“หยางเฉิน เพราะไอ้สวะอย่างแก ถ้าไม่ใช่แก จะวุ่นวายได้ถึงขั้นนี้ได้ยังไง? แกไสหัวออกไปเลยนะ! ตระกูลโจวไม่ต้อนรับแก!”
เจิ้งเหม่ยหลิงเดินมาด้านหน้าหยางเฉิน ยื่นมือชี้หน้าเขา ตะคอกใส่อย่างโกรธแค้น
ฉินซีอยากจะพูดอะไร หยางเฉินกลับดึงเธอเอาไว้เบาๆ “แบบนี้ดีเลย คุณกับเสี้ยวเสี้ยวอยู่เป็นเพื่อนทางนี่กันก่อน ผมกับพ่อจะไปพักโรงแรมข้างนอก พรุ่งนี้พวกเราค่อยไปที่จัดงานแต่งของพี่ชายคุณโดยตรง”
หยางเฉินสามารถมองออกว่าบนหน้าฉินซีลำบากใจอยู่บ้าง ด้านหนึ่งเป็นบิดาและสามีของตนเอง ด้านหนึ่งเป็นคุณตา เธอแทรกอยู่ตรงกลาง จึงทำตัวลำบากมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นญาติพี่น้อง มักจะไม่สามารถตัดขาดกันได้เพราะเรื่องนี้
ฉินต้าหย่งเพิ่งก่อเรื่องวุ่นวาย ขืนอยู่ที่นี่ต่อไป มีแต่หาเรื่องให้ตนเองโดนรังแก ไม่สู้ออกไปด้วยกันกับเขาน่าจะดีกว่า
“พี่เขย ฉันไปพักที่โรงแรมกับพวกพี่ด้วย!”
ฉินยีพูดมาแบบไม่ลังเลแม้แต่น้อย
หยางเฉินส่ายหน้านิดหน่อย มองหล่อนด้วยท่าทางจริงจัง “มีเธออยู่ ฉันถึงวางใจลงได้ อย่าให้เสี่ยวซีถูกคนอื่นรังแกเอาได้!”
เห็นลักษณะท่าทางที่เคร่งขรึมของหยางเฉิน ในใจฉินยีเต็มไปด้วยความอิจฉาต่อฉินซี หลังลังเลอยู่นิดหน่อย หล่อนจึงพยักหน้าตอบ “พี่เขยวางใจได้ มีฉันอยู่ ใครก็อย่าคิดมารังแกพี่สาวฉัน!”
“ดี!”
หยางเฉินกอดเสี้ยวเสี้ยวอีกสักหน่อย จากนั้นพูดกับฉินต้าหย่งว่า “พ่อครับ พวกเราไปกันก่อนเถอะครับ!”
ก็ตามนี้ ทั้งสองคนออกไปจากคฤหาสน์ตระกูลโจวแล้ว
หยางเฉินขับรถโฟล์คเภาตันที่ธรรมดาคันนั้น แล่นตรงไปทิศทางใจกลางเมืองโจวเฉิง
ตระกูลโจวอยู่ที่ชนบท มองขึ้นมามีลานกว้างเกือบพันตารางเมตร และยังมีคฤหาสน์เล็กอีกสองหลัง ในความเป็นจริงราคาโดยรวมคงประมาณสองล้าน สำหรับหยางเฉินแล้ว เป็นแค่เงินจำนวนน้อยนิด
“รู้แต่แรกคงไม่มาแล้ว แถมยังต้องมาโมโหอีกด้วย!”
ช่วงระหว่างทางไป ฉินต้าหย่งท่าทางหงุดหงิดเต็มที่
หยางเฉินหัวเราะเล็กน้อย “พ่อครับ ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้พ่อก็เป็นผู้จัดการใหญ่ของบริษัทวัสดุก่อสร้างหลงเหอ จะมาเสียสติไป เพราะเรื่องเล็กน้อยขนาดนี้ไม่ได้นะครับ”
ฉินต้าหย่งส่ายหน้าอย่างขมขื่น “พ่อแค่อัดอั้นตันใจ โจวยู่ชุ่ยนังตัวดีคนนั้น แอบทำเรื่องมากมายขนาดนั้นลับหลังพ่อ เมื่อกี้ลูกก็เห็นแล้วนี่ คนตระกูลโจวว่าร้ายอะไรให้บ้าง?”
