หยางเฉินเห็นหนังสือเชิญที่ส่งมาจากสมาพันธ์บูโด คิ้วขมวดขึ้นมาย่น
เขามองไปที่หวยหลานถามว่า “สมาพันธ์บูโดกับสมาคมบูโด มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกัน?”
หวยหลานส่ายหน้า “น่าจะไม่ได้เกี่ยวอะไรกันเลย สมาคมบูโดในปัจจุบัน มีอิทธิพลที่ต่ำต้อยมาก เห็นเขาว่าตัวหัวหน้าสมาคมเอง ยังไปไม่ถึงแดนเหนือมนุษย์ด้วยซ้ำ”
“กลุ่มอิทธิพลสมาพันธ์บูโดนี้ ฉันก็เพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรก น่าจะเป็นการตอบรับการมีตัวตนของพวกผู้แข็งแกร่งประเทศซัน เลยจัดตั้งเป็นกลุ่มอิทธิพลกลุ่มหนึ่งขึ้นมา”
“แน่นอนว่า เป้าหมายแท้จริงของฝ่ายนั้น เป็นไปได้ว่าต้องการดึงผู้แข็งแกร่ง สร้างเป็นกลุ่มอิทธิพลระดับสุดยอดของบูโดกลุ่มใหม่”
หยางเฉินผงกหัว เอ่ยปากพูดว่า “ในเมื่อเป็นกลุ่มจัดตั้งเฉพาะกาล ก็เข้าไปร่วมด้วย ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร”
ชาติตระกูลบูโดของพวกแชโบลชาติวาโกกุ นัดประลองยุทธผู้แข็งแกร่งชาวจิ่วโจวที่มี ผู้แข็งแกร่งชาวจิ่วโจวทั้งหมด ล้วนมีคุณสมบัติเข้าร่วมงานนี้
เที่ยง11.30 น. หยางเฉินกำลังจะออกไป พี่น้องตระกูลซ่งก็เข้ามา
ซ่งจั่วพูดขึ้นว่า “คุณหยาง พวกเราตามท่านไปด้วยนะครับ!”
หยางเฉินส่ายหน้า “ระยะนี้ ในเยี่ยนตูมีเหล่าผู้แข็งแกร่งนอกพื้นที่เข้ามามากหลาย พวกเจ้าอยู่ที่นี่ ถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้น มีพวกเจ้าอยู่ ข้าก็ยังวางใจ”
ได้ยินที่หยางเฉินพูด สองคนพี่น้องต่างก็ผงกหัวรับ
หยางเฉินตัวคนเดียว ขับรถมุ่งตรงไปโรงแรมเยี่ยนตู
เวลา 11.55 น. หยางเฉินมาถึงโรงแรมเยี่ยนตู
ในขณะนั้น บริเวณหน้าโรงแรม มีรถหรูราคาแพงจอดกันเต็ม ข้างนอกยังมีคนมุงดูกันอยู่เป็นจำนวนมาก
หยางเฉินเพิ่งลงมาจากรถ ก็ถูกเหล่าบรรดานักข่าวล้อมอยู่ตรงกลาง
“คุณหยาง สวัสดีครับ ผมเป็นนักข่าวจากสำนักงานข่าวจาวหยาง ขอเรียนถามท่านในเรื่องการนัดประลองยุทธของกลุ่มแชโบลประเทศซันกับผู้แข็งแกร่งจิ่วโจว ไม่ทราบท่านมีความคิดเห็นอย่างไรครับ?”
“คุณหยาง สวัสดีครับ ผมเป็นนักข่าวจากสำนักงานข่าวซินสื้อจี้ เห็นว่าผู้แข็งแกร่งระดับสุดยอดของกลุ่มแชโบลประเทศซัน ได้ทยอยกันเข้ามาในเยี่ยนตู ท่านเป็นคิงแห่งเยี่ยนตู ท่านมีความมั่นใจในชัยชนะแค่ไหนครับ?”
……
หยางเฉินก็คิดไม่ถึงว่า ตัวเองจะมีชื่อเสียงมากขนาดนี้ในเยี่ยนตู แค่เพิ่งลงจากรถ ก็ถูกเหล่าบรรดานักข่าว ล้อมกรอบซะแล้ว
หยางเฉินกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ทั้งบริเวณ เอ่ยปากขึ้นว่า “ผมมีคำพูดอยู่ประโยคเดียว ‘มิตรสหายมามีเหล้าต้อนรับ หากเสือสางหมาป่ามา เจอลูกซอง!’ ”
เหล่าบรรดานักข่าวยังไม่ทันตั้งสติ หยางเฉินก็ได้ฝ่าฝูงคน เข้าไปในโรงแรมเยี่ยนตู
“คุณหยาง สวัสดีครับ ท่านมาในงานประชุมสมาพันธ์บูโดนะครับ?เชิญทางนี้ครับ!”
พอหยางเฉินก้าวเข้าไปในโรงแรม ชายวัยกลางคนในชุดสากล เร่งรุดเดินเข้ามา พูดด้วยความนอบน้อม
เดินตามชายวัยกลางคนนั้นไป มาถึงโถงจัดเลี้ยงชั้นบนสุด
ในเวลานั้น ภายในห้องโถงอันใหญ่โต ได้มีคนเข้ามาแล้วเป็นจำนวนมาก แต่ละคนมีกระแสพลังบูโดแดนเหนือมนุษย์ให้สัมผัสได้
หลายคนจับกลุ่มคุยกันอยู่ พอหยางเฉินปรากฏตัว ทันทีนั้นก็ชักดึงเอาสายตามองเข้ามามากมาย
“นั่นคิงแห่งเยี่ยนตู หยางเฉินมาแล้ว!”
