The king of War นิยาย บท 2230

สรุปบท บทที่ 2230 ค่ายกลผนึกสวรรค์อันยิ่งใหญ่: The king of War

บทที่ 2230 ค่ายกลผนึกสวรรค์อันยิ่งใหญ่ – ตอนที่ต้องอ่านของ The king of War

ตอนนี้ของ The king of War โดย เสี้ยวอ้าวอวี๋เซิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายใช้ชีวิตทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 2230 ค่ายกลผนึกสวรรค์อันยิ่งใหญ่ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

เมื่อเห็นหยางเฉินเดินเข้ามา เหล่าผู้แข็งแกร่งจากทั่วทิศทางต่างมีใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ ดูเหมือนทั้งสองจะไม่ได้ต้องการปะทะกันอย่างรุนแรง พวกเขาต้องการเจรจากันอย่างนั้นหรือ?

ใบหน้าของตู้อวี้ซานดูไม่ได้ ขณะเดียวกัน หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ

ค่ายกลที่หยางเฉินสร้างขึ้นมาเพื่อปิดกั้นเขาและหลิวชิ่งจากโลกภายนอกเมื่อสักครู่ แม้แต่เขาเองก็ไม่สามารถสัมผัสมันได้ ส่วนหยางเฉินคุยอะไรกับหลิวชิ่ง แน่นอนว่าเขาไม่มีทางรับรู้ถึงมันเลย

“ศิษย์พี่หลิว!”

เมื่อหลิวชิ่งเดินเข้าไป เหล่าผู้แข็งแกร่งของโลกบู๊โบราณกลางก็รีบเข้ามาล้อมรอบเขาไว้ ใบหน้าของแต่ละคนเต็มไปด้วยความกังวล

หยางเฉินแข็งแกร่งมาก พวกเขาสามารถสัมผัสได้ พวกเขากลัวว่าหยางเฉินจะบังคับให้หลิวชิ่งทำสนธิสัญญาที่ไม่เท่าเทียม

หลิวชิ่งส่ายหน้าเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไร แต่มองไปที่หยางเฉินอย่างมีความหวัง

ในเวลานี้ หยางเฉินเดินไปอยู่ตรงหน้าของตู้อวี้ซานแล้ว

“พันธมิตรพิทักษ์?”

มุมปากของหยางเฉินเผยให้เห็นรอยยิ้มอันแสนขี้เล่น เขากล่าวออกมาอย่างเยือกเย็น “พวกนายมีสิทธิ์ที่จะเรียกตนเองว่าพันธมิตรพิทักษ์งั้นเหรอ?”

ในตอนที่ค่ายกลของโลกมนุษย์และโลกบู๊โบราณล่างยังไม่ถูกทำลาย เวลานั้นก็มีคนของพันธมิตรพิทักษ์ปรากฏตัวออกมายังโลกมนุษย์แล้ว

ในเวลานั้น หยางเฉินยังคิดว่าพันธมิตรพิทักษ์ก่อตั้งขึ้นเพื่อปกป้องพิทักษ์คนในโลกมนุษย์จากผู้แข็งแกร่งของโลกบู๊โบราณล่าง

เมื่อเวลาผ่านไปเขาถึงได้รู้ พันธมิตรพิทักษ์เป็นเพียงแค่ตัวตลก

ตู้อวี้ซานขมวดคิ้ว หรี่ตาลง มองมาที่หยางเฉินพร้อมกล่าวว่า “หยางเฉิน หากนายยินดีที่จะเข้าร่วมพันธมิตรพิทักษ์ในตอนนี้ ฉันยินดีที่จะมอบตำแหน่งผู้สืบทอดของพันธมิตรให้กับนาย”

หยางเฉินยิ้มอย่างเย้ยหยัน หากไม่รู้ว่าตู้อวี้ซานเป็นคนอย่างไร บางทีอาจคิดว่าเขาเห็นพรสวรรค์ทางด้านบูโดของตนเอง ดังนั้นจึงคิดที่จะดึงตนเองเข้าไปอยู่ฝ่ายเดียวกัน

แต่เขารู้อย่างชัดเจน ทั้งหมดเป็นเพราะความหวาดกลัวที่ตู้อวี้ซานมีต่อเขา ตู้อวี้ซานจึงพูดเช่นนี้ออกมา

ต่อให้เขารับปากเข้าร่วมกับพันธมิตรพิทักษ์จริง ๆ ตู้อวี้ซานก็จะพยายามทุกวิถีทางเพื่อที่จะกำจัดเขา

“บูม!”

ทันใดนั้น ออร่าบู๊อันยิ่งใหญ่ก็ระเบิดออกมาจากร่างกายของหยางเฉินอย่างรุนแรง

มีตู้อวี้ซานเป็นจุดศูนย์กลาง นักบูโดทั้งหมดของพันธมิตรพิทักษ์ถูกห่อหุ้มด้วยเจตจำนงแห่งดาบอันน่าสะพรึงกลัว

ใบหน้าของตู้อวี้ซานเต็มไปด้วยความตกใจ

เมื่อครู่เขาก็สัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของหยางเฉิน แต่เวลานี้ เป็นเวลาที่หยางเฉินมุ่งเป้ามาที่เขา เขาถึงรับรู้ได้อย่างแท้จริงว่าหยางเฉินแข็งแกร่งเพียงใด

“ต้องถึงขั้นนี้เลยงั้นเหรอ?”