“ก่อนหน้านี้ตอนที่ตระกูลฉินยังรุ่งเรือง คนตระกูลโจว ใครกล้าพูดไม่ดีต่อหน้าพ่อกัน? ตอนนี้ตระกูลฉินตกต่ำ พวกเราออกมาจากตระกูลฉินแล้ว คนตระกูลโจวจึงดูถูกพ่อแล้ว เป็นพวกต่ำต้อยที่สายตาไม่ยาวไกลกลุ่มหนึ่งจริงๆ”
“พ่อเห็นแก่ว่าเป็นสามีภรรยากัน นี่คือครั้งสุดท้ายที่พ่อจะไปตระกูลโจว ถ้าพ่อไปตระกูลโจวอีกครั้ง งั้นพ่อก็เป็นไอ้งั่งแล้ว!”
“หยางเฉิน พ่อจะบอกลูกนะ......”
ฉินต้าหย่งเปิดโหมดคนคุยเก่งขึ้นมาทันที ระหว่างทางพูดไม่หยุด ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องราวของคนตระกูลโจวทั้งสิ้น
หยางเฉินฟังมาโดยตลอด บางทีก็ตอบรับไปหน่อย ช่วยฉินต้าหย่งระบายความอึดอัดในใจออกมาอย่างเต็มที่
“หยางเฉิน โจวยู่ชุ่ยผู้หญิงคนนี้ ลูกจะต้องระวังเอาไว้หน่อย หล่อนเห็นแก่เงินเข้าเส้นเลือดไปตั้งนานแล้ว เพื่อเงินแล้ว เรื่องอะไรหล่อนก็ทำได้ทั้งนั้น ลูกอย่าให้หล่อนได้เหยียบเข้าไปในยอดเมฆาแม้แต่ก้าวเดียวโดยเด็ดขาด!”
ฉินต้าหย่งพูดกำชับด้วยท่าทางเคร่งขรึมขึ้นกะทันหัน
ในใจหยางเฉินตกใจพอสมควร เขามักคิดว่าในใจฉินต้าหย่งเหมือนเก็บซ่อนความลับเรื่องหนึ่งเอาไว้
“ผมรู้แล้ว!”
หยางเฉินตอบกลับ
เขาพบว่าโจวยู่ชุ่ยเหมือนกลัวการหย่าร้างกับฉินต้าหย่งเอามากๆ
ก่อนหน้านี้ ฉินต้าหย่งได้ใช้การหย่าร้าง บังคับโจวยู่ชุ่ยย้ายออกไปจากยอดเมฆาด้วยกันกับเขา
และเมื่อสักครู่ ฉินต้าหย่งยังใช้การหย่า มาบีบโจวยู่ชุ่ยให้พูดความจริง
หยางเฉินไม่ได้คิดว่าเพราะโจวยู่ชุ่ยรักฉินต้าหย่ง ถึงไม่ยอมหย่าขาด
ถ้าเป็นแบบนี้จริง ครั้งก่อนฉินต้าหย่งเกือบโดนตีตาย ทั้งยังพักที่โรงพยาบาลหลายวัน โจวยู่ชุ่ยกลับไม่เคยไปเยี่ยมสักครั้งเดียวแม้แต่อย่างใด
ในใจหยางเฉินเกิดการคาดเดาอย่างอาจหาญขึ้นมาฉับพลัน แต่เรื่องนี้เชื่อมโยงมากเกินไป เขาไม่กล้าถาม และไม่ยินยอมไปค้นหาด้วย
เพราะถ้าเกิดเป็นอย่างที่เขาคาดเดาไว้จริง สำหรับฉินซีและฉินยีแล้ว นั่นเป็นการกระทบกระเทือนที่ใหญ่มากทีเดียว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...