“มีใครที่พอจะบอกฉันได้บ้าง ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
นายท่านตระกูลโจวถามด้วยสีหน้าที่งุนงง
ทั้งที่วันนี้มันเป็นวันมงคลของตระกูลโจวแท้ๆ แล้วทำไมมันถึงดึงดูดผู้ทรงอำนาจระดับสูงแบบนี้มาตั้งสองฝ่าย?
ดูแล้ว ผู้ทรงอำนาจทั้งสองนี้ มาประชันหน้ากันเพราะหยางเฉินแน่ๆ
เวลานี้ งานแต่งก็ใกล้จะเริ่มแล้ว แต่ดูบรรยากาศในตอนนี้สิ มันใช่ความครื้นเครงอย่างที่งานแต่งควรจะเป็นรึเปล่า?
คนของตระกูลโจวต่างก็เป็นกังวลกันมาก
เจิ้งเหม่ยหลิงที่อยู่ข้างๆ ตอนนี้กำลังกระวนกระวายใจมาก แววตามีแต่ความขัดขืน
“คิดว่าตระกูลเฉินของเรานั้นมันน่าเอาเปรียบมากเลยใช่มั้ย?”
เฉินซิงไห่โกรธมาก และพูดไปด้วยความโมโห “วันนี้ผมจะพาตัวเขากลับไป ผมเองก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าคนอย่างคุณมันจะขวางผมได้รึเปล่า?”
ทันทีที่พูดจบ เฉินซิงไห่ก็โบกมือ “เอาตัวหมอนั่นไป!”
“ในเมื่อผู้นำเฉินไม่ยอมฟัง งั้นก็อย่าโทษผมแล้วกัน!”
ลั่วปิงพูดออกมาด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย จากนั้นก็กดมือถือแล้วโทรออกไปต่อหน้าทุกคน “ลงมือ!”
เขาพูดออกมาแค่สองพยางค์ จากนั้นก็วางสายไป
หยางเฉินนั้นทำตัวราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น นั่งอยู่ตรงที่นั่งของตัวเองด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย และมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างน่าสนใจ
ถึงเขาจะไม่เข้าใจสองพยางค์ที่ลั่วปิงเพิ่งพูดไป แต่เขาก็รู้ดีว่าลั่วปิงต้องไม่ทำให้เขาผิดหวังแน่นอน
บอดี้การ์ดสองคนของตระกูลเฉินตอนนี้ได้มาถึงข้างหยางเฉินแล้ว แต่พวกเขายังไม่ทันได้ลงมือ ทันใดนั้นเอง ชายฉกรรจ์หลายคนก็ได้เดินออกมา ยืนขวางอยู่ตรงหน้าของหยางเฉิน พร้อมกับจ้องมองบอดี้การ์ดของตระกูลเฉินด้วยสายตาที่หิวกระหาย
เฉินซิงไห่แววตาดูเคร่งขรึมลงไปเล็กน้อย ไม่นึกเลยว่าเพื่อหยางเฉินแล้ว ลั่วปิงจะกล้าเผชิญหน้ากับเขาอย่างเป็นจริงเป็นจังแบบนี้
ห้องจัดเลี้ยงของงานเลี้ยงที่เคยรื่นเริง ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยบรรยากาศที่แสนอึดอัด
ในตอนนั้นเอง เสียงมือถือที่ไพเราะก็ดังขึ้น
สายตาของทุกคนต่างพากันมองไปยังเฉินซิงไห่ แล้วก็ได้เห็นมือถือของเขาที่รับไปแล้ว
ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที แล้วพูดด้วยความที่โมโหว่า “ว่ายังไงนะ?”
เฉินซิงไห่นั้นทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ แล้วพูดอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “ตระกูลเฉินกับจิ่วเหอกรุ๊ปนั้นรวมงานกันมาเป็นเวลากว่าแปดปีเต็ม จู่ๆ มาบอกว่าจะยกเลิกสัญญาก็ยกเลิกเลยได้ยังไง?”
ตอนที่หยางเฉินได้ยินคำว่าจิ่วเหอกรุ๊ปนั้น เขาก็เข้าใจขึ้นมาทันที ว่าลั่วปิงนั้นไปเอาความมั่นใจนั่นมาจากไหน
ประมาณหนึ่งเดือนที่แล้ว ลั่วปิงนั้นได้ขอเบิกงบกับเขาไปก้อนหนึ่ง บอกว่าจะเอาไปซื้อกิจการเจ้าอื่นๆ ไว้สักหน่อย
และจิ่วเหอกรุ๊ปก็อยู่ในรายชื่อพวกนั้นด้วย
เดิมที หยางเฉินคิดว่าลั่วปิงทำเพื่อความก้าวหน้าของต้าเหอกรุ๊ปเท่านั้น แต่ดูแล้วตอนนี้ เขาน่าจะเตรียมการสำหรับเครืออข่ายธุรกิจในเมืองโจวเฉิงไว้ตั้งนานแล้ว
ไม่แน่ พวกบริษัทหัวแถวในเมืองโจวเฉิงอาจจะถูกเขาซื้อไว้หมดแล้วก็ได้
หยางเฉินนั้นรู้สึกสบายใจและเซอร์ไพรส์มาก ในตอนที่เพิ่งกลับเจียงโจวก็ไม่ต้องถูกไล่ออกจากเยี่ยนเฉินกรุ๊ปเพราะความผิดพลาดอันน้อยนิดของลั่วปิง
หลายเดือนมานี้ ความทุ่มเทของลั่วปิงกับผลงานของเขานั้นมันโดดเด่นกว่าคนอื่นมาก และหยางเฉินเองก็มองเห็นมันเหมือนกัน
หลังจากที่เฉินซิงไห่ตะคอกใส่มือถือไปพักใหญ่ ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจขึ้นมาทันที
เมื่อกี้ลั่วปิงก็บอกแล้ว ว่าจะทำให้ธุรกิจของตระกูลเฉินนั้นล่มสลาย ทันใดนั้น เขาก็ได้รับรายงานเรื่องการยกเลิกสัญญาร่วมมือของจิ่วเหอกรุ๊ป
“คุณคือ?”
เฉินซิงไห่จ้องมองลั่วปิงด้วยสีหน้าที่หวาดกลัว
ลั่วปิงยิ้มออกมาโดยที่ไม่ยอมรับหรือปฏิเสธ “ผู้นำเฉิน นี่มันแค่อาหารเรียกน้ำย่อย และถือเป็นการเตือน ถ้าคุณยังดึงดันที่จะลงมือกับคุณหยางอีกละก็ ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่รอตระกูลเฉินอยู่ก็มีแต่การล่มสลายเท่านั้น!”
ลั่วปิงในตอนนี้ เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ โดยไม่เห็นเฉินซิงไห่อยู่ในสายตาเลยแม้แต่นิดเดียว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...