The king of War นิยาย บท 1839

พอได้ยินผู้แข็งแกร่งคนนั้นของจิ่วโจวถามมา สีหน้าของตู้จ้งก็ดูบึ้งตึงขึ้นมาทันที เพราะการประลองได้เริ่มขึ้นมานานแล้ว แต่หยางเฉินก็ยังไม่มาสักที การที่คนอื่นจะเดาไปเรื่อยก็เป็นเรื่องปกติ

“ใช่ครับ เมื่อกี้ท่านตู้ยังคุยโวอยู่เลยว่า เด็กหนุ่มที่ชื่อหยางเฉินนั่นเก่งมาก แข็งแกร่งยิ่งกว่าท่านตู้? แล้วทำไมตอนนี้ถึงไม่ปรากฏตัวออกมาเหรอครับ?” 

“ท่านตู้ ไม่ใช่ว่าหยางเฉินมีตระกูลบู๊โบราณที่ยิ่งใหญ่อะไรหนุนหลังอยู่ คุณเลยตั้งใจยกยอเขาหรอกนะ?” 

……

ทันใดนั้น ผู้แข็งแกร่งของจิ่วโจว ต่างพากันซักถามตู้จ้ง

ในกลุ่มคนเหล่านั้น ติงเหวินจัวก็อยู่ด้วย สีหน้าของเขายิ้มแย้ม สิ่งที่เขาต้งการก็คือแบบนี้

ตู้จงพูดแล้วไม่ใช่เหรอว่าหยางเฉินแกร่งมาก? งั้นก็ให้นักสู้ของจิ่วโจวแสดงความข้องใจออกมา

“หุบปากให้หมด!” 

ตู้จ้งตะคอกเสียงดัง แล้วพูดด้วยความโมโหว่า “ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในการประลอง ถ้าใครยังพูดเรื่องไร้สาระอีกก็อย่าหาว่าตู้จ้งคนนี้ไม่เตือนแล้วกัน!” 

พูดจบ เขาก็มองไปที่ไช่เจิ้งหยาง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “ไช่เจิ้งหยาง รอบต่อไป คุณออกไปสู้ เป็นไง?” 

ไช่เจิ้งหยางเป็นผู้แข็งแกร่งจากตระกูลไช่ ที่เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของทางตะวันตก เป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดชั้นต้นอย่างแท้จริง

หลังจากนั้น ก็คือไช่เจิ้งหยางกับผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดอีกสองคน

แต่ ไช่เจิ้งหยางอยู่ระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดชั้นต้น ส่วนอีกสองคนต่างก็อยู่ในระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดชั้นสุดยอดทั้งนั้น

นักสู้ของประเทศซันที่เฝ้าสังเวียนตอนนี้อยู่แค่แดนเหนือมนุษย์ขั้นหกชั้นปลายเท่านั้น ถ้าทางจิ่วโจวส่งผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดชั้นสุดยอดออกไปมันจะดูไม่ค่อยเหมาะสมจริงๆ

ถ้าไม่ใช่เพราะผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นหกชั้นสุดยอดต่างก็แพ้ให้กับผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นหกชั้นปลายของประเทศซันละก็ ตู้จ้งก็ไม่มีทางทนความอับอายจนส่งผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดชั้นต้นอย่างไช่เจิ้งหยางออกไปหรอก

ไช่เจิ้งหยางสีหน้าบึ้งตึงขึ้นมาทันที แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ชอบใจว่า “ท่านตู้ นี่คุณไม่ดูถูกผมไปหน่อยเหรอ? ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นหกชั้นกลางคนหนึ่ง คู่ควรให้ผมลงมือด้วยเหรอ?” 

เขาก็มีความภาคภูมิใจของเขา เขารู้ว่านักสู้ของประเทศซันที่เฝ้าสังเวียนนั้นแข็งแกร่งมาก แต่เขาเป็นถึงผู้แข็งแกร่งจากตระกูลไช่แห่งหนึ่งในสามตระกูลใหญ่แห่งทางตะวันตก ถ้าให้เขาออกโรงจริง ต่อให้จะสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้มันก็ไม่มีอะไรให้ดีใจเลย

การที่เขาใช้ฝีมือระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดชั้นต้นเอาชนะนักสู้แดนเหนือมนุษย์ขั้นหกชั้นปลายของประเทศซันได้ จะมีอะไรให้ภูมิใจ?

