ไม่มีใครคิดว่าเว่ยเฉิงโจวจะกล้าพูดแบบนี้ในที่สาธารณะ
คำพูดเหล่านี้ หากสามยักษ์ใหญ่ในเมืองเอกได้ยินเข้า เกรงว่าตระกูลเว่ยจะต้องประสบปัญหามากมายอย่างแน่นอน
แต่ไม่นานหลังจากนั้น หยางเฉินก็คิดถึงความเป็นไปได้บางอย่าง
มณฑลเจียงผิงในปัจจุบัน ไม่เพียงแต่มีสามยักษ์ใหญ่ของเมืองเอกเท่านั้น แต่ยังมีผู้มีอิทธิพลอีกหนึ่งกลุ่ม นั่นก็คือสมาคมบูโดในสาขามณฑลเจียงผิง
ในเมืองเยนตู สมาคมบูโดถือว่ามีอิทธิพลเทียบเท่ากับแปดตระกูลแห่งเย็นตู
ส่วนในมณฑลเจียงผิง แม้สมาคมบูโดจะเป็นเพียงสาขาย่อยเท่านั้น แต่อิทธิพลของพวกเขายิ่งใหญ่มาก อย่างน้อยก็เหนือกว่าสามยักษ์ใหญ่ในเมืองเอก
ซึ่งเบื้องหลังผู้คอยหนุนตระกูลเว่ยนั้น ก็คือสมาคมบูโด!
“เจ้าบ้านเว่ยครับ คำพูดของคุณจะเกินเหตุไปหน่อยไหมครับ?”
จวงเซิ่งยิ้มอย่างเย้ยหยัน “ต่อให้สามครอบครัวยักษ์ใหญ่ในเมืองเอกจะแข็งแกร่งมาก แต่ในมณฑลเจียงผิงยังมีผู้มีอิทธิพลอีกมากมาย และพวกเขาก็ไม่ใช่ของกล้วยๆ ด้วยนะครับ!”
เว่ยเฉิงโจวไม่แม้แต่จะมองไปที่จวงเซิ่ง สายตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่หยางเฉิน
ในบรรดาสี่พรรกแห่งเมืองเจียงโจว ตระกูลกวนกับตระกูลซูนั้นให้เกียรติหยางเฉินมาก แค่นี้ก็เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นถึงสถานะของหยางเฉินว่าสูงส่งแค่ไหน
ขอเพียงแค่หยางเฉินเห็นด้วย สำหรับตระกูลจวงจะเลือกทางไหนก็ไม่สำคัญอีก
“แต่ผมคิดว่าสิ่งที่เจ้าบ้านเว่ยพูดก็มีเหตุผลเหมือนกันนะ!”
ซูเฉิงอู่ก็พูดขึ้น “การประชุมแลกเปลี่ยนในครั้งนี้ เดิมทีมันควรจะให้ตระกูลเฝิงในเมืองจินเหอเป็นเจ้าภาพแล้ว อีกอย่างเวลาจัดงานก็ยังไม่ถึงด้วย”
“แต่ตอนนี้ ตระกูลเฝิงกลับมอบสิทธิ์การเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมแลกเปลี่ยนให้กับตระกูลเมิ่ง เรื่องนี้เห็นได้ชัดว่ามันต้องมีปัญหาภายใน”
ไม่เพียงแต่ซูเฉิงอู่เท่านั้น หลายๆ คนก็ตระหนักถึงจุดนี้ แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ส่วนกวนเจิ้งซานไม่ได้พูดอะไร เขาได้แต่มองไปที่หยางเฉิน
จากนั้นเว่ยเฉิงโจวหยักหน้าเบาๆ แล้วพูดว่า “ผู้นำซูพูดถูกครับ การประชุมแลกเปลี่ยนครั้งนี้มีปัญหาอยู่แล้ว ฉะนั้นเราต้องเตรียมตัวล่วงหน้าเพื่อผลประโยชน์ของเราเอง”
สี่พรรกแห่งเมืองเจียงโจวและตระกูลเว่ยกับตระกูลซูได้บรรลุฉันทามติกันแล้ว ส่วนตระกูลจวงนั้นถูกเพิกเฉย เหลือเพียงตระกูลกวนที่ยังคงเชื่อฟังคำสั่งของหยางเฉินทุกอย่าง
ในเวลา พวกเขารอหยางเฉินพูดเท่านั้น
ตั้งแต่ต้นจนจบ หยางเฉินยังคงนิ่งเฉย แต่สิ่งที่เขารู้นั้นมันมากกว่าซูเฉิงอู่กับเว่ยเฉิงโจว
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นผมก็ขอเห็นด้วยกับข้อเสนอของเจ้าบ้านเว่ย เราร่วมมือกันต่อต้านทุกการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น!”
ในที่สุดหยางเฉินก็พูดขึ้น
“เยี่ยม ถ้าอย่างนั้นเราก็รวมกันเป็นหนึ่ง เมื่อมีสิ่งใดเกิดขึ้นซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อผลประโยชน์ของเรา เราจะร่วมมือกันต่อต้าน!”
เว่ยเฉิงโจวรีบพูดขึ้นอย่างดีใจ
“เยี่ยม!”
ซูเฉิงอู่กับกวนเจิ้งซานก็พูดขึ้นด้วยความดีใจ
มีเพียงจวงเซิ่งที่ยังคงถูกเพิกเฉยอยู่
“ตระกูลจวงก็ขอร่วมอุดมการณ์ด้วยคนครับ!”
จวงเซิ่งหน้าแดงและรีบพูดขึ้น
ในบรรดาสี่พรรกแห่งเมืองเจียงโจว มีสามตระกูลที่ตกลงให้ความร่วมมือกันแล้ว ถ้าตระกูลจวงยังไม่ยอมให้ความร่วมมือด้วย ต่อไปเจียงโจวก็คงไม่มีที่ยืนสำหรับตระกูลจวงของพวกเขาอีก
ต่อให้จวงเซิ่งจะไม่เต็มใจมากนัก แต่ในเวลานี้เขาจำเป็นต้องให้ความร่วมมือ ส่วนแรงบันดาลใจที่ทำให้เขาตัดสินใจแบบนี้ มีเพียงตัวเขาเท่านั้นที่รู้
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เราจะคุยกันให้ชัดเจนก่อน ถ้าหากตระกูลไหนหลุดออกจากโซ่ในช่วงเวลาวิกฤต เมื่อการประชุมแลกเปลี่ยนจบลง เจียงโจวก็จะไม่มีตระกูลนั้นอีก!”
เว่ยเฉิงโจวพูดอย่างเย็นชา
และในขณะที่พูด สายตาของเขายังจับจ้องไปที่จวงเซิ่ง
จวงเซิ่งรู้สึกหงุดหงิดมาก แต่ไม่กล้าพูดอะไร
ในสี่พรรกแห่งเมืองเจียงโจว ทุกคนก็รู้ดีกว่าตระกูลเว่ยเป็นตระกูลที่มีอิทธิพลมากที่สุด
“ช่างกล้าพูด!”
“แค่สี่พรรกแห่งเมืองเจียงโจว คิดว่าร่วมมือกันแล้วจะสามารถยืนหยัดได้งั้นเหรอ?”
“มาร่วมมือกับเมืองจินเหอของเราดีกว่า บางทีอาจมีทางรอดก็ได้!”
ในขณะนั้น ประตูห้องรับรองถูกเปิดออก และกลุ่มคนก็เดินเข้ามา
นำโดยชายวัยกลางคนที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เย้ยหยัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...
รอข้ามปี...