ในใจของตู้อวี้ซานสั่นสะท้าน แต่การแสดงออกของเขายังคงสงบนิ่ง จ้องมองมาที่หยางเฉินด้วยสายตาอันเยือกเย็นพร้อมกล่าวว่า “ค่ายกลของโลกบู๊โบราณกลางกำลังจะถูกทำลาย นายเองก็น่าจะรู้ดี เวลานั้นมันจะส่งผลกระทบต่อโลกใบใหม่มากมายเพียงใด”

“เวลานี้พวกเราควรจะละทิ้งความแค้นในอดีต ร่วมมือกัน มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นถึงจะสามารถมีอำนาจในการต่อต้านผลกระทบที่จะเกิดขึ้นได้”

หยางเฉินหัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็น “ร่วมมือกับนาย นายคิดว่า นายคู่ควรงั้นเหรอ?”

เจตจำนงแห่งการฆ่าปรากฏขึ้นมาในแววตาของตู้อวี้ซาน ตู้อวี้ซานหรี่ตาลง จ้องมองมาที่หยางเฉินพร้อมกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าระหว่างนายกับฉันคงไม่สามารถร่วมมือกันได้”

หยางเฉินตอบกลับไป “เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว มาสู้กับฉันเสียเถอะ!”

เมื่อเสียงของเขาเงียบลง เจตจำนงแห่งดาบอันรุนแรงก็พลุ่งพล่านออกมาจากร่างกายของเขา

แม้แต่เหล่าจอมคนบูโดที่มาจากสำนักเทียนไฮ่ เวลานี้พวกเขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของหยางเฉิน

“เจ้าเด็กนั่นช่างแข็งแกร่งเหลือเกิน เกรงว่าน่าจะไปถึงแดนนภาขั้นสี่ชั้นยอดแล้ว?”

“เขาน่าจะอายุยังไม่ถึงสามสิบ? ในโลกบู๊โบราณกลาง มีเด็กหนุ่มที่ก้าวไปถึงผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสี่ชั้นยอดด้วยงั้นเหรอ?”

“จากความรู้สึกของฉัน ความแข็งแกร่งของเขาอาจมีมากกว่านี้!”

ไม่ได้มีเพียงแค่เขาเท่านั้นที่สัมผัสได้ ผู้แข็งแกร่งทางด้านของสำนักเทียนไฮ่เองก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติเหล่านี้เช่นกัน

“ดูเหมือนว่าพลังวิญญาณบนร่างกายของคนผู้นั้นจะเปลี่ยนไปกะทันหัน”

“มันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ลมปราณบนร่างกายของเขาให้ความรู้สึกที่อันตรายเป็นอย่างมาก”

“ศิษย์พี่หลิว เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นเพียงนักบูโดแดนนภาขั้นสี่ชั้นต้น เหตุใดถึงสามารถทำให้พวกเราที่เป็นแดนนภาขั้นสี่ชั้นต้นและชั้นกลางสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่เป็นอันตราย?”

หลิวชิ่งมองไปที่ตู้อวี้ซานด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเคร่งขรึม จากนั้นกล่าวออกมาว่า “หากฉันเดาไม่ผิด ในร่างกายของเขาจะต้องมีจิตวิญญาณอันแข็งแกร่งเก็บซ่อนอยู่เป็นแน่ เขารู้ว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหยางเฉิน ดังนั้นเขาจึงมอบสิทธิ์ในการควบคุมร่างกายให้แกจิตวิญญาณดวงนั้น”

มีคนพูดออกมาด้วยความตกใจ “จิตวิญญาณที่สามารถคงอยู่ต่อไปได้ นั่นมันไม่ได้หมายความว่าก่อนที่เขาจะเป็นจิตวิญญาณ อย่างน้อยก็ต้องไปถึงผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นเก้าชั้นต้นแล้วไม่ใช่หรือ?”

หลิวชิ่งพยักหน้า

หากสามารถคงสภาพเป็นจิตวิญญาณอยู่บนโลกต่อไปได้ ก่อนที่จะตาย อย่างน้อย ๆ ก็ต้องเป็นถึงผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นเก้าชั้นต้น

และไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นเก้าชั้นต้นทุกคนจะสามารถดำรงจิตวิญญาณอยู่ได้หลังจากที่ตายไปแล้ว เว้นแต่ว่าจิตวิญญาณของเขาจะแข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อ

และมีผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นเก้าชั้นต้นจำนวนน้อยมากที่สามารถดำรงไว้ซึ่งจิตวิญญาณได้หลังจากที่ร่างกายถูกเผาทำลายไปแล้ว

ส่วนใหญ่ที่สามารถดำรงจิตวิญญาณไว้ได้จะเป็นผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นเก้าชั้นยอด

ทันใดนั้น การบีบบังคับที่น่าสะพรึงกลัวก็ปกคลุมไปทั่วโลก

“ค่ายกลผนึกสวรรค์!”

หลิวชิ่งตะโกนออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาสามารถสัมผัสได้ว่าในระยะพันเมตรเป็นวงกลมออกไป ทั่วทั้งพื้นที่ถูกผนึกไว้แล้ว

และที่อยู่ด้านในค่ายกลก็คือทุกคนที่อยู่ที่นี่

สามารถใช้วิชาเช่นนี้ออกมาได้ มีเพียงปรมาจารย์ค่ายกลชั้นสูงเท่านั้น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War