “ลูกน้องของเจ้าเมืองมู่ มีนักดาบชั้นยอดคนหนึ่ง ฉายานามว่านักดาบเงาเพชฌฆาต ถึงแม้เขาจะมีพลังอยู่แค่ในระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลาง แต่ว่าดาบในมือ กลับเป็นของอาถรรพ์เล่มหนึ่ง”
“นักดาบเงาเพชฌฆาตที่มีดาบอาถรรพ์ในครอบครอง ถึงแม้แดนบูโดจะยังไม่ถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอด แต่ก็ไม่ห่างจากแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดมากนัก”
ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของหวยเจิ่นก็ตกตะลึง พูดอย่างตกใจว่า “อย่างนี้ก็หมายความว่า จวนมู่มีผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดสองคนหรือครับ?”
เจ้าเมืองหวยเฉิงหันหลังมองไปทางหวยเจิ่น พูดว่า “เพราะเหตุนี้ ฉันถึงไม่ขยายอำนาจไปที่ซ่านเฉิงสักที ไม่อย่างนั้น เพียงแค่เจ้าเมืองมู่เพียงคนเดียว จะมาขัดขวางฉันขยายอำนาจได้งั้นหรอ?”
พูดจบ เขาก็หันหลังเดินจากไป
หวยเจิ่นรีบตามเข้าไป “ท่านพ่อ ท่านจะไปไหนครับ?”
“จวนมู่!”
ได้ยินคำพูดของเจ้าเมืองหวยเฉิงแล้ว สีหน้าของหวยเจิ่นก็ตกตะลึง
จวนมู่ได้มีผู้แข็งแกร่งที่เทียบเท่าระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดสองคนแล้ว แต่เจ้าเมืองหวยเฉิงกลับยังคิดจะไปจวนมู่ คิดจะทำอะไรกัน?
เวลานี้ จวนมู่ ที่พักของพวกหยางเฉิน
หลังจากที่หวยหลันรับสายหนึ่งแล้ว ทันใดนั้นสีหน้าก็เป็นกังวลอย่างมาก “เมื่อกี้นี้ เจ้าเมืองหวยเฉิงออกมาจากเมืองหวยเฉิงแล้ว มีความเป็นไปได้อย่างมากว่าจะมาที่จวนมู่”
“อะไรนะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...