หลังจากผ่านไปยี่สิบนาที หยางเฉินขับรถมาถึงร้านอาหารเป่ยหยวนชุน
เวลานี้เป็นเวลาอาหารเย็น ลานจอดรถของร้านอาหาร เต็มไปด้วยรถหรูยี่ห้อต่างๆ
“ร้านอาหารเป่ยหยวนชุน เป็นธุรกิจของตระกูลซูใช่ไหม” จู่ๆ หยางเฉินก็ถามขึ้น
ฉินซีส่ายหน้าเบาๆ “จริงๆ เจ้าของที่แท้จริงของร้านอาหารเป่ยหยวนชุน เป็นของตระกูลมู่แห่งเมืองเอก เหมือนให้ตระกูลซูทำหน้าที่ดูแลร้านอาหารเป่ยหยวนชุนในเจียงโจวเท่านั้น ที่นี่ก็คงเหมือนกัน”
หยางเฉินพยักหน้า “ตระกูลมู่ เป็นตระกูลอันดับต้นๆ ในเมืองเอกเหรอ”
“ตระกูลมู่ เป็นแค่ตระกูลธรรมดา เรียกว่าตระกูลที่รับใช้ตระกูลหานก็ได้ ใช้เงินของตระกูลหานมาพัฒนาตระกูล ว่ากันว่าต้องส่งกำไรจำนวนมาก ให้ตระกูลหานทุกปี” ฉินซีเอ่ยขึ้น
หยางเฉินแอบตกใจ คิดไม่ถึงว่าตระกูลเล็กๆ ในเมืองเอก จะมีความคิดเกี่ยวกับตระกูลรับใช้อะไรทำนองนี้ด้วย
ทั้งสองเดินเข้ามาในร้านอาหาร ระหว่างที่พูดคุยกัน
พนักงานต้อนรับพาทั้งสองคนมายังห้องอาหารที่เจิ้งเหม่ยหลิงจองเอาไว้
เมื่อเข้ามาถึงก็เจอเฉินอิงเหานั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ เจิ้งเหม่ยหลิงนั่งอยู่ด้านขวา รวมถึงคนอื่นด้วย
คนเยอะมาก ส่วนใหญ่อายุยังน้อย น่าจะประมาณสามสิบกว่าปี
คนนั่งกันเต็มโต๊ะ เหลือที่นั่งข้างเฉินอิงเหาเพียงที่เดียว
นอกจากนี้ยังมีโต๊ะเล็กๆ วางอยู่ข้างโต๊ะอาหารโต๊ะใหญ่อีกด้วย เหมือนโต๊ะที่นั่งได้สองคน ในร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดอะไรทำนองนั้น
“พี่มาแล้วเหรอ!”
เจิ้งเหม่ยหลิงเห็นฉินซี ก็ยิ้มและลุกขึ้นมาต้อนรับ
ทุกคนต่างพากันมองมาที่ฉินซี ด้วยสีหน้าตกตะลึง แม้แต่คนในตระกูลร่ำรวยอย่างพวกเขา ก็ยากที่จะเจอความสวยระดับนี้
“ทำไมคนกากเดนอย่างนาย ถึงมาที่นี่ด้วยล่ะ”
เจิ้งเหม่ยหลิงรู้ตั้งนานแล้วว่าหยางเฉินต้องมาด้วย แต่จงใจหาเรื่องเท่านั้น
“ถ้าเธอยังว่าหยางเฉินอีก ฉันจะกลับเดี๋ยวนี้!” ฉินซีพูดด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เธอคงพูดแทนหยางเฉินโดยไม่ลังเล ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ความสัมพันธ์ของเราทั้งสองคนคือสามีภรรยา
เจิ้งเหม่ยหลิงรีบพูดขึ้นมาว่า “พี่ อย่าไปสิ ฉันไม่ว่าเขาแล้วก็ได้”
สีหน้าของฉินซีเริ่มดีขึ้นเล็กน้อย
“พี่ ฉันไม่ได้จะไล่หยางเฉิน ฉันไม่รู้ว่าเขาจะมาด้วย เลยไม่ได้จองที่นั่งให้เขา พี่ก็เห็นว่าที่นั่งว่างแค่ที่เดียว” เจิ้งเหม่ยหลิงแสร้งทำสีหน้ารู้สึกผิด
สีหน้าของฉินซีเย็นชา ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเจิ้งเหม่ยหลิงคิดอะไร เธอจึงพูดอย่างไม่ลังเลว่า
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นช่างเถอะ เรากลับกันเถอะ!”
พูดจบ เธอจึงกอดแขนของหยางเฉินและพูดว่า “คุณสามี เรากลับกันเถอะ!”
ขณะที่สองสามีภรรยากำลังจะเดินออกไป เฉินอิงเหาลุกขึ้นยืน และพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “คุณฉิน ผมตั้งใจเชิญคุณชายตระกูลใหญ่ในเมืองโจวเฉิงมาที่นี่ เพื่อคุณเลยนะ เพราะอยากช่วยคุณคุยเรื่องธุรกิจ ขืนคุณออกไปแบบนี้ ดูจะไม่เป็นการดีสักเท่าไร”
“คุณฉิน พวกเรานับถือคุณมาก คุณใช้ความสามารถของตัวเอง สร้างธุรกิจระหว่างที่กำลังเรียนมหาวิทยาลัย พวกเราเลยอยากทำธุรกิจกับคุณ ขืนคุณไปแบบนี้ มันจะไม่น่าเสียดายเหรอ”
จู่ๆ ก็มีคนลุกขึ้นพูด เขายิ้มตาหยีแล้วพูดออกมา
เขาพูดได้ดีเลยทีเดียว ถึงจะไม่มีคำพูดข่มขู่ แต่ก็ทำให้ฉินซีรู้สึกกดดันเล็กน้อย
พวกเขามาที่นี่ เพราะอยากทำธุรกิจกับฉินซี ถ้าขืนเธอกลับไป ต่อจากนี้ฉินซีคงไม่ต้องคิดเรื่องทำธุรกิจในเมืองโจวเฉิงอีกเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...