ตู้จ้งพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “ไม่ใช่ว่าผมไม่ให้เกียรติคุณ แต่ในค่ายของจิ่วโจว ผู้แข็งแกร่งที่สูงกว่าแดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดชั้นต้นก็เหลือไม่กี่คนแล้ว เราจะปล่อยให้ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดชั้นสุดยอดออกไปสู้กับผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นหกชั้นปลายของประเทศซันก็คงไม่ได้จริงมั้ย?” 

พอได้ยินที่ตู้จ้งพูด ไช่เจิ้งหยางก็กวาดตามองไปยังค่ายนักสู้ของจิ่วโจว เขาถึงได้รับรู้ว่า ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดกับแปดก็เหลือไม่กี่คนแล้ว และในคนเหล่านี้ แดนของเขาก็ต่ำที่สุด และเขาก็เป็นคนที่เหมาะที่สุดด้วย

ผู้แข็งแกร่งที่ต่ำจากแดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ด ต่างก็แพ้ให้ผู้นักสู้ชาวซันที่ครองสังเวียนไปหมดแล้ว

แต่เขาเป็นถึงนักสู้ระดับสูงสุดของตระกูลใหญ่ เขามีความภาคภูมิใจในตัวเอง จึงรับไม่ได้ที่ต้องใช้ฝีมือระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดไปสู้กับนักสู้ชาวซันที่อยู่แดนเหนือมนุษย์ขั้นหกชั้นปลายได้

แต่ว่า ถ้าเขาไม่ไป แล้วใครจะไป?

ในที่สุด ไช่เจิ้งหยางก็ตัดสินใจ พูดพร้อมกัดฟันว่า “ท่านตู้ ผมจะถือว่าให้เกียรติคุณ หวังว่าคุณจะไม่ทำให้ผมผิดหวังนะ!” 

ตู้จ้งรู้ดีว่าไช่เจิ้งหยางหมายถึงอะไร ในค่ายนักสู้ของจิ่วโจว ตอนนี้คนที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือตู้จ้ง และเมื่อกี้ในค่ายของจิ่วโจวต่างเถียงกันว่าใครจะได้เป็นหัวหน้าสมาพันธ์บูโด

จนสุดท้าย นักสู้ในค่ายของจิ่วโจวก็ได้ลงความเห็นกันว่า ในวันนี้ ถ้าใครสามารถสร้างผลงานได้มากที่สุด คนนั้นก็จะได้ขึ้นเป็นหัวหน้าสมาพันธ์บูโด

ตู้จ้งเป็นคนที่มีโอกาสได้เป็นหัวหน้าสมาพันธ์บูโดที่สุด ไช่เจิ้งหยางรู้ดีว่าฝีมือของตัวเองไม่ถึง ต่อให้ไม่มีตู้จ้งอยู่ ก็ยังมีผู้แข็งแกร่งอีกหลายคนที่อยู่เหนือกว่าเขา ในเมื่อไม่สามารถขึ้นเป็นหัวหน้าสมาพันธ์ได้ งั้นก็ต้องทำให้การออกโรงของตัวเขามีค่าที่สุด

ตู้จ้งพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง “ผมรับรองกับคุณได้เลย นักสู้ทุกคนที่สู้เพื่อจิ่วโจววันนี้ ผมไม่มีทางลืมแน่นอน!” 

“เมื่อคุณพูดมาแบบนี้ ก็เพียงพอแล้ว!” 

ไช่เจิ้งหยางมองตู้จ้งอย่างลึกซึ้ง จากนั้นก็เดินขึ้นสังเวียน

นักสู้ชาวซันที่เฝ้าสังเวียนจ้องมองมาที่ไช่เจิ้งหยาง แล้วขำอย่างไม่ชอบใจ “ในที่สุดจิ่วโจวก็ยอมส่งผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดออกมาแล้วสินะ? แต่ก็ไม่เป็นไร ประเทศซันของเรานั้นใจกว้าง ไม่ใส่ใจเรื่องเล็กๆ แบบนี้หรอก ก็แค่ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดเท่านั้น เมื่ออยู่ต่อหน้าประเทศซัน ก็ยังเป็นแค่เศษสวะอยู่ดี” 

ไช่เจิ้งหยางโมโหขึ้นมาทันที การเป็นผู้แข็งแกร่งชั้นแนวหน้าของหนึ่งในสามตระกูลใหญ่จากทางตะวันตกจะเคยถูกเหยียดหยามแบบนี้ได้ยังไง?

“แกรนหาที่ตาย!” 

