เจียงเผิงดิ้นรนลุกขึ้นมาจากพื้น ถึงแม้เขาจะใช้วิชาลับเชียนเสวียนของตระกูลเจียงไปแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหยางเฉินอยู่ดี
หยางเฉินมองเจียงเผิงด้วยใบหน้าที่เหยียดหยามพลางพูด: “นึกจริง ๆ หรือว่าตนแค่บําเพ็ญวิชาลับระดับต่ำวิชาหนึ่ง แล้วจะเป็นผู้ไร้เทียมทานใต้หล้านี้?”
ไป๋หลี่เย่และเจียงจ้านต่างเบิกตากว้างอ้าปากค้าง พูดได้เลยว่าในโลกบู๊โบราณล่าง วิชาลับเชียนเสวียนเป็นหนึ่งในวิชาลับชั้นสุดยอดเลย ทว่าบัดนี้หยางเฉินกลับบอกว่าวิชาลับเชียนเสวียนเป็นเพียงวิชาลับระดับต่ำ แล้ววิชาลับที่แท้จริงในสายตาหยางเฉินจะทรงพลังมากเท่าไหร่เชียว?
มาตรแม้นว่าเป็นผู้แข็งแกร่งระดับอย่างพวกเขา ก็แค่เคยได้ยินเรื่องเล่าที่เกี่ยวข้องกับเทพมารเท่านั้น
วินาทีนี้จิตวิญญาณของหยางเฉินที่กำลังถูกกักขังอยู่ก็รู้สึกช็อกอย่างมากเช่นกัน เขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าศักยภาพของเจียงเผิงที่ใช้วิชาลับเชียนเสวียนแล้วแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ แต่ทว่าบัดนี้จิตวิญญาณของเทพมารเพียงอาศัยร่างเขา ก็สามารถโค่นล้มเจียงเผิงไปได้ในชั่วพริบตาเดียวแล้วอย่างนั้นหรือ
หัวใจสำคัญคือจิตวิญญาณของเทพมาร ไม่ได้ระเบิดศักยภาพที่แข็งแกร่งมากนักออกมา แต่เป็นศักยภาพที่เหมือนดังครั้นเมื่อเขาควบคุมร่างตัวเองเมื่อก่อนหน้านี้
ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเมื่ออยู่ภายใต้เงื่อนไขแบบเดียวกัน เทพมารสามารถสังหารเจียงเผิงได้ในวินาทีเดียว ส่วนหยางเฉินนั้นกลับมีเพียงจะถูกเจียงเผิงสังหารภายในวินาทีเดียว
เจียงเผิงเช็ดคราบเลือดตรงมุมปาก ดวงตาทั้งสองข้างจ้องเขม็งไปทางหยางเฉิน กัดฟันแน่นพลางพูด: “เทพมาร โลกบู๊โบราณทราบข่าวคราวการคงอยู่ของเจ้าแล้ว ใช้เวลาไม่นาน เจ้าก็จะดับสลายสูญสิ้นไปจากโลกนี้โดยสิ้นเชิง!”
หยางเฉินหลุดหัวเราะออกมา: “เป็นเพียงมดตัวจ้อยกระจอก ๆ ในโลกบู๊โบราณ ข้ายังมิเคยนำพวกมันมาไว้ในสายตา!”
หลังจากพูดจบ เขาก็ยกเท้าขึ้นมากะทันหัน ก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้เจียงเผิงทีละก้าว
แม้เจียงเผิงจะได้รับบาดเจ็บ ทว่าหลังจากเขาใช้วิชาลับเชียนเสวียนแล้ว ศักยภาพของเขาก็ยังคงแข็งแกร่งมาก ๆ จิตที่จะสู่พรั่งพรูออกมาจากร่างกาย มองดูหยางเฉินที่ค่อย ๆ เดินใกล้เข้ามา ใบหน้าของเขาเปี่ยมล้นไปด้วยความเคร่งขรึม เตรียมพร้อมที่จะลงมือโจมตีอยู่ตลอดเวลา
จู่ ๆ หยางเฉินก็เอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า: “ส่งวิชาลับเชียนเสวียนออกมา แล้วข้าจะคงสภาพศพเจ้าให้อยู่อย่างสมบูรณ์!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของเจียงเผิงเปลี่ยนไปในทันที
แม้วิชาลับเชียนเสวียนจะเป็นวิชาต้องห้ามของตระกูลเจียง ในขณะเดียวกันมันก็เป็นวิชาลับระดับสูงสุดของตระกูลเจียงเช่นกัน มาตรแม้นว่าอยู่ในตระกูลเจียง ก็มีเพียงผู้นำตระกูลและเชื้อสายตรงที่สร้างคุณูปการที่ยิ่งใหญ่มาก ๆ ให้แก่ตระกูลเจียงถึงจะมีสิทธิ์บำเพ็ญวิชาลับนี้
แต่ไม่นึกเลยว่าบัดนี้หยางเฉินจะให้เขาส่งวิชาลับเชียนเสวียนออกมา
เจียงเผิงอดกลั้นความโกรธเคืองไว้พลางตอบกลับ: “เมื่อครู่เจ้าเพิ่งบอกว่าวิชาลับเชียนเสวียนเป็นวิชาลับระดับต่ำมิใช่หรือ? เหตุใดบัดนี้ถึงอยากได้วิชาลับเชียนเสวียนไปจากมือข้าเล่า?”
