ในตอนที่ทุกคนตะโกนเอะอะออกมา บอกให้ม่อชิงซิวลงมือกับหยางเฉิน ม่อชิงซิวก็ขมวดคิ้วและกล่าวออกมาอย่างเยือกเย็นว่า “สุนัขที่คิดว่าตนเองสูงส่ง เห็นคนอื่นเป็นเพียงแค่ขยะ เห็นได้ชัดว่าตนเองสู้คนอื่นไม่ได้ แต่กลับมีหน้ามาบอกว่าคนอื่นใช้วิธีการที่ชั่วร้าย?”
เมื่อประโยคนี้ดังขึ้นมา เหล่านักบูโดแห่งสำนักเทียนไห่ต่างมีสีหน้าดูไม่ได้
เหอตงเฉิงขมวดคิ้วขึ้นมา กล่าวออกมาอย่างไม่พอใจว่า “ศิษย์น้องม่อ นายพูดเช่นนี้กับเหล่าศิษย์น้องของตนเอง มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ?”
ม่อชิงซิวจ้องมองเหอตงเฉิงอย่างเยือกเย็นพร้อมกล่าวว่า “โลกบู๊โบราณคือโลกที่ผู้แข็งแกร่งได้รับการยกย่อง ไม่เกี่ยวว่าหยางเฉินจะใช้กระบวนท่าอันชั่วร้ายหรือไม่ ถึงต่อให้ใช้แล้วมันยังไง?”
“ชนะก็คือชนะ แพ้ก็คือแพ้ หากแม้แต่ความพ่ายแพ้ยังไม่กล้ายอมรับ เช่นนั้นพวกนายจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร?”
พูดจบเขาก็ขี้เกียจที่จะสนใจอีกฝ่าย และมองไปทางหยางเฉิน
หยางเฉินมองมาที่ม่อชิงซิว แววตาของเขามีความชื่นชมเผยออกมาให้เห็น ในตอนที่ม่อชิงซิวปรากฏตัวออกมาเมื่อครู่ เขายังคิดว่าอีกฝ่ายปรากฏตัวออกมาเพื่อเหล่าศิษย์แห่งสำนักเทียนไห่
ดูจากเวลานี้แล้ว มันไม่ได้เป็นแบบนั้น
พวกของเหอตงเฉิงได้ยินคำพูดของม่อชิงซิว ใบหน้าของพวกเขากลายเป็นสีแดง แต่พวกเขาก็ไม่กล้าเอ่ยปากหรือโต้แย้งแต่อย่างใด
มันก็เป็นเหมือนกับที่ม่อชิงซิวกล่าวมา โลกบู๊โบราณคือโลกที่ผู้แข็งแกร่งได้รับการยกย่อง ใช้กระบวนท่าชั่วร้ายแล้วอย่างไง ทั้งหมดล้วนเป็นส่วนหนึ่งของความแข็งแกร่ง
เพียงแต่หยางเฉินยกมือขึ้นมาก็สามารถปราบปรามเหล่าศิษย์แห่งสำนักเทียนไห่ได้ เท่านี้มันก็สามารถพิสูจน์ความแข็งแกร่งของเขาได้แล้ว
เพียงแต่ เหล่าศิษย์ของสำนักเทียนไห่ไม่อาจยอมรับความจริงนี้ได้ เนื่องจากพวกเขาเป็นถึงนักบูโดในสำนักชั้นนำแห่งโลกบู๊โบราณกลาง แต่หยางเฉินเป็นผู้ที่มาจากโลกมนุษย์ ในสายตาของพวกเขา มันก็เป็นแค่ดินแดนรกร้างที่มีชี่ทิพย์อันแห้งเหือด
ม่อชิงซิวมองไปที่หยางเฉินด้วยใบหน้าซึ่งเต็มไปด้วยความต้องการแห่งสงคราม เขาเอ่ยปากออกมาว่า “หยางเฉิน ฉันต้องการท้าทายนาย นายกล้ารับคำท้าหรือไม่?”
เมื่อคำพูดนี้ดังขึ้นมา ศิษย์ทุกคนของสำนักเทียนไห่ที่อยู่ตรงนั้นต่างตกตะลึง
ม่อชิงซิวเป็นคนท้าทายหยางเฉินด้วยตัวเอง
ต้องรู้ก่อนว่า ม่อชิงซิวเป็นถึงนักบูโดแดนนภาขั้นห้าชั้นต้น หยางเฉินมีค่าอะไรที่ม่อชิงซิวจะต้องมาท้าทายด้วยตัวเอง?
หยางเฉินผงะอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นมุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้อันแข็งแกร่งปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา เขาเอ่ยปากออกมาว่า “ทำไมจะไม่กล้า?”
“ดี!”
ม่อชิงซิวพูดออกมา “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็มาสู้กัน ทำให้ฉันได้เห็นหน่อยว่า นายแข็งแกร่งแค่ไหน!”
หลังจากเสียงของเขาเงียบลง ลมปราณอันแข็งแกร่งก็พลุ่งพล่านออกมาจากร่างกายของเขา
ท่าทางของหยางเฉินก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที จากร่างกายของม่อชิงซิว เขาสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ แรงกดดันเช่นนี้ทำให้คนรู้สึกหายใจไม่ออก
“แข็งแกร่งมาก! ฉันรู้สึกว่าความแข็งแกร่งของศิษย์พี่ม่อเพิ่มขึ้นอีกแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะอยู่ห่างจากแดนนภาขั้นห้าชั้นกลางอีกไม่มาก”
“นี่มันเป็นไปได้ยังไง? ศิษย์พี่ม่อเพิ่งจะทะลวงผ่านแดนนภาขั้นห้ามาได้ไม่กี่เดือน เขาจะทะลวงขึ้นไปอีกขั้นได้ยังไง? ไม่แน่ว่าอาจเป็นเพราะคู่ต่อสู้ก่อนหน้านี้ไม่สามารถทำให้เขาแสดงพลังที่แท้จริงออกมาได้”
“ดูเหมือนว่าจะเป็นแบบนั้น หรือว่าเจ้าลิงที่มาจากโลกมนุษย์นั่นจะแข็งแกร่งจริง?”
......
ศิษย์ในสำนักเทียนไห่ทุกคนต่างพูดออกมา ใบหน้าของแต่ละคนเต็มไปด้วยความตกใจ
ชายหนุ่มที่สามารถทำให้ม่อชิงซิวใช้พลังที่แท้จริงออกมาได้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายเป็นชายหนุ่มที่เดินทางมาจากโลกมนุษย์
“หยางเฉิน ฉันจะลงมือแล้ว!”
ม่อชิงซิวกล่าวออกมา หลังจากเสียงของเขาเงียบลง เสียง “ปัง” ดังขึ้น พื้นดินแทบเท้าของเขาแหลกละเอียด วินาทีถัดมา ร่างกายของเขาก็มาปรากฏอยู่ด้านหน้าของหยางเฉิน
“เอาหมัดของฉันไปกิน!”
ม่อชิงซิวตะโกนออกมา ยกกำปั้นขึ้นมาอย่างไร้เยื่อใย โจมตีเข้าไปอย่างหนักหน่วง
ในชั่วพริบตา หยางเฉินปล่อยหมัดของเขาออกไปเพื่อต่อต้าน
“ตู้ม!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...
รอข้ามปี...