บทที่ 1880 – ตอนที่ต้องอ่านของ The king of War
ตอนนี้ของ The king of War โดย เสี้ยวอ้าวอวี๋เซิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายใช้ชีวิตทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1880 จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ถอดใจ
หยางเฉินไม่ได้ใช้ประโยชน์จากชัยชนะเพื่อไล่ฆ่าอีกฝ่าย เขายืนอยู่เดิมและมองไปที่ ไป๋หลี่ซวน อย่างเย็นชา
สำหรับเขา หากความแข็งแกร่งที่เมื่อครู่ไป๋หลี่ซวนแสดงออกมาคือจุดสูงสุดแล้ว อย่างนั้น ไป๋หลี่ซวนก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะต่อสู้กับเขา
"ดี!"
หม่าชาวกำหมัดแน่นอย่างตื่นเต้น ยิ่งหยางเฉินแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น และยิ่งกดดันมากขึ้นด้วย
แต่เขาไม่กลัว เขาเชื่อมั่นว่าตนจะสามารถตามติดหยางเฉินไปได้โดยเร็วที่สุด
การต่อสู้ครั้งนี้จับใจเขาอย่างสุดซึ้ง เขาแอบตั้งมั่นในใจว่ารอให้เรื่องนี้จบลงเมื่อไหร่ เขาจะคิดหาวิธีบุกทะลวงพลังของตนให้ได้
“หัวหน้าสมาคมจงเจริญ!”
“หัวหน้าสมาคมไร้เทียมทาน!”
……
ผู้แข็งแกร่งของสมาพันธ์บูโดโห่ร้องด้วยความตื่นเต้น ความแข็งแกร่งของหยางเฉินทำให้พวกเขายอมรับหัวหน้าสมาคมเป็นอย่างมาก
ตอนนี้ในสมาพันธ์บูโด ศักดิ์ศรีของหยางเฉินได้มาถึงจุดสูงสุดแล้ว
ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาฆ่าทิคาโนะ ทาเคชิ ในโรงเทพบู๊ เป็นเพราะการต่อสู้ดุเดือดเกินไป นักบู๊ที่อยู่ต่ำกว่าแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดต่างก็ไม่สามารถทนรับแรงกดดันบู๊ไดและต้องออกจากโรงเทพบู๊ไป
อย่างไรก็ตาม วันนี้ การต่อสู้ระหว่างหยางเฉินและไป๋หลี่ซวนเกิดขึ้นที่ประตูสำนักงานใหญ่ของสมาพันธ์บูโด แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างไกลออกไป แต่พวกเขาก็ได้เห็นความพ่ายแพ้ของไป๋หลี่ซวนที่มีต่อหยางเฉิน
ประเด็นสำคัญคือ ไป๋หลี่ซวนมาจากตระกูลบู๊โบราณและเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลาย แต่กลับยังพ่ายแพ้ต่อหยางเฉิน นี่ก็บอกได้แล้วว่าพลังของหยางเฉินนั้นแข็งแกร่งพอที่จะเอาชนะผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายได้แล้วไม่ใช่หรือ?
ในจิ่วโจวมีพันธมิตรพิทักษ์อยู่ ผู้แข็งแกร่งแดนนภา ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าสู่โลกฆราวาสเพื่อต่อสู้กับผู้ที่อยู่ต่ำกว่าแดนนภา
กล่าวคือ เมื่อมองดูทั่วทั้งจิ่วโจว มีผู้แข็งแกร่งไม่มากแล้วที่มีคุณสมบัติพอจะเป็นคู่ต่อสู้ของหยางเฉิน เกรงว่าเหลือก็แค่จะมีผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดเท่านั้น
ไป๋หลี่ซวนพยายามลุกขึ้นจากพื้น มุมปากของเขามีคราบเลือดอยู่ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
เขาไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่ง ตนที่เป็นถึงเจ้าบ้านของบ้านที่สามตระกูลบู๊โบราณไป๋หลี่ออันยิ่งใหญ่ จะต้องมาพ่ายแพ้ให้กับนักบู๊แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลาย
ถ้าแดนบูโดของหยางเฉินสูงกว่าเขาก็แล้วไป แต่นี่แดนบูโดของหยางเฉินกลับน้อยกว่าเขาไปอีกชั้นด้วยซ้ำ ที่สำคัญก็คือ หยางเฉินยังเด็กมากและมีอายุเพียง 28 ปีเท่านั้น
ความสำเร็จนี้ แม้แต่ในตระกูลบู๊โบราณ เกรงว่าก็ถือเป็นการดำรงอยู่ระดับต้นๆ ไปแล้ว?
“หยางเฉิน!”
ไป๋หลี่ซวน เอ่ยเรียกหยางเฉินเสียงต่ำ จิตใจที่อยากฆ่าอีกฝ่ายได้มาถึงขีดสูงสุดแล้ว
หยางเฉินและหม่าชาวมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอย่างมาก อีกทั้ง ไป๋หลี่ชิวเหว่ แม่ของหม่าชาวก็ถูกกักบริเวณอยู่ในบ้านของตระกูลไป๋หลี่ อย่างนั้นต่อไปในอนาคตจะต้องมีสักวันหนึ่งที่หยางเฉินและหม่าชาวจะต้องไปยังตระกูลไป๋หลี่
หยางเฉินในตอนนี้อยู่ในแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลาง แต่ประสิทธิภาพการต่อสู้ของเขาเทียบได้กับผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดแล้ว หากแดนบูโดของหยางเฉินทะลวงไปถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอด อย่างนั้นเขาก็คงสามารถบดขยี้ผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นต้นได้แล้วใช่หรือไม่?
