สรุปเนื้อหา บทที่ 393 เมียน้อย – The king of War โดย เสี้ยวอ้าวอวี๋เซิง
บท บทที่ 393 เมียน้อย ของ The king of War ในหมวดนิยายใช้ชีวิต เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย เสี้ยวอ้าวอวี๋เซิง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
หยางเฉินหัวเราะแล้ว “วางใจได้เลย หลังจากคืนนี้ไป เยี่ยนเฉินกรุ๊ปจะกลายเป็นกิจการใหญ่ที่สุดในมณฑลเจียงผิง!”
เขาในฐานะประธานของเยี่ยนเฉินกรุ๊ป ปัจจุบันนี้ตระกูลใหญ่ทั้งมณฑลเจียงผิงล้วนยอมอยู่ใต้อำนาจตนเอง
ไม่เกิดความคาดหมาย หลังจากคืนนี้ไป ราคาในตลาดของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปจะพุ่งขึ้นสูงแน่นอน
ฉินยีฝืนหัวเราะไป ไม่พูดอะไร
“ยังกินข้าวไม่อิ่มสินะ? ฉันเลี้ยงอาหารมื้อดึกเธอเอง”
หยางเฉินหัวเราะพูดขึ้น “ได้ยินว่าเมืองเอกมีถนนอาหารแห่งชาติสายหนึ่งอยู่ ด้านในมีร้านอาหารหลากหลายชนชาติ พวกเราไปลองชิมกัน”
ระหว่างทาง ฉินยีไม่พูดจาสักคำเดียว อารมณ์ตกต่ำลงมากด้วย ตามอยู่ด้านหลังหยางเฉิน
ล้วนเป็นหยางเฉินที่เอาแต่พูด ฉินยีบางทีตอบกลับมาแบบขอไปที
นี่ทำให้หยางเฉินยิ่งรู้สึกกังวลเพิ่มขึ้น สรุปเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแล้ว คาดไม่ถึงสามารถทำให้อารมณ์ของฉินยีหม่นหมองเช่นนี้
สุดท้ายทั้งสองไปที่ร้านอาหารมุสลิมแห่งหนึ่ง บนป้ายไม้ มีอักษรสีทองระยิบระยับว่า“ร้านอาหารมุสลิมมนต์” เปล่งแสงประกายแวววาว
พนักงานของร้านอาหารสวมชุดที่มีเอกลักษณ์แบบชาวมุสลิม ใช้ภาษาท้องถิ่นแบบชาวมุสลิมด้วย
ถนนอาหารแห่งชาติยามค่ำคืนคึกคักอย่างมาก บนถนนด้านนอกร้านอาหารยังมีการแสดงร้องเพลงและเต้นรำของหลากหลายชนชาติ
บรรยากาศที่ครึกครื้นเช่นนี้ ยังคงไม่มีทางทำให้ฉินยีดีใจขึ้นมาได้
“นี่ไม่ใช่ประธานฉินเหรอ?”
