สรุปเนื้อหา บทที่ 1887 ลงรถหาความตาย – The king of War โดย เสี้ยวอ้าวอวี๋เซิง
บท บทที่ 1887 ลงรถหาความตาย ของ The king of War ในหมวดนิยายใช้ชีวิต เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย เสี้ยวอ้าวอวี๋เซิง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
หลังจากที่มาถึงนอกกองยุทธการ ทั้งสองก็เจอรถBenz Unimogสมรรถนะสูงที่ผ่านการดัดแปลงมาแล้วได้อย่างรวดเร็ว ที่สนามบินนานาชาตินอกกองยุทธการ มีรถออฟโรดระดับโลกมากมาย ที่ใช้มาทำเป็นรถแท็กซี่ให้บริการ
แต่ว่า การจะใช้บริการรถแท็กซี่ที่นอกกองยุทธการนั้นมีราคาที่สูงมาก และเป้าหมายของพวกหยางเฉินคือภูเขาวมาร โชเฟอร์หลายคนต่างไม่กล้าไป มีโชว์เฟอร์จำนวนน้อยเท่านั้นที่กล้ารับงาน
แน่นอน ราคามันก็ยิ่งสูงขึ้นไปอีก
อย่างภูเขาวมารที่พวกหยางเฉินจะไปนั้น ระยะทางประมาณหกชั่วโมง ค่ารถอยู่ที่คนละสองล้านหยวน สองคนก็สี่ล้านหยวนแล้ว
แน่นอน รถออฟโรดที่สมรรถนะไม่เหมือนกัน ราคาก็ต่างกัน
รถวิ่งไปตลอดทาง จนกระทั่งเช้าวันที่สองเวลาเก้าโมง เพิ่งจะมาถึงภูเขาวมาร
หลังจากที่ลงรถ หม่าชาวบิดขี้เกียจไปหนึ่งที แล้วก็พูดอย่างยิ้มๆ “ในที่สุดก็ถึงแล้ว”
หยางเฉินมองไปทางหม่าชาวแล้วพูดด้วยสีหน้าที่สลับซับซ้อน “ใช่ ในที่สุดก็ถึงเวลาที่ต้องจากลากันแล้ว”
หม่าชาวนั้นรู้ดี หยางเฉินไม่อยากให้เขาไปฝึกฝนที่ภูเขาวมารคนเดียวมาโดยตลอด รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็หุบหายไปทันที แล้วมองไปทางหยางเฉิน พูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง “พี่เฉิน ฉันขอรับประกันกับพี่เลย ให้เวลาฉันครึ่งปี ฉันจะทำให้ตัวเองกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างแน่นอน”
ต้องแยกกับเพื่อนรักของตัวเองแล้ว ในใจของหยางเฉินเศร้าอย่างพูดไม่ถูก หม่าชาวก็เช่นกัน ทั้งสองคนมองหน้ากัน ดวงตาล้วนแดงก่ำทั้งคู่ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากจะจากกัน
หยางเฉินรู้ดี ตอนนี้ต่อให้พูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์ ในเมื่อหม่าชาวตัดสินใจที่จะไป งั้นก็ต้องให้เขาไปฝึกฝนอย่างสบายใจ!
เขาเดินไปด้านหน้า ตบบ่าของหม่าชาวเบาๆ ในขณะเดียวกันก็ได้เอากระเป๋าเป้ของตัวเองยื่นให้กับหม่าชาว
“พี่เฉิน มันคืออะไร?”
หม่าชาวรับกระเป๋าไปด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยสงสัย
หยางเฉินกล่าว “ในกระเป๋านี้ มีเม็ดยาที่เสียวหว่านเตรียมไว้ให้เรา เม็ดยาสีแดงคือยารักษาอาการบาดเจ็บ เม็ดยาสีดำคือยาที่สามารถเพิ่มพลังในช่วงสั้นๆ เม็ดยาสีเขียวคือยาพิษ ขอเพียงเป็นนักบูโดที่มีพลังต่ำกว่าแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้า ล้วนไม่มีทางที่จะต้านพิษนี้ได้”
“ยาพวกนี้มีค่าอย่างมหาศาล นายไปหาที่อยู่ที่เป็นหลักแหล่ง จากนั้นก็ซ่อนยาพวกนี้เอาไว้ ทุกครั้งที่ออกไปฝึกฝน อย่าเอายาออกไปในปริมาณที่เยอะเกินไป ถ้าหากมีคนรู้ว่านายมีเม็ดยาเยอะขนาดนี้ ต้องคิดหาวิธีแย่งชิงอย่างแน่นอน”
“อีกอย่าง ถ้าหากเจอคู่ต่อสู้ที่เหนือกว่า อย่าไปสู้ด้วยชีวิต หนีได้หนีเลย อย่าไปรู้สึกการหนีนั้นขายหน้า นายต้องเข้าใจ ต่อให้อยู่ใน ตระกูลบู๊โบราณ บูโดอัจฉริยะอย่างนาย ล้วนอยู่ในระดับที่เหนือกว่าคนอื่น แต่ในภูเขาวมาร นักบูโดที่อายุอ่อนกว่านายและเก่งกว่านาย นั้นมีไม่มาก”
“สิ่งที่สำคัญที่สุด อย่าวู่วามเด็ดขาด ลูกผู้ชายยึดได้หดได้ อย่าไปคิดว่าการก้มหัวนั้นขายหน้า ทุกครั้งที่นายควบคุมตัวเองไม่ได้ ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ในใจแค่คิดถึงอ้ายหลินกับเสี่ยวจิ้งก็พอ”
“ไม่ว่าตอนไหนหรือเวลาไหน หากนายเจอปัญหาที่ไม่สามารถจัดการได้ ให้ติดต่อพี่ได้ตลอดเวลา พี่จะมาหานายที่ภูเขาวมารทันที
หยางเฉินเหมือนแม่ที่กำลังจะส่งลูกไปแดนไกล กำชับไม่หยุดหย่อน แม้กระทั่งการกินอยู่ของหม่าชาว ก็ยังเป็นห่วงไปด้วย
ดวงตาของหม่าชาวชุ่มไปด้วยรอยน้ำตา หยางเฉินจู้จี้เป็นอย่างมาก แต่เขากลับไม่รู้สึกถึงความจู้จี้เลยแม้แต่นิดเดียว ตั้งใจรับฟัง และก็พยักหน้าเป็นระยะเพื่อแสดงออกว่าตัวเขานั้นรับรู้แล้ว
หยางเฉินกล่าวทิ้ง “เอาล่ะ ตอนนี้นึกได้แค่นี้ ขอพูดคำสุดท้าย ไม่ว่าตอนไหนเวลาไหน นายต้องจำให้ขึ้นใจ ข้างหลังของนายยังมีพี่เฉินของนายยืนอยู่”
หม่าชาวพูดด้วยดวงตาที่แดงก่ำ “พี่เฉิน ผมรู้แล้ว พี่วางใจเถอะ ผมจะดูแลตัวเองให้ดี สิ่งที่พี่พูดเมื่อกี้ ผมจำขึ้นใจแล้ว”
หยางเฉินยิ้มบางๆ ยื่นมือออกไป ชกที่หน้าอกของหม่าชาวหนึ่งที “เอาล่ะ พวกเราสองคน ก็จากลากันตรงนี้ พี่จะรอนายกลับมาอย่างปลอดภัยที่เมืองเยี่ยนตู!”
