The king of War นิยาย บท 1775

สรุปบท บทที่ 1775 ถึงเวลากลับแล้ว: The king of War

บทที่ 1775 ถึงเวลากลับแล้ว – ตอนที่ต้องอ่านของ The king of War

ตอนนี้ของ The king of War โดย เสี้ยวอ้าวอวี๋เซิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายใช้ชีวิตทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1775 ถึงเวลากลับแล้ว จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

เมื่อสักครู่ หยางเฉินเป็นห่วงคนในครอบครัวอยู่ตลอด ได้ยินเสียงของนักดาบเงาเพชฌฆาต เขาถึงดึงสติกลับมา

หยางเฉินส่ายหน้าแล้ว “ไม่มีอะไรครับ”

พูดจบ เขาถามอีกว่า “เสียวหว่าน อาการบาดเจ็บของท่านเงาเพชฌฆาตเป็นอย่างไรบ้าง?”

เฝิงเสียวหว่านตอบว่า “บางทีคงเป็นเพราะแดนวิถีบู๊ของคุณปู่เงาเพชฌฆาตสูง สภาพร่างกายของเขาแกร่งมากๆ ได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ คาดไม่ถึงจะฟื้นเร็วแบบนี้ได้ ตอนแรกฉันยังคิดว่า คุณปู่เงาเพชฌฆาตจะฟื้นขึ้นมาได้อย่างน้อยต้องใช้เวลาสามวันเสียอีก”

นักดาบเงาเพชฌฆาตพูดว่า “คงเพราะฝีมือการแพทย์ของคุณหนูเฝิงยอดเยี่ยม ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น อย่าว่าแต่รักษาฉันให้หายเลย แม้แต่ทำให้ฉันฟื้นขึ้นมาได้ไวขนาดนี้ กลัวว่ายังทำไม่ได้”

หยางเฉินมองทางนักดาบเงาเพชฌฆาตแล้วถามว่า “ท่านผู้อาวุโสครับ ท่านต้องใช้เวลานานแค่ไหน ถึงจะฟื้นตัวกลับมาสู่สภาพสูงสุดครับ?”

หลังจากนักดาบเงาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ส่ายหน้าแล้ว มองตรงตำแหน่งที่ตนเองสูญเสียแขนขวาไป ท่าทางเศร้าใจ เอ่ยปากบอกว่า “อยากจะฟื้นตัวจนถึงสภาพสูงสุด กลัวว่าชาตินี้คงไม่มีหวังแล้ว”

“วิธีการฝึกฝนของฉันมันพิเศษ ระดับความเร็วในการฟื้นตัวไวมาก ฉันคาดว่าอย่างน้อยสักหนึ่งอาทิตย์ คงเกือบจะสามารถบรรลุถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายได้ เพราะฉันขัดเกลาดาบอาถรรพ์เล่มนี้แล้ว เมื่อใช้ควบคู่กับดาบอาถรรพ์ น่าจะระเบิดความสามารถเทียบเท่าแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดออกมาได้ นี่ก็เป็นขีดสูงสุดแล้ว”

ถึงแม้ไม่มีทางฟื้นตัวไปถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอด แต่ว่าฟื้นตัวถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายได้ ก็เป็นโชคดีอย่างมากแล้ว

หยางเฉินพยักหน้า มองทางนักดาบเงาเพชฌฆาตบอกว่า “งั้นคงรออีกสักหนึ่งอาทิตย์ ผมจะไปจากจวนมู่”

ฟังคำพูดของหยางเฉิน ชั่วขณะนั้นนักดาบเงาเพชฌฆาตตกใจ “นายจะกลับไปแล้ว?”

หยางเฉินพยักหน้า พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ผมเสียเวลาอยู่ข้างนอกมานานเกินไปแล้วครับ ถึงเวลาต้องกลับไปแล้ว ที่บ้านยังมีเรื่องราวอีกมากมาย รอให้ผมไปจัดการครับ”

ถึงแม้เขาไม่ได้พูดมาชัดเจน แต่ว่านักดาบเงาเพชฌฆาตมองเบาะแสส่วนหนึ่งจากในสายตาที่เย็นยะเยือกของหยางเฉินออก

เขาพยักหน้าให้ พูดด้วยเสียงทุ้ม “หยางเฉิน นายทำเพื่อจวนมู่มามากแล้ว ถ้ามีธุระด่วน ไม่ต้องห่วงพวกเรา นายไปจัดการธุระของตัวเองเถอะ”

หยางเฉินส่ายหน้า “เสียเวลามานานขนาดนี้แล้ว ไม่ถือสาแค่ไม่กี่วันนี้หรอกครับ ผมรอหลังจากคุณฟื้นตัวกลับมา แล้วค่อยกลับไป พอดีเลย เหลืออยู่ไม่กี่วันนี้ จะช่วยจวนมู่จัดการเรื่องราวบางส่วนก่อนครับ”

นักดาบเงาเพชฌฆาตรีบบอกทันที “งั้นก็ขอบใจมากเลยนะ!”

ในเวลานี้เอง ผู้อาวุโสชองจวนมู่หลายคน มายังห้องคนไข้ของนักดาบเงาเพชฌฆาตด้วยกัน

“เงาเพชฌฆาต ในที่สุดนายฟื้นแล้ว นี่คือสวรรค์เมตตาพวกเราจวนมู่สินะ!”

