บทที่ 2249 ศึกชี้ขาดอันแข็งแกร่ง – ตอนที่ต้องอ่านของ The king of War
ตอนนี้ของ The king of War โดย เสี้ยวอ้าวอวี๋เซิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายใช้ชีวิตทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 2249 ศึกชี้ขาดอันแข็งแกร่ง จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ในตอนที่ทุกคนตะโกนเอะอะออกมา บอกให้ม่อชิงซิวลงมือกับหยางเฉิน ม่อชิงซิวก็ขมวดคิ้วและกล่าวออกมาอย่างเยือกเย็นว่า “สุนัขที่คิดว่าตนเองสูงส่ง เห็นคนอื่นเป็นเพียงแค่ขยะ เห็นได้ชัดว่าตนเองสู้คนอื่นไม่ได้ แต่กลับมีหน้ามาบอกว่าคนอื่นใช้วิธีการที่ชั่วร้าย?”
เมื่อประโยคนี้ดังขึ้นมา เหล่านักบูโดแห่งสำนักเทียนไห่ต่างมีสีหน้าดูไม่ได้
เหอตงเฉิงขมวดคิ้วขึ้นมา กล่าวออกมาอย่างไม่พอใจว่า “ศิษย์น้องม่อ นายพูดเช่นนี้กับเหล่าศิษย์น้องของตนเอง มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ?”
ม่อชิงซิวจ้องมองเหอตงเฉิงอย่างเยือกเย็นพร้อมกล่าวว่า “โลกบู๊โบราณคือโลกที่ผู้แข็งแกร่งได้รับการยกย่อง ไม่เกี่ยวว่าหยางเฉินจะใช้กระบวนท่าอันชั่วร้ายหรือไม่ ถึงต่อให้ใช้แล้วมันยังไง?”
“ชนะก็คือชนะ แพ้ก็คือแพ้ หากแม้แต่ความพ่ายแพ้ยังไม่กล้ายอมรับ เช่นนั้นพวกนายจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร?”
พูดจบเขาก็ขี้เกียจที่จะสนใจอีกฝ่าย และมองไปทางหยางเฉิน
หยางเฉินมองมาที่ม่อชิงซิว แววตาของเขามีความชื่นชมเผยออกมาให้เห็น ในตอนที่ม่อชิงซิวปรากฏตัวออกมาเมื่อครู่ เขายังคิดว่าอีกฝ่ายปรากฏตัวออกมาเพื่อเหล่าศิษย์แห่งสำนักเทียนไห่
ดูจากเวลานี้แล้ว มันไม่ได้เป็นแบบนั้น
พวกของเหอตงเฉิงได้ยินคำพูดของม่อชิงซิว ใบหน้าของพวกเขากลายเป็นสีแดง แต่พวกเขาก็ไม่กล้าเอ่ยปากหรือโต้แย้งแต่อย่างใด
มันก็เป็นเหมือนกับที่ม่อชิงซิวกล่าวมา โลกบู๊โบราณคือโลกที่ผู้แข็งแกร่งได้รับการยกย่อง ใช้กระบวนท่าชั่วร้ายแล้วอย่างไง ทั้งหมดล้วนเป็นส่วนหนึ่งของความแข็งแกร่ง
เพียงแต่หยางเฉินยกมือขึ้นมาก็สามารถปราบปรามเหล่าศิษย์แห่งสำนักเทียนไห่ได้ เท่านี้มันก็สามารถพิสูจน์ความแข็งแกร่งของเขาได้แล้ว
เพียงแต่ เหล่าศิษย์ของสำนักเทียนไห่ไม่อาจยอมรับความจริงนี้ได้ เนื่องจากพวกเขาเป็นถึงนักบูโดในสำนักชั้นนำแห่งโลกบู๊โบราณกลาง แต่หยางเฉินเป็นผู้ที่มาจากโลกมนุษย์ ในสายตาของพวกเขา มันก็เป็นแค่ดินแดนรกร้างที่มีชี่ทิพย์อันแห้งเหือด
ม่อชิงซิวมองไปที่หยางเฉินด้วยใบหน้าซึ่งเต็มไปด้วยความต้องการแห่งสงคราม เขาเอ่ยปากออกมาว่า “หยางเฉิน ฉันต้องการท้าทายนาย นายกล้ารับคำท้าหรือไม่?”