หยางเฉินไม่ได้สนใจอะไร ดวงตาทั้งสองข้างจ้องมองไปทางเจียงเผิง
“เงียบ!”
และในเวลานี้เอง จู่ ๆ หยางเฉินก็ตะคอกทีหนึ่ง
เสี้ยววินาทีที่เขาตะคอกออกมา แววตาของเจียงเผิงก็ดูเฉื่อยชาไปอย่างฉับพลัน
เห็นเพียงหยางเฉินและเจียงเผิงต่างยืนนิ่งอยู่กับที่ มองหน้ากันและกัน ต่างไม่พูดอะไรเลย บรรยากาศดูแปลกประหลาดอย่างมาก
“พวกเขากำลังทำอะไร?”
จู่ ๆ เจียงจ้านก็รู้สึกไม่ชอบมาพากล ก่อนจะเอ่ยปากถาม
ใบหน้าของไป๋หลี่เย่เปี่ยมล้นไปด้วยรังสีแห่งความตึงเครียด ดวงตาทั้งสองข้างจ้องเขม็งไปทางเจียงเผิงที่สีหน้าท่าทางเฉื่อยชา ทันใดนั้นเขาก็พูดเสียงต่ำว่า: “เล่ากันว่าวิชานัยน์ตาของเทพมารน่ากลัวมาก ๆ มองเพียงครั้งเดียวก็สามารถทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าสู่แดนมายาของเขา”
“เมื่อครู่เขาบอกให้เจียงเผิงส่งวิชาลับเชียนเสวียนออกมา จู่ ๆ สีหน้าท่าทางของเจียงเผิงก็เฉื่อยชาไป บางทีเจียงเผิงอาจจะเข้าสู่แดนมายาของเทพมารไปแล้ว และเทพมารก็กำลังอ่านและฟื้นความทรงจำของเจียงเผิงอยู่”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของเจียงจ้านก็เปลี่ยนไปมาก: “หรือเขาจะเอาวิธีการบำเพ็ญวิชาลับเชียนเสวียนจากความทรงจำของเจียงเผิงด้วยตนเอง?”
ไป๋หลี่เย่ไม่ตอบกลับใด ๆ
และในเวลานี้ สีหน้าของเจียงเผิงก็ขาวซีดลงไปกะทันหัน เท้าสะดุดกับอะไรบางอย่างและเดินโซซัดโซเซถอยหลังกลับไปหลายก้าว
เขามองไปทางหยางเฉินด้วยใบหน้าที่โกรธแค้นพลางซักถามด้วยน้ำเสียงที่ตําหนิติเตียน: “เจ้าทำอะไรต่อข้า?”
หยางเฉินมองเขาด้วยสายตาที่เย็นชารอบหนึ่ง จากนั้นเขาก็แหงนหน้ามองดูเหนือนภายอดเมฆา
ณ บัดนี้ รอยร้าวเหนือนภายอดเมฆากำลังค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงที่รอยร้าวเพิ่งเกิดขึ้นใหม่ ๆ ร้อยราว ณ วินาทีนี้ขยายใหญ่ขึ้นเกือบเท่าตัวแล้ว
ชี่ทิพย์ที่มากมายมหาศาลอย่างยิ่ง กำลังไหลเข้ามาในโลกมนุษย์ผ่านรอยร้าวดังกล่าว
ต้นไม้ใบหญ้าที่เหี่ยวเฉาไปแล้วบนยอดเมฆา วินาทีนี้พลังชีวิตของพวกมันกำลังฟื้นคืนสู่สภาพเดิมด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ไม่เพียงบนยอดเมฆาเท่านั้น จากยอดเมฆาเป็นศูนย์กลาง พลังชีวิตของต้นไม้ใบหญ้าทั่วทุกสารทิศรอบ ๆ ล้วนกำลังฟื้นคืนสู่สภาพเดิม
นี่มันเรื่องปาฏิหาริย์ในโลกชัด ๆ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...