“อย่างแรก ฉันสามารถบอกคุณได้ว่า ยินยอมผูกมิตรกับตระกูลเย่ แต่การจัดการทุกเรื่องในเจียงผิงกับหนันหยัง ตระกูลเย่ห้ามเข้าไปแทรกแซง!”
หยางเฉินพูดอย่างเย็นชา
ไม่ว่าจะเป็นตระกูลหานหรือตระกูลเฉิน หรือตระกูลกวน ล้วนเป็นตระกูลที่เขาให้การสนับสนุนขึ้นมา
เขาไม่สนใจอำนาจในการควบคุมทั้งสองเมือง และจะไม่ทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว แล้วทำให้คนที่ติดตามและไว้วางใจเหล่านั้นต้องเสียใจ
ไม่ว่าจะเป็นคนใดคนหนึ่งในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู เมื่อได้ควบคุมเจียงผิงและหนันหยัง จะเกิดความวุ่นวายในท้องถิ่นมากมาย
ในเวลานั้น ตระกูลที่เคยมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน อาจจะถูกแทนที่ด้วยตระกูลใหม่
เมื่อเปลี่ยนสมัยราชวงศ์ก็ต้องเปลี่ยนข้าราชบริพาร นี่คือหลักความเป็นจริง!
“ตระกูลเย่ไม่เคยคิด ที่จะเข้าไปแทรกแซงเจียงผิงและหนันหยัง เพียงแค่ต้องการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคุณ แค่นั้นเอง เรื่องนี้ ฉันรับปากอยู่แล้ว!”
เย่ม่านยิ้ม แล้วพูดว่า “พูดเรื่องที่สองเลย!"
“เรื่องที่สอง เกี่ยวกับพ่อแท้ๆของเสี่ยวซี คุณห้ามบอกเสี่ยวซี” หยางเฉินพูดด้วยเสียงเคร่งขรึม
เย่ม่านไม่ลังเล ยิ้มอย่างเย็นชา “เรื่องนี้ มันสำคัญมาก ถ้าพ่อของฉันรู้เรื่องนี้ ไม่เพียงแต่ฉันไม่สามารถแก้แค้น แต่อาจตายโดยไร้ที่ฝัง ถ้าไม่ใช่เธอบังคับฉัน ฉันจะบอกเธอได้ยังไง? เรื่องนี้ ฉันก็รับปากเธอ!”
“คุณกลับไปรายงานได้เลย!” หยางเฉินพูดอย่างเย็นชา
พูดเสร็จแล้ว ก็วางสายไป
เพื่อไม่ให้เสี่ยวซีต้องมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เขาทำได้แค่ประนีประนอมกับเย่ม่าน
เพียงแต่ว่า ด้วยการทำเช่นนี้ ตระกูลเย่จะยอมละทิ้งผลประโยชน์ในเจียงผิงกับหนันหยังทั้งสองเมืองนี้ได้หรือ?
แปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู และตอนนี้ตระกูลเย่และตระกูลหวง ได้เข้าสู่เกมนี้แล้ว และลับๆยังมีตระกูลเศรษฐีในเยี่ยนตูจำนวนมาก ที่กำลังรอโอกาสเช่นกัน
เขารู้ว่า การตัดสินใจของเขา สำคัญมาก
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉินซีตื่นขึ้นด้วยอาการตาบวม เธอสงบสติอามรมณ์ได้มาก
“หรือว่า วันนี้คุณหยุดหนึ่งวัน”
หยางเฉินมองไปที่ดวงตาแดงและบวมของฉินซี และพูดอย่างสงสารจับใจ
ฉินซีส่ายหัว “เรื่องที่คุณทำมันวุ่นวายมาก ในช่วงไม่กี่วันนี้ ธุรกิจของบริษัทยุ่งมาก ถ้าไม่ไปบริษัท ฉันไม่วางใจ”
หยางเฉินแค่ลงมือครั้งแรกก็มีชื่อเสียงมาก เศรษฐีมากมายในสองเมือง เคารพและนับถือเขามาก ธุรกิจที่เขาบริหาร จะกลายเป็นเป้าหมายของเศรษฐีใหญ่ ที่จะแข่งขันกันเพื่อเข้าร่วมธุรกิจ
หยางเฉินจ้องมองฉินซี และเห็นว่ายกเว้นดวงตาที่แดงบวมเล็กน้อย ไม่มีความผิดปกติอื่นๆ แล้วเขาก็พยักหน้า
ตามปกติ หลังจากส่งเสี้ยวเสี้ยวแล้ว ก็ไปส่งฉินซี สุดท้ายก็กลับไปที่เยี่ยนเฉินกรุ๊ป
เขาเพิ่งเดินไปที่ประตูบริษัท มีชายชราคนหนึ่งใส่ชุดสูทและรองเท้าหนัง จู่ๆก็เดินเข้ามา
“สวัสดีครับคุณหยาง รบกวนเวลาคุณเล็กน้อย ขอคุยด้วยได้ไหมครับ?”
ชายชรายิ้ม วางท่าทางได้อ่อนน้อมมาก ใช้วิธีการพูดแบบสอบถาม
หยางเฉินเพิ่งลงจากรถ ก็สังเกตเห็นชายชราคนนี้แล้ว
ชายชราในชุดสูทและรองเท้าหนัง ไม่ว่าอยู่ตรงไหน ก็มีเสน่ห์ดึงดูดทุกคน
กุญแจสำคัญคือ จากร่างกายของชายชราคนนี้ หยางเฉินรู้สึกถึงออร่าที่ไม่เหมือนคนธรรมดาทั่วไป
คนประเภทนี้ ถ้าไม่ใช่คนร่ำรวยก็ต้องเป็นคนสูงส่ง น่าจะมาจากเยี่ยนตู
“จริงสิ ให้ฉันแนะนำตัวเองก่อน ผมแซ่เกา ชื่อสงคำเดียว เป็นพ่อบ้านของตระกูลหวงในเยี่ยนตู ครั้งนี้ได้รับคำสั่งจากเจ้าบ้าน เพื่อมาเจรจากับคุณหยาง”
เกาสงพูดด้วยรอยยิ้ม โดยอธิบายสถานะของตัวเอง และธุระที่มาในครั้งนี้
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หยางเฉินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ที่แท้ก็เป็นคนของตระกูลหวง ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขาได้ทำให้ทายาทสองคนของตระกูลหวง อับอายขายหน้าในที่สาธารณะ
ตอนนี้ ตระกูลหวงได้ส่งพ่อบ้านมาหาตัวเอง และท่าทางก็อ่อนน้อม ซึ่งทำให้เขาประหลาดใจมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...
รอข้ามปี...