นี่เป็นค่ำคืนที่ลิขิตมาให้ไม่หลับใหล ปกติเสี้ยวเสี้ยวเข้านอนไวมาก วันนี้กลับฮึกเหิมผิดปกติ กระทั่งกลางดึกถึงได้หลับไป
เช้าตรู่วันต่อมา หยางเฉินเพิ่งออกกำลังกายเสร็จกลับมาถึงบ้าน ฉินยีกำลังยกนมอุ่นสองแก้วเดินออกมาจากในห้องครัว พอมองเห็นหยางเฉิน หล่อนก็หัวเราะแบบเจ้าเล่ห์ “พี่เขย เมื่อคืนผ่านไปแบบสุขใจหรือเปล่า? ขอโทษจริงๆ นะ ความผิดฉันเองที่เอายัยก้างขวางคอตัวน้อยไว้ไม่อยู่”
“แต่ว่าพี่ไม่ต้องรีบร้อน อดทนอีกไม่กี่วัน ช่วงเวลานี้ให้ฉันเป็นคนไปรับไปส่งเสี้ยวเสี้ยว ให้พวกเราสานสัมพันธ์กันเข้าไว้ ไม่นานชีวิตความ‘สุข’ของพี่ก็มาถึงแล้ว!”
บนหน้าฉินยีเต็มไปด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายและการหยอกล้อ
“เสี่ยวยี ช่วงนี้เธออยากโดนตีมากใช่มั้ย?”
เวลานี้ เสียงของฉินซีดังขึ้นมากะทันหัน
เห็นเพียงเธอกำลังอุ้มเสี้ยวเสี้ยวเดินลงมา หน้าตาเต็มไปด้วยความอับอายและโมโห
ฉินยีรีบหุบปากทันที หัวเราะหึๆ เดินเข้าไปรับเสี้ยวเสี้ยวมา ก่อนจะยิ้มกริ่มถามไปว่า “เสี้ยวเสี้ยว ครั้งก่อนหนูไม่ได้บอกว่าอยากจะมีน้องชายสักคนเหรอ?”
เสี้ยวเสี้ยวรีบพยักหน้า ฉินยีถามอีกว่า “งั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หนูต้องมานอนกับน้า”
“ทำไมล่ะคะ?”
เสี้ยวเสี้ยวท่าทางไม่เข้าใจ
“ต้องให้ปะป๊ากับหม่าม้าอยู่ด้วยกันตามลำพัง ถึงจะมีน้องชายมาให้หนูได้” ฉินยีอธิบายให้ฟังอย่างอดทน
เสี้ยวเสี้ยวเบ้ปากน้อยๆ เงยหน้ามองฉินยี พูดจาแบบน่าสงสาร “แต่ว่าหนูอยากนอนกับหม่าม้า และอยากมีน้องชายด้วย ทำยังไงดีคะ?”
“งั้นคงไม่มีวิธีแล้ว นอกจากหนูจะมานอนกับน้า ไม่อย่างนั้นหม่าม้าหนูก็มีน้องชายให้ไม่ได้!”
ฉินยีเหมือนเป็นตาลุงร้ายกาจคนหนึ่ง กำลังล่อลวงเสี้ยวเสี้ยวอยู่
“คุณน้าคะ หนูมีวิธีแล้ว!”
ทันใดนั้นเสี้ยวเสี้ยวดวงตาลุกวาว พูดอย่างดีใจ “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปหนูนอนกับหม่าม้า คุณน้านอนกับปะป๊า แบบนี้คุณน้าก็สามารถมีน้องชายให้หนูได้คนหนึ่งแล้ว!”
เสี้ยวเสี้ยวพูดประโยคนี้ออกมา ชั่วขณะนั้นผู้ใหญ่ทั้งสามคนแข็งเป็นหินไปเลย
ตั้งนาน ฉินยีถึงพูดแบบหน้าแดงเขินอาย “พวกพี่กินข้าวเถอะ ฉันไปทำงานก่อนแล้ว!”
พูดจบ หล่อนออกจากบ้านไปเหมือนหนีอะไร
“หม่าม้า ทำไมคุณน้าไม่กินข้าวคะ?”
เสี้ยวเสี้ยวไม่รู้ความหมายประโยคเมื่อสักครู่นั้นของตนเองดีนัก จึงถามขึ้นมาด้วยความไร้เดียงสา
ฉินซีก็หน้าแดงเพราะเขินอายเช่นกัน ถลึงตาใส่หยางเฉินทีหนึ่ง และพูดกำชับกับเสี้ยวเสี้ยวว่า “ต่อไปนี้ห้ามพูดเรื่องมีน้องชายอีกแล้ว ไม่อย่างนั้นหม่าม้าจะไม่สนใจหนูแล้วด้วย!”
เสี้ยวเสี้ยวทำหน้าไม่ได้รับความเป็นธรรม หยางเฉินเห็นแบบนี้เข้า จึงรีบพูดว่า “เสี้ยวเสี้ยว รีบกินข้าวเช้าเร็ว ไม่อย่างนั้นจะไปสายนะ!”
ทานอาหารเช้าเสร็จ หยางเฉินส่งเสี้ยวเสี้ยวไปโรงเรียนอนุบาลก่อน และหลังจากพาฉินซีไปส่งที่ซานเหอกรุ๊ป ก็ออกไปเพียงลำพัง
......
ตระกูลจวง
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานตอนกลางคืนไม่ได้รั่วไหลออกไป
ตอนเช้าตรู่ คนของตระกูลเมิ่งมาถึงแล้ว
ในห้องรับแขกของตระกูลจวง จัดวางศพร่างหนึ่งเอาไว้บนพื้นด้านข้าง
นั่นคือหงเทียนหยาที่เมื่อคืนโดนเฉียนเปียวปาดคอทีเดียวจนตาย
ตรงเก้าอี้ตำแหน่งหลักในห้องรับแขก มีภาพของชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ อายุประมาณสามสิบปี
ส่วนผู้นำของตระกูลจวงกลับนั่งอยู่บนเก้าอี้ตำแหน่งด้านซ้ายตัวแรก
จากจุดนี้สามารถรับรู้ได้ถึงตำแหน่งของชายหนุ่มคนนี้
“ท่านตระกูลจวง เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ขอให้คุณเล่าออกมาให้ชัดเจนสักรอบหนึ่ง ถ้ากล้าปิดบังใดๆ ผมคิดว่าตระกูลจวงไม่มีความจำเป็นต้องมีตัวตนอีกต่อไป”
ชายหนุ่มที่นั่งบนเก้าอี้ตำแหน่งหลัก เอ่ยปากบอกกะทันหัน หน้าตานิ่งสงบ แต่ในน้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยการข่มขู่
จวงเจี้ยนเซ่อได้ยินดังนั้น อดสั่นเทาไปทั้งตัวไม่ได้ เขารู้ดีว่าชายหนุ่มตรงหน้านี้ มีความสามารถพังตระกูลจวงจนพินาศได้จริง
เพราะผู้ชายอายุน้อยคนนี้คือรุ่นที่สามของตระกูลเมิ่ง เป็นบุคคลที่โดดเด่นที่สุด ชื่อว่าเมิ่งฮุย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...