“เมื่อก่อน แม่มองอะไรตื้นเขินไปเอง ไม่เคยเห็นความดีของหยางเฉิน ช่วงนี้พอแม่สงบใจลง คิดอะไรไปเยอะ ที่จริงเขาไม่ได้แย่ขนาดที่ฉันคิด เขาดีเด่นมาก ดีเด่นกว่าคนส่วนใหญ่เยอะ”
โจวยู่ชุ่ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หลังจากนี้ไป ฉันยอมรับแค่เขาเป็นลูกเขยคนเดียว ระหว่างพวกแกฉันไม่กีดกันอีกต่อไป”
ฉินซีน้ำตาแตกทันที ตั้งแต่ไหนแต่ไร นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินโจวยู่ชุ่ยยอมรับความสัมพันธ์ระหว่างเธอและหยางเฉินกับปาก
“แม่ ขอบคุณนะคะ” ฉินซีพูดทั้งน้ำตาไหลพราก
“เด็กโง่ ขอบคุณแม่ทำไมกัน? แม่สิต้องขอโทษแก เมื่อก่อนแม่ไม่น่าทำแบบนั้นกับแกเลย”
โจวยู่ชุ่ยยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้ฉินซี พร้อมยิ้มอย่างใจดี
สำหรับฉินซี นี่เป็นบ่ายที่อบอุ่นหัวใจมาก
แต่สิ่งที่เธอไม่รู้คือ ในใจของโจวยู่ชุ่ยลนลานจนถึงขีดสุด
แม้หยางเฉินจะไม่อยู่ แต่เธอกลัวมากว่าจู่ๆฉินต้าหย่งจะฟื้นขึ้นมา
ถึงตอนนั้น ทุกอย่างคงสายไป
สำหรับเธอ มีแต่ต้องคิดหาทางส่งตัวเสี้ยวเสี้ยวไปให้เมิ่งเทียนเจียวก่อนเท่านั้น เธอถึงจะมีโอกาสลงมือกับฉินต้าหย่งมากขึ้น
ถ้าเสี้ยวเสี้ยวหายตัวไป ฉินซีต้องไปหาแน่ๆ ถึงตอนนั้น ในห้องผู้ป่วยจะเหลือแค่เธอและฉินต้าหย่ง
คิดมาถึงตรงนี้ นัยน์ตามีประกายดุดันแวบผ่านไป
“เสี่ยวซี ด้านเสี่ยวยียุ่งมาก อย่าไปรบกวนเธอเลย เดี๋ยวฉันไปรับเสี้ยวเสี้ยวให้ เจ้าตัวเล็กไม่ได้เจอแกกับพ่อแกหลายวันแล้ว”
ใกล้จะถึงเวลาเลิกเรียนของอนุบาลแล้ว โจวยู่ชุ่ยเอ่ยยิ้มๆ “เดี๋ยวฉันไปรับเธอมาที่โรงพยาบาล ไม่แน่นะ พอพ่อแกได้ยินเสียงของเสี้ยวเสี้ยวอาจจะฟื้นขึ้นมาเลย”
ท่าทางโจวยู่ชุ่ยดูนิ่งสงบ แต่จริงๆแล้วภายในใจเธอลุกลี้ลุกลนสุดๆ
ส่วนฉินซี หน้าตาลังเลนิดหน่อย
ไม่ใช่ว่าเธอคลางแคลงอะไร แค่รู้สึกมีอะไรไม่ชอบมาพากล แต่ก็คิดไม่ออกว่าตรงไหนกันแน่ที่ผิดปกติ
โจวยู่ชุ่ยเห็นฉินซีไม่ยอมตอบรับสักที เริ่มร้อนใจขึ้นมา แต่ทำหน้าทำตาเป็นเสียใจ
เธอส่ายหัว พูดตาแดงก่ำ “ดูท่า แกยังไม่เชื่อฉัน แต่ไม่เป็นไร แม่เข้าใจได้ ถึงแม้ฉันถูกบังคับให้ลงมือกับพ่อแก แต่มันก็เป็นเรื่องจริง ฉันทำตัวเอง”
พูดไป น้ำตาเธอก็ไหลออกมา
“แม่ ไม่ใช่แบบนั้น แม่เป็นยายของเสี้ยวเสี้ยวนะ หนูจะไม่เชื่อใจแม่ได้ยังไงกัน”
ฉินซีรีบดึงมือโจวยู่ชุ่ยมาจับพลางอธิบาย “แค่ช่วงนี้เกิดอะไรขึ้นหลายอย่าง หนูเลยไม่ค่อยสบายใจ ไม่เกี่ยวกับแม่”
“ถ้าอย่างนั้น แกตกลงให้ฉันไปรับเสี้ยวเสี้ยวใช่มั้ย?”
โจวยู่ชุ่ยดีใจขึ้นมา เธอถามอย่างตื้นตันพลางเช็ดน้ำตา
ฉินซียิ้มพลางพยักหน้า “แน่นอนค่ะแม่ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ วันนี้รบกวนแม่ไปรับเสี้ยวเสี้ยวด้วยนะคะ”
“ได้เลย แกวางใจเถอะ ฉันต้องพาเสี้ยวเสี้ยวกลับมาหาแกได้อย่างปลอดภัยแน่นอน” โจวยู่ชุ่ยพูดอย่างตื้นตัน
พอได้รับอนุญาตจากฉินซี โจวยู่ชุ่ยรีบออกมาทันที
ขณะเดียวกัน เธอเกิดตื่นเต้นขึ้นมาในใจอยู่นิดหน่อย รู้สึกเร้าใจสุดๆ
เพิ่งออกจากโรงพยาบาล โจวยู่ชุ่ยก็กดโทรศัพท์ “คุณเมิ่ง ตอนนี้ฉันกำลังไปรับลูกสาวของหยางเฉินที่โรงเรียนอนุบาลหลานเทียน คุณรีบส่งคนมารับที่โรงพยาบาลเร็ว”
“ได้”
อีกด้านของสาย หลังจากเมิ่งเทียนเจียววางสายไป ก็มีสีหน้าบิดเบี้ยวและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้ล้างแค้นไวขนาดนี้ หยางเฉิน ฉันจะทำให้แกต้องอยู่อย่างทรมานยิ่งกว่าตาย!”
พูดจบ เขาก็ขับรถไปที่โรงเรียนอนุบาลหลานเทียนด้วยตัวเอง
เมืองเจียงโจว โรงเรียนอนุบาลหลานเทียน
เวลานี้เป็นเวลาผู้ปกครองมารับเด็ก หน้าอนุบาลต่อแถวกันยาวเหยียด เป็นผู้ปกครองที่มารับเด็กทั้งนั้น
ส่วนใหญ่เป็นปู่ย่าของเด็ก โจวยู่ชุ่ยก็เป็นหนึ่งในนั้น ในใจตื่นเต้นอยู่นิดหน่อย
ตั้งแต่ที่ฉินต้าหย่งกลายเป็นเจ้าชายนิทรา เธอก็อยู่อย่างหวาดหวั่นมาโดยตลอด เพราะกลัวว่าเรื่องของตัวเองจะถูกเปิดโปง
วันนี้ ในที่สุดเธอก็ได้โอกาส
ขอแค่ส่งตัวเสี้ยวเสี้ยวให้เมิ่งเทียนเจียว หยางเฉินต้องตายอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้น ก็ไม่มีใครมาขวางตอนเธอฆ่าฉินต้าหย่งอีก
“ยาย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...