แน่นอนว่า แม้หยางเฉินจะมีพลังในการต่อสู้เท่ากับผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นต้นจริง ก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะไปแย่งตัวคนมาจากตระกูลไป๋หลี่ ตระกูลบู๊โบราณไป๋หลี่ที่ยิ่งใหญ่ไม่ได้มีผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นต้นเพียงเท่านั้น
ถ้าหยางเฉินรีบลงไปยังตระกูลไป๋หลี่ตอนที่อยู่ในสถานะต่ำกว่าแดนนภา อย่างนั้นก็เท่ากับรนหาที่ตาย
อย่างไรก็ตาม อาศัยความสัมพันธ์ระหว่างหยางเฉินและหม่าชาว ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาก็จะต้องไปยังตระกูลไป๋หลี่
ในช่วงเวลาสั้น ๆ พวกเขาสามารถไม่ไปหาตระกูลไป๋หลี่ได้ แต่ถ้าวันหนึ่ง แดนบูโดของหยางเฉินเข้าสู่แดนนภา ส่วนหม่าชาวเองก็อยู่ในแดนนภาเช่นกันล่ะ?
อาศัยพรสวรรค์ด้านบู๊ของหยางเฉินและหม่าชาว การทะลวงสู่แดนนภา เกรงว่าคงใช้เวลาแค่เพียงไม่กี่ปี
เมื่อเสียงจบลง ออร่าบู๊อันน่าสยดสยองก็ออกมาจากตัวเขา
ในเวลาเดียวกัน ในมือของเขาก็มีมีดดำที่มีออร่าอันตรายปรากฏขึ้น และนี่ก็คือมีดโลหิตซึ่งเป็นมีดอันล้ำค่าที่สุดของตระกูลสายเลือดคลั่ง
นับตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่อาจารย์ผู้ไร้นามของหยางเฉินปรากฏตัวขึ้น และขู่กรรโชกเอาฝักทองที่สามารถลดการต่อต้านของของอาถรรพ์อย่างมีดโลหิตมาได้จากผู้แข็งแกร่งของพันธมิตรพิทักษ์ นี่ถือเป็นครั้งที่สองที่หยางเฉินใช้มีดโลหิตนี้
เมื่อมีดโลหิตปรากฏขึ้น ออร่าของฟ้าดินก็เปลี่ยนเป็นหนาวเหน็บเหนือใครขึ้นมา
ออร่าบู๊บนตัวหยางเฉินรุนแรงและบ้าคลั่งมากขึ้น ในดวงตาสีแดงเลือดของเขา แฝงความชั่วร้ายอยู่หลายส่วน
สีหน้าของไป๋หลี่ซวนเปลี่ยนไปทันทีและอุทาน “มีดโลหิต! นายถึงกับมีมีดโลหิต อีกทั้งยังสามารถควบคุมมันได้!”
มีแค่นักบู๊แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดขึ้นไปเท่านั้นที่สามารถควบคุมของอาถรรพ์ได้ และก็ใช่ว่าจะสามารถควบคุมมันได้อย่างง่ายดายด้วย
สำหรับนักบู๊แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดลงไป ถึงแม้จะมีที่สามารถควบคุมของอาถรรพ์ได้ แต่ก็มีน้อยอย่างยิ่ง และต่อให้ทำได้ อย่างนั้นก็ต้องเป็นนักบู๊แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลาย
ส่วนหยางเฉินซึ่งอยู่เพียงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลางเท่านั้น กลับสามารถควบคุมมีดโลหิตได้ นี่สามารถรู้ได้เลยว่าไป๋หลี่ซวนจะตกตะลึงมากขนาดไหน
แม้แต่ในตระกูลบู๊โบราณ ของอาถรรพ์ก็ยังคงเป็นสิ่งล้ำค่าและมีจำนวนจำกัด อย่างไรก็ตามบนตัวหยางเฉินกลับมีของอาถรรพ์ถึงสองชิ้น
หยางเฉินดึงมีดโลหิตออกจากฝักทอง แน่นอนว่าวัตถุที่ทนต่อการกัดเซาะของอาถรรพ์ได้ก็ย่อมต้องเป็นของอาถรรพ์ด้วยกัน
ดังนั้น มีดโลหิตและฝักทองล้วนเป็นของอาถรรพ์ทั้งสิ้น
เมื่อนักบู๊ต่อสู้โดยอาศับความช่วยเหลือจากของอาถรรพ์ ก็จะสามารถระเบิดพลังการต่อสู้เหนือแดนของตนได้ อย่างไรก็ตาม หยางเฉินสามารถเอาชนะเขาได้โดยไม่ต้องใช้ของอาถรรพ์ไปแล้ว มาตอนนี้เขานำมีดโลหิตออกมาแบบนี้แล้วเขาจะยิ่งแข็งแกร่งมากแค่ไหน?
ในใจของ ไป๋หลี่ซวน เกิดความคิดอยากล่าถอยขึ้นทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
เขียนยืดเยื้อฉิบหาย.. อ่านแล้วหงุดหงิด...
ยืดเยื้อมากอ่นแล้วโครตเสียอารมณ์แค่บอกว่าเป็นใครแค่เนี้ย แม่งยืดซะจนไร้รสชาติเลย เสียเวลา ่านฉิบหาย...
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...