ผู้อาวุโสจวนมู่หลายคน ตอนที่มองเห็นนักดาบเงาเพชฌฆาตฟื้นขึ้นมา ล้วนน้ำตานองหน้า

ทุกอย่างที่เกิดในช่วงเวลานี้ สำหรับพวกเขานั้น เหมือนกำลังฝันอยู่เลย

ปัจจุบันนี้ เจ้าเมืองมู่หายตัวไป นักดาบเงาเพชฌฆาตจึงกลายเป็นความหวังของคนจวนมู่มากมาย

โชคดีคือ นักดาบเงาเพชฌฆาตฟื้นขึ้นมาแล้ว ถ้านักดาบเงาเพชฌฆาตเป็นอะไรไปอีกคน จวนมู่คงจบเห่จริงๆ

นักดาบเงาเพชฌฆาตกวาดสายตามองโดยรอบ เอ่ยปากบอกว่า “ช่วงเวลานี้ ลำบากทุกคนแล้วนะ!”

“ไม่ลำบาก!”

“ไม่ลำบาก!”

ทุกคนต่างเอ่ยปากตอบกันหมด

นักดาบเงาเพชฌฆาตมองจากบนหน้าของคนเหล่านี้ออกว่า พวกเขามีเรื่องอยากพูด ดังนั้นจึงเอ่ยปากถามว่า “พวกนายมีเรื่องอะไรอยากพูดกับฉันหรือเปล่า?”

ผู้อาวุโสจวนมู่หลายคนนั้น หลังจากมองหน้าซึ่งกันและกันแวบหนึ่ง จากนั้นมองทางหยางเฉิน

หยางเฉินเข้าใจทันใดว่า คนเหล่านี้มีเรื่องอยากพูดกับนักดาบเงาเพชฌฆาต แต่ว่ามีเขาอยู่ จึงไม่สะดวก

หยางเฉินพูดขึ้น “พวกคุณคุยกันเถอะครับ ผมจะออกไปข้างนอกก่อน!”

พูดแบบนี้ออกมา ผู้อาวุโสจวนมู่กลุ่มหนึ่ง ล้วนตกตะลึงพรึงเพริดกันหมด

เหล่าฉีตื่นตกใจพูดว่า “อะไรนะ? เจ้าเมืองโดนดอกเตอร์แบล็กเปลี่ยนเป็นหุ่นเชิดแล้ว?”

นักดาบเงาเพชฌฆาตส่ายหน้า “ยังไม่แน่ชัดชั่วคราว แต่ที่แน่ใจได้คือ เจ้าเมืองหวยโดนอีกฝ่ายเปลี่ยนเป็นหุ่นเชิดแล้ว โดยเฉพาะตอนที่เจ้าเมืองอยากระเบิดตัวเอง ก็เป็นดอกเตอร์แบล็กที่ปรากฏตัวขึ้น ขัดจังหวะเจ้าเมืองมู่ระเบิดตัวเอง และพาตัวเจ้าเมืองไปแล้ว”

“ทุกคนคงต้องเตรียมใจไว้ให้พร้อมว่า เจ้าเมืองมู่อาจสูญเสียจิตสำนึกไปแล้ว”

คนของจวนมู่ แต่ละคนหน้าตาเศร้าเสียใจเต็มที่

ผ่านไปสักพักหนึ่ง เหล่าฉีตาแดงก่ำพูดว่า “เงาเพชฌฆาต ก่อนเจ้าเมืองออกไป มอบจวนมู่ไว้ให้นาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจวนมู่เป็นกลุ่มอิทธิพลใหญ่ที่หนึ่ง ไม่อาจขาดผู้นำได้สักวันเดียว คงปล่อยให้นายมารับตำแหน่งเจ้าเมืองคนใหม่ของเมืองมู่แล้ว”

“ถูก ก่อนเจ้าเมืองออกไป ยังมอบหมายจวนมู่ไว้ให้เงาเพชฌฆาต ตอนนี้เจ้าเมืองไม่อยู่แล้ว งั้นเงาเพชฌฆาตก็คือเจ้าเมืองของจวนมู่”

“ไม่ผิด ทั่วทั้งจวนมู่ มีแค่เงาเพชฌฆาตแล้ว ถึงจะเป็นตัวเลือกเจ้าเมืองที่เหมาะสมที่สุด”

......

ทันใดนั้น ผู้อาวุโสจวนมู่หลายคนนั้น ต่างเอ่ยปากพูดออกมา

พวกเขาผิดหวังต่อมู่ชงถึงขั้นสุด ถ้ามอบจวนมู่ให้มู่ชงไป เกรงว่าอีกไม่นานนัก จวนมู่คงต้องพังพินาศจริงๆ

ปัจจุบัน จวนมู่ต้องการผู้นำที่สามารถนำทัพจวนมู่ฟื้นความเข้มแข็งกลับมาได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นักดาบเงาเพชฌฆาต ก็คือคนผู้นั้นที่เหมาะสมที่สุด

นักดาบเงาเพชฌฆาตกลับส่ายหน้า พูดด้วยท่าทางเสียใจ “ถึงแม้ฉันจะอยู่ที่จวนมู่มานานมากแล้ว แต่อย่างมากที่สุด ยังเป็นแค่คนคอยปรนนิบัติของจวนมู่คนหนึ่ง และไม่ได้เป็นคนของจวนมู่”

“ฉันไม่มีสิทธิ์สืบทอดตำแหน่งเจ้าเมืองของจวนมู่ แต่ว่าทุกคนวางใจได้ ฉันจะอยู่ที่จวนมู่ไปตลอด และจะช่วยเหลือจวนมู่ เลือกคนที่เหมาะสมสักคน มาสืบทอดตำแหน่งของเจ้าเมือง”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War