คนในครอบครัวตระกูลอ้ายต่างก็นึกย้อนถึงอดีต เพราะเมื่อหลายปีก่อนมันมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นจริงๆ อ้ายชวนในมอบกิจการของตระกูลกว่าครึ่งหนึ่งให้กับอ้ายหมิงซวี่เป็นคนจัดการ
ในเวลานั้น ไม่มีใครรู้ว่าอ้ายชวนกำลังวางแผนจะสละตำแหน่งผู้นำของเขาแล้ว ดังนั้นเขาจึงส่งต่อธุรกิจของครอบครัวให้กับอ้ายหมิงซวี่
แต่หลังจากนั้น ไม่รู้ด้วยเหตุใด กิจการที่อ้ายหมิงซวี่รับผิดชอบต่างก็ขาดทุนย่อยยับกันหมด แต่ว่าสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เพราะกิจการทั้งหมดนั้นได้ฟื้นตัวและเป็นกำไรภายในชั่วข้ามคืน
ซึ่งนับจากนั้นเป็นต้นมา อ้ายชวนก็ได้ยึดกิจการส่วนหนึ่งของอ้ายหมิงซวี่กลับไป
แต่ถึงอย่างนั้น อ้ายหมิงซวี่ยังคงรับผิดชอบกิจการที่ใหญ่ที่สุดและหลากหลายที่สุดของครอบครัวตระกูลอ้ายอยู่ดี
หลังจากได้ฟังคำอธิบายของอ้ายชวนแล้ว พวกเขาก็ตระหนักได้ว่า ที่ผ่านมา การที่อ้ายชวนทำเช่นนี้ก็เพื่อจะฝึกฝนอ้ายหมิงซวี่อยู่เบื้องหลัง
“ไม่! พ่อโกหกผม ในสายตาพ่อ ผมก็แค่คนไร้ค่า ไม่คู่ควรที่จะเป็นลูกชายพ่อเลยด้วยซ้ำ พ่อแค่ไม่อยากมอบตำแหน่งผู้นำตระกูลอ้ายให้ผม ถึงได้ทำแบบนี้”
“พ่ออยู่ในตำแหน่งหัวหน้าตระกูลมานานเกินไป พ่อคุ้นเคยกับตำแหน่งสูงส่งนี้แล้ว พ่อก็เลยไม่เต็มใจที่จะมอบให้คนอื่น”
อ้ายหมิงซวี่ตวาดด้วยดวงตาสีแดงของเขา ราวกับว่าเขาบ้าไปและยอมรับความจริงไม่ได้
แต่อ้ายชวนนั้นกลับรู้สึกใจสลาย เพราะนี่คือลูกชายของเขา แล้วเขาจะคิดว่าลูกชายของตนเป็นคนไร้ค่าได้อย่างไร?
และทำไมถึงไม่ยอมมอบตำแหน่งผู้นำให้กับอ้ายหมิงซวี่สักที?
ความจริงแล้วเขาไม่ได้หวังให้อ้ายหมิงซวี่ดีเลิศประเสริฐเลย ขอแค่อ้ายหมิงซวี่สามารถประคับประคองกิจการของตระกูลอ้ายไปได้โดยปราศจากความช่วยเหลือจากเขา แค่นี้เขาก็พอใจแล้ว
เพียงแต่ว่าอ้ายหมิงซวี่นั้นทำไม่ได้เลยแม้แต่นิด นั่นจึงเป็นเหตุที่ทำให้เขาต้องทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจเพื่อดูแลและคิดหาวิธีในการอุดรอยรั่วของตระกูลอ้ายต่อไป
และทั้งหมดนี้ก็เพื่ออ้ายหมิงซวี่และครอบครัวตระกูลอ้าย
แต่ในสายตาของอ้ายหมิงซวี่กลับคิดว่าเขาเป็นคนบ้าอำนาจ
“พ่อคะ พ่อหยุดหลอกตัวเองและหยุดหลอกคนอื่นได้แล้ว พ่อรู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่คุณปู่พูดนั้นเป็นความจริง ทำไมพ่อไม่เคยยอมรับความผิดพลาดของพ่อเลย?”
อ้ายหลินตะโกนออกไปทั้งน้ำตา
และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่อ้ายหลินแสดงด้านที่เปราะบางของเธอต่อหน้าคนของตระกูลอ้าย
หม่าชาวไม่รู้ว่าตัวเองควรพูดอะไร ได้แต่จับมืออ้ายหลินแน่นๆ เพื่อเป็นกำลังใจให้กับเธอ
“แกหุบปากไปซะ!”
“แกก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกไล่ออกจากบ้าน จะรู้เรื่องอะไร?”
“ไปเลย ไสหัวไปจากที่นี่ให้พ้น! แล้วอย่ากลับมาที่บ้านตระกูลอ้ายอีก!”
อ้ายหมิงซวี่ที่ยอมรับความจริงไม่ได้และในใจก็อึดอัดเต็มทนอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำพูดของอ้ายหลิน เขาก็เจอที่ระบายและทันใดนั้นก็ตะโกนออกมา
“แกคิดว่าถ้าแกสละอ้ายหลินไป แล้วแกจะพาตระกูลอ้ายผ่านพ้นวิกฤตใหญ่ที่แกคิดได้งั้นเหรอ?”
“ข้าจะบอกแกนะ ถ้าตระกูลอ้ายมีอ้ายหลินอยู่ เราจะอยู่ได้เป็นร้อย ๆ ปี แต่ถ้าตระกูลอ้ายตกอยู่ในมือของแก ไม่ช้าก็เร็วเราจะพินาศ!”
อ้ายชวนพูดอย่างเย็นชา
ซึ่งในครั้งนี้ เขาผิดหวังในตัวของอ้ายหมิงซวี่อย่างที่สุดแล้ว ผู้ชายที่ไม่กล้าแม้แต่จะยอมรับผิดของตน แล้วคนแบบนี้จะประสบความสำเร็จได้อย่างไร?
“ก็แค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง พ่อจะประเมินค่ามันสูงไปหน่อยไหม?”
“ในเมื่อพ่อดูถูกผมแบบนี้ งั้นผมขอพิสูจน์ให้พ่อดูแล้วกัน ว่าการที่ไม่มีมัน ตระกูลอ้ายของเราจะถึงคราวพินาศอย่างที่พูดหรือไม่!”
“ผมจะใช้ความจริงมาพิสูจน์ให้เห็นเองว่า ต้องเป็นผมคนเดียวเท่านั้น ถึงจะนำพาตระกูลอ้ายไปสู่ความรุ่งโรจน์ได้!”
อ้ายหมิงซวี่กัดฟันพูด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...
รอข้ามปี...