เขาคำรามออกมา ขยับขา แล้วกระโจนเข้าใส่อีกฝ่าย

ถึงนักสู้ชาวซันที่เฝ้าเวทีจะพูดจาไม่น่าฟัง แต่เมื่อต้องรับการบุกเข้ามาของไช่เจิ้งหยาง แววตาก็ไม่หลงเหลือการดูถูก การที่เขาใช้ฝีมือระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นหกชั้นปลาย เอาชนะผู้แข็งแกร่งที่ต่ำกว่าแดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดของจิ่วโจวได้ทั้งหมด มันก็ถือว่าสุดยอดมากแล้ว

ในครั้งนี้ คู่ต่อสู้ที่ต้องเจอนั้นเป็นถึงผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดชั้นต้นจริงๆ เขาเองก็ไม่ค่อยมั่นใจเหมือนกัน

ถึงไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะได้มั้ย เขาก็จะทุ่มสุดตัว จะทำให้นักสู้ของจิ่วโจวพ่ายแพ้ไปให้หมด

“ตุบตุบตุบ!” 

วินาทีต่อมา ทั้งคู่ได้เข้าปะทะกัน ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นถึงกับตาค้าง มองดูการต่อสู้อันดุเดือดที่เกิดขึ้นบนสังเวียน นี่มันเป็นการต่อสู้ที่ควรค่าแก่การชมเหลือเกิน ทั้งสองคนไม่มีใครใช้กระบวนท่าที่สวยงาม มีแต่การโจมตีอันรุนแรงที่ซัดใส่กัน เรียบง่ายแต่รุนแรง

ตอนแรกไช่เจิ้งหยางที่ยังดูถูกนักสู้ชาวซันที่เฝ้าเวที ในตอนนี้ เขาก็ได้รับรู้ถึงความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายแล้ว

ที่แท้ ก่อนหน้านี้ที่สู้กัน อีกฝ่ายยังไม่ได้เอาจริงด้วยซ้ำ

ไม่อย่างนั้น อีกฝั่งที่อยู่แดนเหนือมนุษย์ขั้นหกชั้นปลาย จะมีพลังเทียบเท่าแดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดชั้นต้นได้ยังไง?

การต่อสู้ยิ่งดำเนินต่อไป ไช่เจิ้งหยางก็ยิ่งตกใจมากขึ้น

เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็เริ่มรู้สึกว่าพลังของตัวเองไม่พอ ฝีมือในการต่อสู้ของอีกฝ่ายแข็งแกร่งเกินไป มันไม่ใช่พลังที่แดนเหนือมนุษย์ขั้นหกชั้นปลายจะสามารถปลดปล่อยออกมาได้

“ตุบ!” 

เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง ทั้งสองแยกไปยืนคนละฝั่ง ต่างหายใจหอบ การต่อสู้อันดุเดือดเมื่อกี้ ทำให้ทั้งคู่ใช้พลังงานไปเยอะมาก

นักสู้ชาวซันที่เฝ้าเวที แววตามีแต่ความเคร่งขรึม ไช่เจิ้งหยางที่พลังมีไม่มากพอ ก็ไม่ได้รู้สึกดีสักเท่าไหร่

ไช่เจิ้งหยางจ้องเขม็งไปที่อีกฝ่าย กัดฟันแล้วพูดว่า “ฝีมือของแก ไม่มีทางเป็นแดนเหนือมนุษย์ขั้นหกชั้นปลายอย่างแน่นอน!” 

อีกฝ่ายถึงกับช็อก แต่ไม่นานก็กลับมาสงบเหมือนเดิม แล้วขำออกมาอย่างไม่ให้เกียรติ “ทำไม? ยอมรับความพ่ายไม่ได้ เลยคิดว่าฉันอยู่เหนือกว่าแดนเหนือมนุษย์ขั้นหกชั้นปลาย?” 

ไช่เจิ้งหยางพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ชอบใจ “ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นหกชั้นปลาย ไม่มีทางระเบิดพลังที่เทียบเท่าแดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดชั้นต้นได้ ฉันสามารถรับรู้ได้ถึงรังสีที่แข็งแกร่งจากตัวแก รังสีนี้ ไม่มีทางเป็นของแดนเหนือมนุษย์ขั้นหกชั้นปลายแน่นอน แต่เป็นรังสีของแดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดชั้นกลาง” 

พอพูดอย่างนั้นออกมา บรรยากาศก็วุ่นวายขึ้นมาทันที!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War