“คิงแห่งเยี่ยนตู วัยละอ่อนขนาดนี้เลยหรือ?”
“แกอย่าไปมองด้อยค่าเขานะ เห็นว่าระดับขั้นบูโดของเขา ไปถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นห้าแล้วนะ”
“เป็นไปได้ยังไง?ดูหน้าตาแล้วอายุเขาไม่น่าจะถึงสามสิบเลยมั้ง?ข้ายังไม่เคยได้ยินว่า มีผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นห้าที่ไหนอายุไม่ถึงสามสิบ”
……
“เขาคือติงเหวินจัวตระกูลติงตอนเหนือหรือนี่ ตระกูลติงในตอนเหนือ กับอีกสี่ตระกูล ถูกรวมเรียกว่าห้าตระกูลตอนเหนือ และติงเหวินจัวนี้ เป็นผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งในตระกูลติง ในภูมิภาคตอนเหนือก็จัดว่าเป็นคนดังคนหนึ่ง”
“ไม่คิดเลยนะ ตระกูลติงถึงขนาดส่งติงเหวินจัวมา ดูท่า คงกะว่าการนัดประลองยุทธพรุ่งนี้ จะเอาชนะกลับไปพร้อมชื่อเสียงได้แน่!”
“เห็นว่ากันว่า ผู้นำบ้านตระกูลติง ให้ความสำคัญกับติงเหวินจัวเป็นอย่างมาก และมีการประกาศแล้วว่า เตรียมเลือกวันมงคลชัยเพื่อมอบตำแหน่งผู้นำให้กับติงเหวินจัวแล้ว”
……
พอติงเหวินจัวได้ทำการแนะนำตัวเองแล้ว ก็สร้างเสียงฮือฮาขึ้นมาในบริเวณงาน หลายคนมองไปที่ติงเหวินจัว ต่างก็มีสีหน้ายำเกรง
หยางเฉินมองฝ่ายตรงข้ามด้วยสายตาชืด ๆ กวาดตามองไปรอบบริเวณ และแล้วภายใต้สายตาของทุกคน เขาเดินตรงไปที่โต๊ะว่างที่อยู่ข้างหน้าสุด นั่งลงตรงตำแหน่งประธานของโต๊ะนั้น
เห็นภาพนี้ ทุกคนที่อยู่ที่นั่นต่างหน้าตื่นตะลึง
“หยางเฉิน ใครอนุญาตให้เจ้านั่งที่ตรงนั้น?”
เห็นหยางเฉินเข้าไปนั่งในตำแหน่งประธานของโต๊ะที่ว่างนั้น ติงเหวินจัวสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ตวาดใส่ไปว่า “นั่นเป็นส่วนที่รอการเลือกหัวหน้าสมาพันธ์บูโดแล้ว เป็นที่นั่งของหัวหน้า เจ้ามันเด็กรุ่นหลัง ไม่มีคุณสมบัตินั่งที่นั่น”
คิ้วของหยางเฉินย่นเข้าหากัน เขาไม่ยักรู้ว่ายังมีการเลือกตั้งอะไรของสมาพันธ์บูโด และก็ไม่รู้ว่าที่ตรงนี้ จะเตรียมไว้เป็นที่นั่งของผู้ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าสมาพันธ์บูโด
ถ้าหากว่าฝ่ายตรงข้ามพูดกับเขาดี ๆ ก็คงจะไม่มีอะไร แต่เจ้าติงเหวินจัวคนนี้ ตั้งแต่เขาเดินเข้ามาถึงในโถงงานเลี้ยงนี้ ก็เห็นวางมาดเหมือนคนอยู่ระดับสูง พูดจาก็ไม่เข้าหู
คนที่นั่งอยู่กับเขา ผู้เฒ่าที่นั่งอยู่ตำแหน่งประธานในโต๊ะ ก็มองหยางเฉินด้วยสายตาเหยียด ๆ ถึงแม้ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรเลย แต่หยางเฉินก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันจากกระแสพลังบูโดที่ฝ่ายตรงข้ามปล่อยออกมา
คนอื่น ๆ ต่างก็มองมาที่ตัวหยางเฉิน หลายคนแสดงสีหน้าเย้ยหยัน เหมือนกับกำลังรอ รอดูเหตุที่กำลังจะเกิด
หยางเฉินไม่ไปใส่ใจกับติงเหวินจัว ยังคงนั่งอยู่ตรงตำแหน่งประธานของโต๊ะนั่น รินน้ำชาใส่ถ้วยให้ตัวเอง ค่อย ๆ จิบเข้าไปคำหนึ่ง แล้ววางถ้วยชาลง ไม่มีทีท่าจะใส่ใจกับสายตาของใคร
ติงเหวินจัวเห็นอย่างนั้น อารมณ์ยิ่งโกรธเกรี้ยว เดินตรงเข้าไปหาหยางเฉิน เดินพลางพูดอย่างเกรี้ยวกราดไปว่า “ข้าบอกให้แกลุกออกไป ไม่ได้ยินที่ข้าสั่งหรือยังไง?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
เขียนยืดเยื้อฉิบหาย.. อ่านแล้วหงุดหงิด...
ยืดเยื้อมากอ่นแล้วโครตเสียอารมณ์แค่บอกว่าเป็นใครแค่เนี้ย แม่งยืดซะจนไร้รสชาติเลย เสียเวลา ่านฉิบหาย...
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...