พูดจบ เขาก็หันหลังขึ้นรถBenz Unimogที่รอเขาอยู่
เสียงเครื่องยนต์คำราม รถยิ่งอยู่ยิ่งไกลออกไป
หม่าชาวมองดูรถที่ไกลออกไป ในที่สุดก็ห้ามความรู้สึกตัวเองไม่อยู่ น้ำตาก็ไหลเป็นทาง ไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง
ไม่เสียชื่อภูเขาวมารเลยจริงๆ มีพวกแดนเหมือนมนุษย์ขั้นเก้าเยอะเหมือนหมา แค่กลุ่มเล็กสี่คนนี้ ก็มีพลังที่แข็งแกร่งขนาดนี้
การเผชิญหน้ากับกลุ่มพลังที่แข็งแกร่งขนาดนี้ โชว์เฟอร์ไม่มีความกลัวเลยแม้แต่นิดเดียว
สามารถมาเป็นโชว์เฟอร์ที่ภูเขาวมาร พลังก็ต้องไม่ธรรมดาอยู่แล้ว แดนบูโดของโชว์เฟอร์ร่างกำยำคนนี้ น่าจะอยู่ในแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นยอด
ในภูเขาวมาร โชว์เฟอร์ที่วิ่งรถ ต่างก็เป็นกองกำลังของสำนักเทพเหิน และสำนักเทพเหิน ก็เหมือนกับสำนักบูโดที่หยางเฉินกำลังจะไป ต่างก็เป็นกองกำลังหนึ่งในห้าอันดับแห่งภูเขาวมาร
อยากจะมาเป็นโชว์เฟอร์ที่ภูเขาวมาร ก็ต้องเข้าสำนักเทพเหิน ไม่เพียงเท่านี้ รายได้ร้อยละแปดสิบของเดือน ต้องส่งมอบให้กับสำนักเทพเหิน
แน่นอน สำนักเทพเหินก็ดูแลรับผิดชอบโชว์เฟอร์เหล่านี้ หากมีคนกล้ามารังแกโชว์เฟอร์ของสำนักเทพเหิน สำนักเทพเหินก็จะตั้งค่าหัวมหาศาลในการไล่ฆ่า
สามารถพูดได้ว่า ในภูเขาวมาร คนที่ไม่ควรล่วงเกินเลย ก็คือโชว์เฟอร์ของสำนักเทพเหิน
“ตกลงเป็นทางผ่านของพวกคุณมั้ย? ถ้าไม่ใช่ก็หลีกไป!”
เมื่อเห็นนักบูโดสี่คนที่อยู่ด้านนอกไม่พูดไม่จา โชว์เฟอร์ร่างกำยำก็ตะโกนถาม แม้ว่าจะมีพลังเพียงแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นยอด แต่กลับไม่เห็นฝ่ายตรงข้ามอยู่ในสายตาเลย
บนรถของโชว์เฟอร์จากสำนักเทพเหิน ได้ติดตั้งกล้องสามร้อยหกสิบองศาเอาไว้ ภาพจากกล้องทั้งหมด จะถูกส่งไปที่จอของสำนักเทพเหิน
หากมีใครกล้าทำร้ายโชว์เฟอร์ของสำนักเทพเหิน สำนักเทพเหินจะทราบข่าวในทันที และจะทำการส่งคนที่อยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุไปให้ความช่วยเหลือ
“หยางเฉิน แกจะลงมาตายด้วยตัวเอง? หรือว่าจะให้พวกเราขึ้นไปฆ่าแกบนรถล่ะ?”
และในขณะนี้ หนึ่งในคนที่ขวางอยู่หน้ารถที่มีพลังอยู่ในแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้น มองเข้าไปในรถแล้วตะโกนถาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
เขียนยืดเยื้อฉิบหาย.. อ่านแล้วหงุดหงิด...
ยืดเยื้อมากอ่นแล้วโครตเสียอารมณ์แค่บอกว่าเป็นใครแค่เนี้ย แม่งยืดซะจนไร้รสชาติเลย เสียเวลา ่านฉิบหาย...
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...