เมื่อคำพูดนี้ดังขึ้นมา ศิษย์ทุกคนของสำนักเทียนไห่ที่อยู่ตรงนั้นต่างตกตะลึง
ม่อชิงซิวเป็นคนท้าทายหยางเฉินด้วยตัวเอง
ต้องรู้ก่อนว่า ม่อชิงซิวเป็นถึงนักบูโดแดนนภาขั้นห้าชั้นต้น หยางเฉินมีค่าอะไรที่ม่อชิงซิวจะต้องมาท้าทายด้วยตัวเอง?
หยางเฉินผงะอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นมุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้อันแข็งแกร่งปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา เขาเอ่ยปากออกมาว่า “ทำไมจะไม่กล้า?”
“ดี!”
ม่อชิงซิวพูดออกมา “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็มาสู้กัน ทำให้ฉันได้เห็นหน่อยว่า นายแข็งแกร่งแค่ไหน!”
หลังจากเสียงของเขาเงียบลง ลมปราณอันแข็งแกร่งก็พลุ่งพล่านออกมาจากร่างกายของเขา
ท่าทางของหยางเฉินก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที จากร่างกายของม่อชิงซิว เขาสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ แรงกดดันเช่นนี้ทำให้คนรู้สึกหายใจไม่ออก
“แข็งแกร่งมาก! ฉันรู้สึกว่าความแข็งแกร่งของศิษย์พี่ม่อเพิ่มขึ้นอีกแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะอยู่ห่างจากแดนนภาขั้นห้าชั้นกลางอีกไม่มาก”
“นี่มันเป็นไปได้ยังไง? ศิษย์พี่ม่อเพิ่งจะทะลวงผ่านแดนนภาขั้นห้ามาได้ไม่กี่เดือน เขาจะทะลวงขึ้นไปอีกขั้นได้ยังไง? ไม่แน่ว่าอาจเป็นเพราะคู่ต่อสู้ก่อนหน้านี้ไม่สามารถทำให้เขาแสดงพลังที่แท้จริงออกมาได้”
“ดูเหมือนว่าจะเป็นแบบนั้น หรือว่าเจ้าลิงที่มาจากโลกมนุษย์นั่นจะแข็งแกร่งจริง?”
......
ศิษย์ในสำนักเทียนไห่ทุกคนต่างพูดออกมา ใบหน้าของแต่ละคนเต็มไปด้วยความตกใจ
ชายหนุ่มที่สามารถทำให้ม่อชิงซิวใช้พลังที่แท้จริงออกมาได้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายเป็นชายหนุ่มที่เดินทางมาจากโลกมนุษย์
“หยางเฉิน ฉันจะลงมือแล้ว!”
ม่อชิงซิวกล่าวออกมา หลังจากเสียงของเขาเงียบลง เสียง “ปัง” ดังขึ้น พื้นดินแทบเท้าของเขาแหลกละเอียด วินาทีถัดมา ร่างกายของเขาก็มาปรากฏอยู่ด้านหน้าของหยางเฉิน
“เอาหมัดของฉันไปกิน!”
ม่อชิงซิวตะโกนออกมา ยกกำปั้นขึ้นมาอย่างไร้เยื่อใย โจมตีเข้าไปอย่างหนักหน่วง
ในชั่วพริบตา หยางเฉินปล่อยหมัดของเขาออกไปเพื่อต่อต้าน
“ตู้ม!”
