The king of War นิยาย บท 1963

เมื่อได้ฟังคำพูดของลี่เฉิน ใบหน้าของหม่าเฉาชะงักค้าง

เขารู้ดีว่าการที่หยางเฉินกว่าจะมาถึงขั้นตอนนี้นั้นยากเพียงใด ถึงขั้นที่ต้องโกหกภรรยาและลูก ๆ ของเขาด้วยเจตนาดีเพื่อจัดการกับศัตรูที่แข็งแกร่ง

ถ้าบูโดของหยางเฉินหยุดอยู่ที่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอด หรือแม้กระทั่งถูกทำให้สลายไป อย่างนั้นเขาจะยอมรับได้อย่างไร?

หม่าชาวสีหน้าไม่เต็มใจและถามว่า “ท่านอาจารย์ ไม่มีทางอื่นแล้วหรือ?”

ลี่เฉินส่ายหัวและพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “นี่เป็นวิธีเดียว มีก็แค่เขาจะยอมรับเนื้อหนังฝ่าฟันภัยพิบัติให้ได้ และปล่อยให้ภัยพิบัติสวรรค์เคี่ยวกรำตัวเขาเพื่อให้กายเนื้อไปถึงแดนนภา หรือไม่ก็ให้ฉันช่วยเขาในขณะที่ภัยพิบัติสวรรค์กำลังจะฆ่าเขา แต่ผลที่ต้องชดใช้นั้นยากเกินกว่าจะรับได้"

หม่าชาวไม่ได้พูดอะไรอีก แต่มองดูไปในทิศทางของหยางเฉินด้วยความกังวล

ในเวลานี้ แท่นหินทั้งหมดเปรียบเสมือนกับเครื่องมือแปรสภาพภัยพิบัติสวรรค์ สายฟ้าวนไปทั่วมันแล้วส่งผ่านไปยังหยางเฉิน

สีหน้าของหยางเฉินเองก็เจ็บปวดมากเช่นกัน แต่เขายังคงนั่งคุกเข่าเงียบ ๆ บนแท่นกินไม่ขยับเขยื้อนและปล่อยให้ร่างกายของเขาดูดซับสายฟ้าบนแท่น

“บูม บูม บูม!”

ห้องสมุดกลายเป็นดั่งขุมนรก สายฟ้านับไม่ถ้วนยังคงตกลงมา จนกลุ่มผู้แข็งแกร่งของสำนักมารต่างกังวล

มีผู้แข็งแกร่งไม่มากที่รู้ว่าลี่เฉินบรรลุแดนนภาแล้ว ส่วนผู้แข็งแกร่งคนอื่น ๆ ของสำนักมารนั้นต่างคิดว่าลี่เฉินเป็นคนที่กำลังประสบกับภัยพิบัติสวรรค์

อิงเทียนสิงเหรินจิงหลุนและคนอื่นๆ ต่างก็มีสีหน้าเคร่งเครียดเช่นกัน

“ช่างเป็นภัยพิบัติสวรรค์ที่รุนแรง!”

อิงเทียนสิงมองไปทางห้องสมุดและพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น

เหรินจิงหลุนเองก็เปิดปากของเขาและกล่าวว่า "นี่เป็นภัยพิบัติสวรรค์ที่รุนแรงที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมา สมกับเป็นเจ้าสำนักของสำนักมาร แม้แต่ภัยพิบัติสวรรค์ก็ยังมีพลังมากขนาดนี้"

อิงเทียนสิงกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ต่อให้ภัยพิบัติสวรรค์รุนแรงกว่านี้แล้วยังไงกัน? ลี่เฉินสามารถมีชีวิตรอดมาจากภัยพิบัติสวรรค์ได้ต่างหากถึงจะถือว่ามีความสามารถ ไม่อย่างนั้นเขาก็จะถูกภัยพิบัติสวรรค์ทำลายล้าง”

ผู้คนของสำนักมารต่างจ้องมองอิงเทียนสิงอย่างเย็นชา

มารแดงกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เกรงว่านายจะลืมสิ่งหนึ่งไป ยิ่งภัยพิบัติสวรรค์รุนแรงเท่าใด ความแข็งแกร่งของบุคคลนั้นก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น”

“เจ้าสำนักของเราก้าวไปสู่แดนนภาก่อนนายแล้ว แต่นายกลับยังหลงทางอยู่ใต้แดนนภา ไม่ต้องพูดเรื่องที่ว่านายจะฝ่าภัยพิบัติสวรรค์ไปได้ไม๊ ต่อให้นายผ่านไปได้ ช่องว่างระหว่างนายกับเจ้าสำนักเราก็มีแต่ห่างกันอย่างมาก ถึงเวลานั้น เจ้าสำนักจะฆ่านายเหมือนกับสุนัขตัวหนึ่ง!”

ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ใบหน้าของอิงเทียนสิงก็มืดมนอย่างสมบูรณ์ เขาหรี่ตามองมารแดงและกล่าวว่า “ถ้านายยังกล้าพูดจาเหิมเกริมอีก ก็อย่าโทษข้าที่หยาบคายกับเจ้า!”

มารแดงเยาะเย้ย ร่างกายของเขาก็เต็มไปด้วยจิตวิญญาณการต่อสู้ เขาจ้องไปที่อิงเทียนสิงอย่างเย็นชาและพูดว่า “ฉันพร้อมที่จะต่อสู้กับนายเสมอ!”

แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอิงเทียนสิง แต่ถ้าอิงเทียนสิงจะฆ่าเขาก็ยังยากมาก

อิงเทียนสิงโกรธมาก เขาหายใจเข้าลึก ๆ และบังคับความโกรธของตนลงไป

เขารู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะต่อสู้กับสำนักมาร

แม้ว่าเขาจะต้องต่อสู้กับสำนักมารจริงๆ ก็ต้องแน่ใจก่อนว่าลี่เฉินเสียชีวิตภายใต้ภัยพิบัติสวรรค์หรือรอจนกว่าลี่เฉินจะออกจากภูเขามารไป

หากลงมือตอนนี้ แล้วลี่เฉินประสบความสำเร็จในการฝ่าภัยพิบัติสวรรค์ การฆ่าเขาก็ง่ายเหมือนเหยียบมดตัวหนึ่ง

อิงเทียนสิงพูดอย่างเกรี้ยวกราด “คอยดูเถอะ สักวันหนึ่ง ฉันจะฆ่านายกับมือ!”

หลังจากนั้น เขาก็หยุดพูดกับมารแดงและมองดูทางห้องสมุด

ตั้งแต่ต้นจนจบ ตู้ป๋อล้วนถือปืนเทพบู๊เอาไว้และปกป้องอยู่ใกล้ๆ ห้องสมุด พร้อมที่จะต่อสู้ทุกเวลา

เขาเองก็เคยเห็นคนฝ่าภัยพิบัติสวรรค์ไม่ร้อย แต่กลับไม่เคยเห็นท้องฟ้าที่น่ากลัวเช่นนี้มาก่อน แม้กระทั่งเขาในวันนี้ เขารู้สึกถึงพลังที่น่ายำเกรงอย่างมากจากท้องฟ้านี้

จู่ๆ เขาก็สงสัยว่า หากเป็นตนที่ต้องฝ่าภัยพิบัติสวรรค์ตรงหน้า อาศัยการเตรียมตัวของตนในตอนนี้ จะสำเร็จหรือไม่?

“บูม บูม บูม!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War