ในเวลานี้เอง ชายหญิงอายุไม่มากคู่หนึ่งเข้ามาในร้านอาหารกะทันหัน ผู้ชายฉีกมุมปากขึ้นเบาๆ จ้องฉินยีด้วยท่าทางมีเลศนัย
ส่วนผู้หญิงที่อยู่ข้างกายผู้ชายกำลังควงแขนของผู้ชายอยู่ หรี่ตามองฉินยีพูดว่า “ฉันนึกว่าเป็นใครซะอีก ที่แท้เป็นนังแพศยาที่โดนคนเป็นพันชี้หน้าด่าอยู่ในงานประชุมแลกเปลี่ยนเมื่อกี้นี้”
ได้ยินคำพูดของสองคนที่เต็มไปด้วยการเสียดสี บนหน้าฉินยีรู้สึกโกรธเต็มที่ โกรธจนสั่นเทาไปทั้งตัว
หยางเฉินขมวดคิ้วขึ้นมาเบาๆ ผู้หญิงที่กำลังพูดคนนั้น เขายังพอรู้สึกคุ้นๆ หน้า
ผู้หญิงคนนี้ชื่อว่าหยางหลิ่ว เป็นผู้หญิงของตระกูลหยางแห่งเมืองเจียงโจว สามีของหล่อน คือรุ่นพี่สมัยมหาวิทยาลัยที่ฉินยีเคยชอบ ชื่อหวังเย่นจูน
ต่อมา เพราะหวังเย่นจูนไปตอแยฉินยีที่เยี่ยนเฉินกรุ๊ป จึงถูกหยางเฉินเรียกคนของตระกูลหยางแห่งเมืองโจวเฉิงมา
ไล่หวังเย่นจูนออกไปแล้ว ภายใต้ความโกรธเคืองของตระกูลหยาง
หวังเย่นจูนที่สูญเสียทุกอย่าง และวิ่งไปที่เยี่ยนเฉินกรุ๊ปอีกที ลักพาตัวฉินยีไปที่ดาดฟ้า บีบบังคับฉินยีให้คบกับเขา
ต่อมาหยางเฉินลงมือ หวังเย่นจูนตกตึกเสียชีวิต
นึกไม่ถึงว่าวันนี้ที่เมืองเอก จะเจอกับหยางหลิ่วผู้หญิงคนนี้อีก
“น้องสาว พี่เขยที่เป็นชู้กับประธานฉิน คงไม่ใช่เจ้าหมอนี่หรอกมั้ง?”
ชายหนุ่มข้างกายหยางหลิ่วยื่นมือชี้ไปยังหยางเฉินทันใด ถามแบบหน้าตาเยาะเย้ยเต็มที่
หยางหลิ่วถึงมองเห็นใบหน้าของหยางเฉินชัดเจน ในใจอดสับสนอยู่บ้างไม่ได้ แต่นึกถึงว่าลูกพี่ลูกน้องของตนเองยังอยู่ข้างกาย ความสับสนถึงมลายหายไปในที่สุด
“พี่ชาย เป็นเจ้าหมอนี่จริงๆ ที่เป็นชู้กับนังแพศยาคนนี้”
หยางหลิ่วพูดแบบหน้าตาเสียดสีเต็มที่
“ไอ้หนุ่ม แกยังมีความสามารถจริงนะ! นึกไม่ถึงทั้งพี่ทั้งน้องก็เอามานอนด้วยหมดได้! ฉันเฝิงจี้จงขอนับถือ!”
ที่แท้ชายหนุ่มชื่อว่าเฝิงจี้จงแกล้งทำท่าทางเลื่อมใส บนหน้ากลับเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย
“หุบปาก!”
ในที่สุดฉินยีระเบิดอารมณ์ รีบลุกขึ้นมาทันที ตะโกนว่า “ห้ามพวกเธอมาเหยียบหยามพี่เขยของฉัน!”
“ประธานฉิน หูข้างไหนของเธอได้ยินเข้ากันว่าฉันกำลังเหยียดหยามพี่เขยเธอ? ทั้งที่ฉันกำลังชมพี่เขยเธออยู่นะ สามารถเอาเธอที่เป็นน้องเมียไปนอนด้วยได้ แค่นับถืออยู่บ้างเท่านั้นเอง ฮ่าๆๆๆ~”
เฝิงจี้จงหัวเราะเสียงดังฮ่าๆ ขึ้นมาแล้ว
เวลานี้ คือตอนที่ธุรกิจถนนอาหารดีที่สุด ในร้านอาหารยังมีลูกค้าที่มาทานข้าวอีกมากมาย
คำพูดพวกนี้ของเฝิงจี้จง ไม่นานจึงแพร่กระจายไปทั่วทั้งร้านอาหาร
ลูกค้ามากมายต่างมองมาที่ฉินยีทางนี้
แม้กระทั่งยังมีผู้คนมากมายชี้ไม้ชี้มือนินทาฉินยี
“เธอนังผู้หญิงแพศยา ยังหน้าไม่อายเอามากจริงๆ ตอนแรกถ้าไม่ใช่เธอเข้ามาแทรกความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับสามีฉัน พวกฉันจะหย่ากันได้ยังไง?”
