มู่ตงเฟิงไม่พูดอะไร แต่สายตานั้นกลับมองไปที่หยางเฉิน
เขามองไม่เห็นความหวาดกลัวบนใบหน้าของหยางเฉินเลยแม้แต่นิดเดียว แม้แต่ความตื่นเต้นยังไม่มีเลย
เหมือนกับเมื่อคืนไม่มีผิด ที่ไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด ราวกับไม่ได้เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย
“ลั่วปิง เมื่อกี้คุณยังอวดเก่งอยู่เลยไม่ใช่รึไง ที่บอกว่าจะทำลายตระกูลเฉินของผมด้วยใช่มั้ย?”
“จริงด้วย คุณยังพูดอีกว่า ต่อให้เจ้าบ้านมู่มาเอง คุณก็ไม่ไว้หน้านี่”
“แล้วทำไมตอนนี้ถึงเงียบแล้วล่ะ?”
เมื่อมีมู่ตงเฟิงอยู่ด้วย เฉินซิงไห่ก็มั่นใจขึ้นมาก แล้วพูดด้วยรอยยิ้มที่ไม่ชอบใจ
ถึงแม้กิจการของตระกูลเฉินจะได้รับผลกระทบ แต่สำหรับเขาแล้ว ขอแค่สามารถรักษาความสัมพันธ์กับมู่ตงเฟิงเอาไว้ได้ การที่จะเป็นตระกูลมหาอำนาจของเมืองโจวเฉิงก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
แต่ถ้าต้องการเกาะขาของมู่ตงเฟิงให้ได้ละก็ ก็ต้องจัดการกับเรื่องในวันนี้ให้ดี
“หยางเฉิน แกไอ้สารเลว ไม่เพียงหาเรื่องผู้นำเฉิน แม้แต่เจ้าบ้านมู่ก็ยังกล้าไปหาเรื่องอีก ยังไม่รีบไสหัวออกมาขอโทษอีก!”
โจวอวี้เจี๋ยก็เพิ่งตั้งสติได้ วันนี้เป็นถึงวันมงคลของตระกูลโจว ถึงแม้มันจะถูกทำลายไปแล้ว แต่ตอนนี้มันก็มีโอกาสได้เข้าหาตระกูลใหญ่แล้ว
เขาเองก็รีบวิ่งเข้าไป แล้วตะคอกใส่หยางเฉินว่า “แกไอ้คนไร้ค่า ยังมีหน้ามานั่งอยู่ตรงนี้อีก รีบไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้!”
“โจวยู่ชุ่ย ดูลูกเขยของแกสิ แม้แต่ตระกูลเฉินกับตระกูลมู่ยังกล้าไปหาเรื่อง ช่างไม่รู้จักกาลเทศะเอาซะเลย!”
นายท่านตระกูลโจวก็พูดออกมาด้วยความโมโหเหมือนกัน
เมื่อวานหยางเฉินได้มอบใบชาที่ราคาหลักสิบล้านมาให้ ตอนแรกก็ยอมรับในตัวหยางเฉินได้แล้ว แต่ว่าวันนี้ในวันมงคลของหลานคนโตของตระกูลโจว เขากลับก่อปัญหาขึ้นมากมายขนาดนี้ นี่มันเป็นการทำลายงานแต่งชัดๆ
เขาอยากถือโอกาสนี้เชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลเฉินและตระกูลมู่ ไม่ว่าจะเป็นเฉินซิงไห่หรือมู่ตงเฟิงก็ได้ ขอแค่คนใดคนหนึ่งยอมสนับสนุนตระกูลโจวสักครั้ง ตระกูลโจวก็สามารถก้าวออกจากชนบทเล็กๆนี่ได้แล้ว
“หยางเฉิน ยังไม่รีบคุกเข่าขอโทษอีก รีบขอร้องให้ตระกูลเฉินกับตระกูลมู่ละเว้นแกสักครั้ง!”
