ฉีอิงเสว่ จ้องมองหลิวหรูเอียนและพูดเช่นกัน : “หลิ่วหรูเอียน นี่เธอกำลังหาเรื่องตายใช่ไหม กล้ามายั่วยุพี่ชายของฉัน พวกแกต้องตายอย่างน่าเวทนา!”
ใบหน้าของหลิ่วหรูเอียนเยือกเย็น พูดอย่างเย็นชา : “เจ้าสำนักตู้ตอบตกลงให้พวกเขาเข้าไปแดนเหนือแล้ว ในเมื่อเป็นแบบนี้ นับแต่นี้เป็นต้นไป พวกเราก็เป็นคนของแดนเหนือเช่นกัน เธอล้วนแล้วต้องการลงมือกับเจ้าสำนักของสำนักบู๊แดนเหนือของพวกเราแล้ว หรือว่ายังจะให้ฉันมองดูโดยไม่ทำอะไรเหรอ?”
“ฉีอิงเว่ยออกไปตอนนี้ รักษาใบหน้า”
จู่ๆฉีอิงเว่ยก็หัวเราะออกมา เพียงแต่เสียงหัวเราะของเขาน่าขนลุกอย่างมาก หลังจากหัวเราะพอแล้ว เขาเช็ดเลือดที่มุมปาก จ้องไปทางหลิ่วหรูเอียนแน่นและพูด : “หลิ่วหรูเอียน เธอคิดจริงๆเหรอ เพียงแค่อาศัยคนแค่นี้ของเธอ ก็สามารถขัดขวางฉันฉีอิงเว่ยได้?”
หลิ่วหรูเอียนอึ้งอยู่สักพักหนึ่ง ล้วนแล้วถึงเวลาแบบนี้แล้ว คำพูดประโยคนี้ของฉีอิงเว่ยจะมีความหมายอะไร?
ในไม่ช้า เธอก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ
อย่างกะทันหัน กลิ่นอายที่น่าหวาดกลัวเจ็ดแห่งของผู้แข็งแกร่งในชุดดำ ปรากฏขึ้นในสำนักบู๊
สิ่งที่ทำให้เธอตะลึงคือ คนชุดดำเจ็ดคนนี้ ล้วนแล้วเป็นผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้น
“เดิมทีฉันไมได้วางแผนที่จะใช้สมบัติของตระกูลตัวเอง แต่ว่าตอนนี้ กลับไม่ใช้ไม่ได้แล้ว”
ฉีอิงเว่ยมองไปทางหลิ่วหรูเอียนอย่างเย็นชาและพูด : “หลังจากวันนี้ บนอันดับจอมคน ไม่มีชื่อของเธออีกต่อไป!”
สีหน้าของหลิ่วหรูเอียนแย่ถึงขีดสุดแล้ว
ผู้พิทักษ์แดนนภาขั้นสองสองคน ตอนนี้มีผู้พิทักษ์แดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้นมาอีกเจ็ดคน การจัดเตรียมการรบแบบนี้ ต่อให้อยู่ในโลกบู๊โบราณล่าง ล้วนแล้วเป็นกองกำลังที่ทรงพลังอย่างมาก
แต่ว่าตอนนี้ ฉีอิงเว่ยกลับเอามาใช้กับกองกำลังของโลกมนุษย์
“พี่หลิ่ว ตอนนี้พวกเราควรจะทำยังไงดี?”
เฮ่อจวินและคนอื่นๆ ล้วนแล้วมีใบหน้าที่หวาดกลัว ถ้าหากฉีอิงเว่ยกล้าล้มล้างหลิ่วหรูเอียนจริงๆ อย่างนั้นก็จะล้มล้างพวกเขาอย่างไม่ปรานีอย่างแน่นอน กระทั่งฆ่าพวกเขาทิ้ง
หลิ่วหรูเอียนกัดริมฝีปากสีแดงแน่น หลังจากเงียบสักพักหนึ่ง เธอเปิดปากพูด : “พวกนายออกจากสำนักบู๊!”
“หมายความว่ายังไง?”
สีหน้าของเฮ่อจวินและคนอื่นเปลี่ยนอย่างมาก
หลิ่วหรูเอียนพูด : “เรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกนาย ในเมื่อฉันตัดสินใจเข้าไปแดนเหนือ และเจ้าสำนักตู้ก็ตอบตกลงให้ฉันเข้าไปแดนเหนือ อย่างนั้นฉันกับสำนักบู๊ มีชีวิตอยู่และตายด้วยกัน!”
“แต่พวกนาย ไม่มีความจำเป็นต้องลุยน้ำลุยโคลนนี้!”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลิ่วหรูเอียน สีหน้าของเฮ่อจวินทั้งสามคนเปลี่ยนทีละคน
เฮ่อจวินพูดเสียงดังทันที : “พี่หลิ่ว นี่คุณหมายความว่ายังไง?”
อี้เฟยยางก็รีบพูดเช่นกัน : “ผมรู้ พี่หลิ่วคุณตัดสินใจแล้ว ต้องการปกป้องสำนักบู๊ แต่ก็กังวลที่จะทำให้พวกเราต้องติดร่างแหไปด้วย ดังนั้นเลยต้องการให้พวกเราออกไป”
อี้เทียนเจียวเต็มไปด้วยความน้อยใจ มองหลิ่วหรูเอียนและพูด : “พี่หลิ่ว ภายในใจของฉัน คุณเป็นเหมือนกับพี่สาวแท้ๆของฉัน ตอนนี้คุณต้องเผชิญหน้ากับความเสี่ยงด้วยตัวเอง กลับให้พวกเราจากไป ฉันไม่ตอบตกลง!”
เมื่อได้ยินคำพูดของทั้งสามคน หลิ่วหรูเอียนเต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ แต่ว่า คนที่เธอต้องต่อกรด้วยเป็นฉีอิงเว่ยตระกูลบูโดชั้นยอดที่เทียบเท่ากับตระกูลหลิ่ว
แม้ว่าตระกูลของเฮ่อจวินทั้งสามคนก็แข็งแกร่งอย่างมากเช่นกัน แต่เมื่อเทียบกับตระกูลฉีและตระกูลหลิ่ว ยังคงมีช่องว่างอยู่
ยิ่งกว่านั้น หลิ่วหรูเอียนและฉีอิงเว่ยต่างเป็นบูโดอัจฉริยะชั้นยอดท่ามกลางคนหนุ่มสาวรุ่นเดียวกันของตระกูลตัวเอง เดิมทีก็ได้รับความสนใจจากตระกูล แต่เฮ่อจวินพวกเขา แม้ว่าบูโดอัจฉริยะจะโดดเด่นกว่าคนมากมาย แต่ไม่ได้หมายความว่า อยู่ในครอบครัวของตัวเอง พวกเขาก็เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด
ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ให้พวกเขามาเกี่ยวข้องด้วย มีแต่จะนำภัยอันใหญ่หลวงมาสู่พวกเขา
“หุบปาก!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...