ตอนหนึ่วทุ่มห้าสิบ ในห้องจัดเลี้ยงชั้นบนสุดของโรงแรมจงโจว ได้มีคนมารวมกันหลายร้อยคนแล้ว
และไม่มีอะไรผิดคาด ทุกคนที่อยู่ที่นี่ ต่างเป็นเหล่าเครือญาติของกองกำลังในจงโจวที่มีหน้ามีตา และจากตำแหน่งของกองกำลังนั้นๆ ที่อยู่ในจงโจว ก็ได้รับจำนวนสิทธิ์ที่ไม่เท่ากัน
“ทำไมถึงมีคนจากตระกูลบู๊โบราณมาด้วย?”
“ผมนึกว่า นี่เป็นงานเลี้ยงที่ผู้อาวุโสสี่จงโจวจัดขึ้น และไม่ได้เชิญคนจากตระกูลบู๊โบราณซะอีก”
“ดูท่า ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลบู๊โบราณกับสมาคมผู้อาวุโสคงไม่ได้ง่ายอย่างที่เห็นแน่”
……
เหล่าคนของกองกำลังในท้องที่ พอเห็นคนของตระกูลบู๊โบราณมาร่วมงานด้วย ต่างรู้สึกตกใจกันมาก
ส่วนห้าตระกูลบู๊โบราณใหญ่ที่ลงหลักในจงโจวแล้ว ตอนนี้ต่างกำลังทำหน้าเคร่งขรึมเพราะจำนวนสิทธิ์ในการร่วมงานที่ตระกูลของพวกเขาได้รับ มีแค่ห้าสิทธิ์เท่านั้น หันมองไปที่ตระกูลมหาอำนาจของจงโจวพวกนั้น กลับมีกันถึงสิบสิทธิ์
นี่ยังไม่ใช่ประเด็น ประเด็นสำคัญคือ พวกเขาพบว่า ภายในงานได้มีพวกไร้สังกัดของโลกบู๊โบราณอยู่ด้วย แถมจำนวนก็ไม่ใช่น้อยๆ
“ทำไมถึงมีพวกไร้สังกัดของโลกบู๊โบราณอยู่มากขนาดนี้?”
ทางฝั่งตระกูลเฉิน เฉินไห่โจวขมวดคิ้ว แล้วหันไปถามเครือญาติคนหนึ่งของตระกูลเฉินที่อยู่ข้างๆ
คนคนนั้นสีหน้าก็ไม่น่าดูเหมือนกัน กัดฟันแล้วตอบไปว่า “จากข้อมูลที่ผมเพิ่งได้รับมางานเลี้ยงในคืนนี้ จัดกัดสิทธิ์แค่ห้าตระกูลบู๊โบราณที่เข้ามาปักหลักในจงโจวแล้วกับพวกตระกูลมหาอำนาจของจงโจวเท่านั้น”
เฉินหยางถึงกับอึ้ง แล้วตามไปตามสัญชาตญาณว่า “หมายความว่ายังไง?”
คนคนนั้นรีบตอบไปว่า “ขอแค่เป็นพวกนักบูโดไร้สังกัดของโลกบู๊โบราณ จะมีข้อจำกัดเพียงข้อเดียว นั่นก็คือแดนวิถีบู๊ต้องบรรลุถึงแดนเหนือมนุษย์แล้วเท่านั้น”
เฉินหยางเบิกตาโต แล้วพูดด้วยสีหน้าที่โกรธเกรี้ยวว่า “ทำไมพวกนั้นถึงกล้าเอาเราไปเทียบชั้นกับพวกไร้สังกัดเหล่านั้น? แถมยังจำกัดสิทธิ์ของเจ้า แต่ไม่จำกัดพวกไร้สังกัดพวกนั้น?”
เฉินไห่โจวก็ทำหน้าเคร่งขรึมเหมือนกัน หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็ได้พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ชอบใจว่า “ดูท่า สมาคมผู้อาวุโสตั้งใจจะดึงพวกไร้สังกัดในโลกบู๊โบราณมาเป็นพวกแล้ว”
“อะไรนะ?”
เฉินหยางถึงกับช็อกขึ้นมาทันที แล้วพูดไปว่า “พวกเขาไม่มาดึงตระกูลระดับสูงในโลกบู๊โบราณอย่างพวกเราเป็นพวก แต่กลับไปดึงพวกไร้สังกัดแทน หรือพวกเขาไม่รู้ว่าตระกูลบู๊โบราณอย่างเรานั้นแข็งแกร่งกว่าพวกไร้สังกัดเป็นไหนๆ?”
เฉินไห่โจวพูดว่า “แกคิดว่า ด้วยความสัมพันธ์ของเรากับสมาคมผู้อาวุโสในตอนนี้ พวกเขาจะร่วมมือกับเราได้อย่างวางใจมั้ย?”
“อีกอย่าง ต่อให้สมาคมผู้อาวุโสจะอยากร่วมมือกับพวกเราจริง แล้วคิดว่าพันธมิตรพิทักษ์จะยอมมั้ย?”
หลังเฉินหยางนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาก็ได้พูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “พ่อครับ ผมเข้าใจแล้ว! ถ้าดูผิวเผิน จะเป็นการต่อสู้กันระหว่างตระกูลบู๊โบราณอย่างเรากับสมาคมผู้อาวุโส แต่ความจริงแล้ว มันเป็นการปะทะกันของสมาคมผู้อาวุโสกับพันธมิตรพิทักษ์ต่างหาก”
“และรากฐานจริงๆ ของตระกูลบู๊โบราณอย่างเขาก็อยู่ในโลกบู๊โบราณล่าง ในเมื่ออยู่ในโลกบู๊โบราณล่าง ก็ต้องรับการควบคุมจากพันธมิตรพิทักษ์ นอกจากพวกเราจะยอมละทิ้งรากฐานที่อยู่ในโลกบู๊โบราณอย่างสิ้นเชิง พันธมิตรพิทักษ์ถึงกล้าปล่อยพวกเราไป และสมาคมผู้อาวุโสถึงกล้ายอมรับเราจริงๆ”
เฉินไห่โจวจ้องมองผู้คนด้วยสายตาที่เรียบเฉย พยักหน้าแล้วพูดว่า “ด้วยเหตุนี้ ตระกูลบู๊โบราณอย่างพวกเรา จึงเป็นฝ่ายที่ลำบากที่สุด แต่กลับเป็นเหล่าผู้บำเพ็ญไร้สังกัดที่พวกเราดูถูกพวกนั้นต่างหากที่ไม่ถูกควบคุม ตอนนี้โลกบู๊โบราณกับโลกมนุษย์ได้รวมเป็นหนึ่งแล้ว มันก็เป็นโอกาสของพวกเขานั่นเอง”
“ว่ากันว่าจุดประสงค์ในคืนนี้ คือการที่ผู้อาวุโสสี่ต้องการแสดงฝีมือในการปรุงยาของเขาให้ทุกคนได้รู้ เมื่อไหร่ที่เขาสามารถปรุงยาคุณภาพสูงออกมาได้ ก็สามารถดึงเหล่าผู้บำเพ็ญไร้สังกัดที่มาจากโลกบู๊โบราณให้เป็นพวกได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
เขียนยืดเยื้อฉิบหาย.. อ่านแล้วหงุดหงิด...
ยืดเยื้อมากอ่นแล้วโครตเสียอารมณ์แค่บอกว่าเป็นใครแค่เนี้ย แม่งยืดซะจนไร้รสชาติเลย เสียเวลา ่านฉิบหาย...
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...