The king of War นิยาย บท 1926

หม่าชาวถึงกับช็อก ตอนแรกคิดว่าหยางเฉินต้องคัดค้านเรื่องที่เขาจะเข้าร่วมสำนักมารแน่ แต่นึกไม่ถึงว่า ไม่เพียงไม่คัดค้าน แต่กลับเกลี้ยกล่อมอย่างเต็มที่ด้วย

หลังจากที่หม่าชาวเงียบไปพักหนึ่ง ถึงได้พูดออกมาว่า “พี่เฉิน ชื่อเสียงของสำนักมารไม่ดีเอาซะเลย” 

พอได้ยินอย่างนั้น หยางเฉินยิ้มเยาะ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “ในภูเขาวมาร มีกองกำลังไหนที่ชื่อเสียงดีบ้าง? เดิมที่นี่ก็เป็นพื้นที่ที่วุ่นวายอยู่แล้ว ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นสุดยอด ก็มีโอกาสตายได้ทุกเมื่อ” 

“กามิ กาโสะก็ดี สำนักบู๊ก็ดี หรือแม้แต่สองกองกำลังใหญ่อีกสองก็ตาม ต่างก็มีชื่อเสียงที่ดีกว่าสำนักมารแล้วมันจะเท่ากับกามิ กาโสะกับสำนักบู๊ไม่เคยทำเรื่องชั่วๆ เลยรึไง?” 

“จากที่ฉันรู้จักมา ในภูเขาวมารมีหลายคนที่ทำตัวน่ายกย่อง เรียกตัวเองว่าเป็นผู้เที่ยงธรรมแห่งวิถีบู๊ แต่ลับหลังกลับทำเรื่องชั่วๆ มากมาย” 

“การที่สำนักมารชื่อเสียงไม่ดี เป็นเพราะคนของสำนักมารต่างฝึกวิชามาร วิชามารค่อนข้างทรงอำนาจ ตอนที่สู้กับคนอื่น ในแดนเดียวกัน คนที่ฝึกวิชามารสามารถเล่นงานศัตรูให้เจ็บหนักได้อย่าง่ายดาย ด้วยเหตุนี้ ผู้คนจึงเรียกวิชามารว่าเป็นวิชานอกรีต” 

หยางเฉินไม่ได้พูดส่งๆ แต่เป็นเพราะเขาเคยมาที่ภูเขาวมาร เห็นมาเยอะ ฟังมาเยอะ

เขาเคยเห็นกับตาตัวเองว่า ผู้แข็งแกร่งแดนเห็นอมนุษย์ขั้นเก้าคนหนึ่งของกามิ กาโสะ ได้ฆ่านักสู้คนหนึ่งที่ยังบรรลุไม่ถึงแดนเหนอืมนุษย์ เพียงเพราะอารมณ์ไม่ดีจากการเพิ่งแพ้ผู้แข็งแกร่งของสำนักบู๊ที่แดนเท่ากันมา 

เขายังเคยเห็น นักสู้แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นสุดยอดของสำนักมารคนหนึ่ง เคยช่วยชีวิตของผู้แข็งแกร่งแดนราชาคนหนึ่งจากการถูกไล่ล่าของผู้แข็งแกร่งของสำนักพิษ

ในภูเขาวมาร ผู้แข็งแกร่งมากมายมหาศาล พูดได้ว่า ต่ำกว่าแดนเหนือมนุษย์ถือเป็นมดปลวก และรองจากแดนเหนือมนุษย์ยังมีแดนเทพ รองจากแดนเทพ จึงจะเป็นแดนราชา

ใครจะไปคิดว่า ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของภูเขาวมาร จะไปต่อสู้เพื่อมดปลวกตัวหนึ่ง

ถ้าหยางเฉินไม่เห็นกับตา เขาเองก็คงไม่เชื่อ

ตอนนั้นที่ฝึกวิชาอยู่ที่ภูเขาวมาร หยางเฉินเห็นอะไรมาเยอะ อาจเป็นเพราะได้เห็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นสุดยอดช่วยผู้แข็งแกร่งแดนราชาไว้กับตา เขาจึงไม่ได้มีอคติอะไรกับสำนักมาร

หยางเฉินพูดต่อ “ยิ่งไปกว่านั้น ผู้อาวุโสลี่ยังเคยช่วยชีวิตของนายไว้ แถมตั้งสองครั้ง!” 

ครั้งแรก เป็นตอนที่หม่าชาวถูกลูกแก้วดูดเลือดสะท้อน ในตอนที่หยางเฉินได้แต่ยืนดูน้องชายของตัวเองกำลังจะตาย ลี่เฉินก็ปรากฏตัว แล้วผนึกลูกแก้วดูดเลือดในตัวหม่าชาว

ครั้งนี้ ในตอนที่เนี่ยชิวจะฆ่าหม่าชาว ลี่เฉินก็ได้ช่วยหม่าชาวเอาไว้

หม่าชาวเป็นพี่น้องของหยางเฉิน ส่วนลี่เฉินก็ช่วยหม่าชาวไว้สองรอบ หยางเฉินไม่อยากไปสนใจอะไร แค่รู้ว่าหม่าชาวน้องชายของตัวเองติดหนี้บุญคุณลี่เฉินสองครั้ง เท่ากับว่าลี่เฉินก็เป็นผู้มีพระคุณของหยางเฉินเหมือนกัน

“พี่เฉิน ผมเข้าใจแล้ว!” 

ในที่สุดหม่าชาวก็ตัดสินใจ พยักหน้าแล้วพูดมาว่า “เมื่อเป็นแบบนั้น งั้นผมจะเข้าร่วมสำนักมารครับ!” 

หยางเฉินได้ยิ้มออกมา “ตกลง!” 

ทันใดนั้นเอง ความรู้สึกที่ไร้เรี่ยวแรงได้ถาโถมเข้ามา หยางเฉินตาเหลือกแล้วหมดสติไป

“พี่เฉิน!” 

หม่าชาวหน้าถอดสี พร้อมตะโกนออกมาเสียงดัง

ก่อนหน้านี้ที่สู้กับเนี่ยชิว ร่างกายของหยางเฉินรับภาระหนักเกินไป จากแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นสุดยอดเอาชนะผู้แข็งแกร่งที่ก้าวข้าไปในแดนนภาขั้นหนึ่งแล้วก้าวหนึ่ง มันเป็นปาฏิหาริย์ชัดๆ

เดิมทีสายเลือดคลั่งกับมีโลหิตก็สร้างภาระให้ร่างกายของเขาอย่างมากแล้ว แต่เขายังปลดปล่อยเขตแดนวิถีมารออกมาอีก มันจึงสร้างความเสียหายให้ร่างกายของเขาอย่างหนัก

ไม่นาน ลี่เฉินก็รีบเข้ามา พอเห็นหยางเฉินที่หมดสติ เขาก็ขมวดคิ้ว

หลังจากที่ลี่เฉินดูอาการให้หยางเฉินแล้ว หม่าชาวก็ถามด้วยสีหน้าที่ร้อนรนว่า “ผู้อาวุโสลี่ พี่เฉินเป็นยังไงบ้างครับ?” 

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War