หยางเฉินหัวเราะเย็น “ผมเป็นแค่ ‘ไอ้คนจน’ มีสิทธิ์อะไรรู้จักกับคุณหนูทั้งสองเหรอครับ?”
ก่อนหน้านี้พวกเธอทั้งสองเอาแต่พูดว่าเขายากจน หากไม่เห็นแก่หน้าหวังหย่ง หยางเฉินก็ตบปากไปแล้ว
“พี่หย่ง พี่รีบแนะนำพวกเรากับคุณหยางเร็วสิ!” หลัวหยวนหยวนกอดแขนหวังหย่ง พูดจาออดอ้อน
“ไสหัวไปเลย!”
ดวงตาหวังหย่งแดงก่ำ พูดเสียงกร้าว “เธอมันหญิงแพศยา รู้ว่าฉันชอบเธอก็เลยจงใจใช้ค่ารักษาน้องสาวฉันมาข่มขู่ฉัน ให้ฉันเป็นโล่กำบังให้เธอเหมือนหมาตัวหนึ่ง ตอนนี้พอรู้ว่าฉันมีเพื่อนเป็นคนใหญ่คนโตแล้วก็มาพี่หย่งๆ เหรอ?”
“เมื่อก่อนมัวทำอะไรอยู่? ไปให้พ้น! ไปให้หมด! ต่อไปฉันกับเธอไม่เกี่ยวข้องกันอีก!”
หวังหย่งตะคอกราวกับระบายความอึดอัดที่ได้รับมาตลอดในอดีต
หลัวหยวนหยวนกับสวุลี่หน้าเปลี่ยนสีทันที ขณะจะพูดต่อ จู่ๆ หยางเฉินก็เอ่ยขึ้น “ถ้าพวกคุณยังไม่ไปอีก ฉันก็ไม่รังเกียจที่จะให้พวกคุณหายไปจากโลกนี้!”
เมื่อได้ยินดังนั้นแล้วใบหน้าหญิงสาวก็ถอดสี ไหนเลยจะกล้าตอแยอีก จากไปราวกับการเผ่นหนี
“หวังเสวี่ยไม่สบายเหรอ?”
หลังจากหญิงสาวทั้งสองจากไปแล้ว หยางเฉินก็มองหวังหย่งที่ตาแดงพลางถาม
หวังเสวี่ยเป็นน้องสาวแท้ๆ ของหวังหย่ง ตอนที่ยังเรียนอยู่หยางเฉินยังเคยพบเจอ เธอเป็นสาวน้อยที่ขี้อายมาก
หวังหย่งไม่ปิดบัง บอกเล่าจุดประสงค์ที่เขามาหาหยางเฉินออกไป
ที่แท้หวังเสวี่ยก็ป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ต้องการเงินจำนวนหนึ่งเป็นค่ารักษาพยาบาลนี่เอง แต่ครอบครัวหวังหย่งก็เป็นคนพื้นๆ แบกรับค่าใช้จ่ายไม่ไหว
และหลัวหยวนหยวนที่เขาชอบก็เป็นเลสเบี้ยน ชอบผู้หญิง
เธอรับปากให้หวังหย่งยืนเงินก้อนหนึ่ง โดยที่หวังหย่งต้องเล่นเป็นแฟนหนุ่มของเธอ
แต่ผ่านมานานเงินที่หลัวหยวนหยวนรับปากว่าจะให้ยืมก็ไม่ให้สักที หาข้ออ้างอยู่ร่ำไป
“หยางเฉิน ถือว่าฉันขอร้องล่ะ ให้ฉันยืมห้าแสนได้ไหม? ฉันต้องคืนนายแน่!”
ว่าแล้วหวังหย่งก็คุกเข่าแทบเท้าหยางเฉิน พูดด้วยน้ำตาคลอ
“นายทำอะไรน่ะ?!”
หยางเฉินรีบฉุดอีกฝ่ายลุกขึ้น พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “หวังเสวี่ยเป็นน้องสาวนาย ก็เหมือนกับน้องสาวฉันนั่นแหละ ตอนนี้เธอไม่สบาย ฉันก็ยืนดูอยู่เฉยๆ ไม่ได้อยู่แล้ว!”
เมื่อได้ยินดังนั้นหวังหย่งก็ดีใจยกใหญ่ รีบพูด “ขอบใจนะ! ขอบใจมาก!”
หยางเฉินสะท้อนใจและจนใจประมาณหนึ่ง
เขาก็บอกแล้วว่าเขายังเป็นเขาเหมือนแต่ก่อน แต่พอหวังหย่งเห็นความเกรียงไกรของเขากับตาตัวเองแล้ว แล้วจะให้ข้ามเส้นคั่นกลางระหว่างพวกเขาได้อย่างไร?
หยางเฉินไปโรงพยาบาลกับหวังหย่ง เยี่ยมหวังเสวี่ยที่ผ่ายผอมอยู่บนเตียง รู้สึกทุกข์ใจมาก
ตอนที่ยังเรียนอยู่พี่น้องคู่นี้ช่วยเหลือตนไว้มาก หากไม่ได้พวกเขา หยางเฉินจะเรียนจบมัธยมศึกษาตอนปลายแบบสบายใจได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้
หลังจากหยางเฉินออกจากโรงพยาบาลแล้วก็กลับบริษัท
เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ สำหรับเยี่ยนเฉินกรุ๊ปแล้วก็เป็นโอกาสอันดีที่จะขยายกิจการออกไป
แต่งานบางอย่างเขาต้องจัดการด้วยตนเอง
ดังนั้นหยางเฉินจึงยุ่งงวดจนถึงเวลาเลิกงานแล้วถึงจะออกจากบริษัท
ขณะที่เขาเดินออกจากประตูบริษัท ก็เห็นรถเบนซ์ชั้นธุรกิจสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ข้างถนน
รถคันนี้เขาเคยเห็นมาหลายครั้งแล้ว เป็นรถของเย่ม่าน แม่ของฉินซี
“หยางเฉิน!”
เย่ม่านลงรถมามองหยางเฉินด้วยสีหน้าที่ซับซ้อนแล้วพูด “คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเธอจะเป็นราชาเจียงผิง หลอกฉันได้นะ!”
หยางเฉินย่อมรู้อยู่แล้วว่าเย่ม่านหมายความว่าอะไร
“หลอกคุณ?”
หยางเฉินหัวเราะอย่างเย็นชา “ผมไม่เคยพูดว่าผมเป็นใคร ทั้งหมดเป็นเพราะความทะนงตัว เอาตนเป็นที่ตั้งของคุณเองที่ไม่เห็นผมอยู่ในสายตา”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...
รอข้ามปี...