ม่อชิงจูตกใจเล็กน้อย พี่ชายของตนเองเป็นคนอย่างไร แน่นอนว่าเธอรู้ดีที่สุด
เธอสังเกตเห็นในจุดที่ละเอียดอ่อนและคนอื่นมองไม่เห็น เมื่อครู่ หยางเฉินยืนอยู่ที่เดิมมาโดยตลอด จนกระทั่งวินาทีที่การโจมตีของม่อชิงซิวพุ่งเข้ามา เขาถึงจะยกมือขึ้นเพื่อป้องกันการโจมตีของม่อชิงซิว
แม้ว่าหยางเฉินจะถอยไปเจ็ดก้าว และม่อชิงซิวถอยไปเพียงสามก้าวเท่านั้น แต่ม่อชิงจูรู้ดีอยู่แก่ใจ นักบูโดที่สามารถโจมตีม่อชิงซิวให้ถอยหลังกลับไปสามก้าวได้นั้น มีจำนวนเพียงน้อยนิด
ยิ่งไปกว่านั้น อีกฝ่ายยังยืนรออยู่ตรงที่เดิมเพื่อรอการโจมตีของม่อชิงซิว
ม่อชิงซิวยืนอยู่ที่เดิม ในตอนที่เขามองไปยังหยางเฉิน ดวงตาของเขาปรากฏให้เห็นถึงความตกใจเล็กน้อย
ตอนแรกเขาเข้าใจถึงความแข็งแกร่งของหยางเฉินอย่างชัดเจน คาดว่าอาจจะไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเขาด้วยซ้ำ ดังนั้นเขาจึงลงมือด้วยตัวเอง และใช้พลังถึงแปดส่วนของพลังทั้งหมด
หมัดที่ปล่อยออกไปนี้ หากเป็นนักบูโดแดนนภาขั้นห้าธรรมดา มันก็อยากที่จะรับไว้
แต่หยางเฉิน ไม่เพียงแต่สามารถรับหมัดที่ใช้พลังถึงแปดส่วนของเขาได้ แต่ยังทำให้เขาถอยหลังกลับมาอีกถึงสามก้าว
ส่วนทางด้านของหยางเฉิน เขาถอยหลังกลับไปเพียงแค่เจ็ดก้าวเท่านั้น
ดูจากภายนอกหยางเฉินอาจจะเป็นฝ่ายแพ้ แต่ม่อชิงซิวเข้าใจอย่างชัดเจน จากการปะทะกันเมื่อครู่ เขาต่างหากที่เป็นฝ่ายแพ้ และพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถ
ใบหน้าของหยางเฉินยังคงไม่เปลี่ยนแปลง พลังของม่อชิงซิวนั้นแข็งแกร่งอย่างที่คิด แต่หากอีกฝ่ายมีความแข็งแกร่งเพียงแค่นี้ มันก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
“หยางเฉิน นายทำให้ฉันรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก แต่ว่านายวางใจ ฉันเองก็จะไม่ทำให้นายผิดหวัง ครั้งนี้ฉันจะโจมตีอย่างสุดกำลัง!”
ม่อชิงซิวมองไปที่หยางเฉินด้วยใบหน้าอันเร่าร้อน ความกระหายการต่อสู้ในดวงตาของเขาชัดเจนขึ้นมากกว่าเดิม
ในคนรุ่นเดียวกัน แทบจะไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ให้เขาได้ หยางเฉินถือว่าเป็นหนึ่งในคนที่เขาใฝ่หา!
หยางเฉินมองมาที่ม่อชิงซิวและพูดว่า “ฉันเองก็จะไม่ทำให้นายผิดหวัง ครั้งนี้ฉันจะรับมันอย่างเต็มที่!”
หลังจากเสียงของเขาเงียบลง ลมปราณอันแข็งแกร่งก็ปะทุออกมาจากร่างกายของเขาอย่างท่วมท้น ถึงขั้นที่สามารถบดขยี้ทางฝั่งของม่อชิงซิวได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
เขียนยืดเยื้อฉิบหาย.. อ่านแล้วหงุดหงิด...
ยืดเยื้อมากอ่นแล้วโครตเสียอารมณ์แค่บอกว่าเป็นใครแค่เนี้ย แม่งยืดซะจนไร้รสชาติเลย เสียเวลา ่านฉิบหาย...
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...