“นี่คืออยากจะออกหน้าแทนน้องเมียเหรอ?”
เฝิงจี้จงยิ้มกริ่มพูดขึ้น ไม่มีสำนึกรู้ตัวเลยแม้แต่น้อยว่าคนที่ตนเองเผชิญหน้าอยู่ คือบุคคลแบบไหนกัน
“ลูกเขยแต่งเข้าบ้านผู้หญิงคนหนึ่ง อยากจะมาเป็นฮีโร่ช่วยสาว?” หยางหลิ่วทำหน้าเย้ยหยันเต็มที่
ความแค้นที่หล่อนมีต่อหยางเฉินและฉินยีลึกล้ำมาก ในความคิดหล่อน ตระกูลหยางบีบให้หล่อนกับหวังเย่นจูนหย่าร้าง ทุกอย่างนี้ล้วนโทษหยางเฉินและฉินยี
ยังมีการตายของหวังเย่นจูนอีก ย่อมต้องคิดบัญชีที่ตัวของพวกเขา
หล่อนรักหวังเย่นจูนมากจริง ไม่อย่างนั้นคงไม่แต่งงานกับเขา แม้กระทั่งตอนที่รู้ว่าหวังเย่นจูนอยากจะคบกันกับฉินยี หล่อนก็ยินยอมให้อภัย
ถ้าไม่ใช่ทางตระกูลบังคับให้แยกทาง ตีหล่อนให้ตาย ก็คงจะไม่หย่ากับหวังเย่นจูน
“พี่เขย อย่าไปสนใจพวกเขาเลย พวกเราไปกันเถอะ!”
จากในสายตาของหยางเฉิน ฉินยีมองเห็นแรงอาฆาตแค้นแล้ว ทันใดนั้นกังวลอยู่บ้าง พยายามออกไปจากที่นี่
“ทำไม? เรื่องที่น่าอับอายเปิดโปงแล้ว เลยอยากจะหนี?”
หยางหลิ่วคว้าแขนของฉินยีไว้ทีหนึ่ง ร้องตะโกนเสียงดัง “ทุกคนอย่าปล่อยเมียน้อยคนนี้ไป จะต้องให้หล่อนชดใช้ก่อน!”
“ผู้หญิงแบบนี้ ควรถอดเสื้อผ้าให้เกลี้ยง เอาไปประจานที่ถนน!”
ขณะพูดอยู่ หยางหลิ่วยื่นมือหมายจะไปดึงเสื้อผ้าของฉินยีอย่างคาดไม่ถึง
“ตอนแรกฉันไว้ชีวิตตระกูลหยางไปทีหนึ่ง ดูแล้วคงเป็นฉันเมตตาเกินไป!”
หยางเฉินจับแขนของหยางหลิ่วเอาไว้ พูดจาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“เจ็บ! รีบปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!”
หยางหลิ่วร้องเสียงหลง พยายามดิ้นรนสุดแรง
“เชี้ย! กล้าแตะต้องน้องสาวฉัน แกวอนหาที่ตาย!”
เฝิงจี้จงตะคอกใส่ กุมหมัดแล้วต่อยเข้าไปบนหน้าของหยางเฉิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
เขียนยืดเยื้อฉิบหาย.. อ่านแล้วหงุดหงิด...
ยืดเยื้อมากอ่นแล้วโครตเสียอารมณ์แค่บอกว่าเป็นใครแค่เนี้ย แม่งยืดซะจนไร้รสชาติเลย เสียเวลา ่านฉิบหาย...
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...