โจวยู่ชุ่ยที่เริ่มร้อนรน ก็ได้ตะคอกใส่หยางเฉินเหมือนกัน
ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนในตระกูลโจวต่างก็หันมาตวาดใส่หยางเฉิน บอกให้เขาคุกเข่าขอโทษ
เจิ้งเหม่ยหลิงที่อยู่ท่ามกลางผู้คน ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มที่โหดเหี้ยมออกมา เธอรอคอยโอกาสมาโดยตลอด ในที่สุดมันก็มาถึงสักที
“ผู้นำเฉิน ฉันรู้ค่ะว่าหลานชายของคุณนั้นตายยังไง!”
ทันใดนั้นเอง เจิ้งเหม่ยหลิงก็เดินออกมา แล้วตะโกนออกมาด้วยสีหน้าที่บ้าคลั่ง
คำพูดของเจิ้งเหม่ยหลิงทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างพากันตกใจ สายตาทุกคู่พากันมองมาที่เธอ
เจิ้งหยันตกใจจนหน้าถอดสี และรีบพูดห้ามไปว่า “เหม่ยหลิง ห้ามพูดอะไรมั่วๆ นะ!”
นี่มันเป็นเรื่องความเป็นความตายที่มีผลกระทบอันใหญ่หลวงเลยนะ ถ้าเธอรู้ความจริงมันก็ดีไป แต่ถ้าเธอเกิดพูดมั่วๆ ออกไป เฉินซิงไห่ต้องไม่ปล่อยเธอไว้แน่ แม้แต่ตระกูลเจิ้งก็ยากที่จะรอดพ้นไปได้
แววตาของเฉินซิงไห่เกิดเป็นประกายที่แหลมคมออกมาทันที ผู้หญิงคนนี้ เขาเคยเห็นเธอที่ร้านอาหารเป่ยชุนย่วนมาก่อน
ถ้าไม่ใช่เพราะหยางเฉินจะพาเธอไปให้ได้ เธอก็คงตกไปเป็นของเล่นของพวกบอดี้การ์ดของตระกูลมู่ไปแล้ว
“หลานชายของผมนั้นถูกหยางเฉินฆ่าตาย แล้วเธอยังมีอะไรจะพูดอีก?”
แววตาของเฉินซิงไห่นั้นกลายเป็นสีแดงเลือด เขามั่นใจอย่างมากว่าเจิ้งเหม่ยหลิงนั้นต้องการแก้ตัวให้หยางเฉิน
การที่เขามาที่นี่อย่างยิ่งใหญ่ กับการแก้แค้นให้หลานชายนั้นเป็นแค่ข้ออ้าง จริงๆ แล้วเขามาเพื่อชื่อเสียงของตระกูลเฉินต่างหาก
ส่วนหยางเฉินนั้น เขาก็แค่สงสัย ไม่มีหลักฐานที่จะมายืนยันว่าหยางเฉินนั้นเป็นฆาตกรจริงๆ
ถ้าไม่หาฆาตกรออกมาโดยเร็ว คนอื่นก็จะหาว่าตระกูลเฉินนั้นไร้ความสามารถ แม้แต่หลานชายที่เป็นสายเลือดโดยตรงตายไป ยังไม่สามารถหาตัวฆาตกรได้
ดังนั้น เรื่องนี้จึงจำเป็นต้องมีแพะรับบาป ซึ่งคนคนนั้นก็คือหยางเฉิน
ส่วนฆาตกรตัวจริงนั้น ตระกูลเฉินจะตามสืบต่อไปแน่นอน
ถ้าเจิ้งเหม่ยหลิงเกิดพูดยืนยันว่าการตายของเฉินอิงจวิ้นนั้นไม่เกี่ยวข้องกับหยางเฉินขึ้นมา งั้นการที่เขายกพวกมาที่นี่อย่างใหญ่โตนั้น มันก็จะกลายเป็นเรื่องตลกไปทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...