The king of War นิยาย บท 609

สรุปบท บทที่ 609 ท้าทายตระกูลซ่ง: The king of War

สรุปตอน บทที่ 609 ท้าทายตระกูลซ่ง – จากเรื่อง The king of War โดย เสี้ยวอ้าวอวี๋เซิง

ตอน บทที่ 609 ท้าทายตระกูลซ่ง ของนิยายใช้ชีวิตเรื่องดัง The king of War โดยนักเขียน เสี้ยวอ้าวอวี๋เซิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

“สุภาพบุรุษท่านนี้ครับ ต้องขออภัยด้วยนะครับ ผมต้องขอโทษแทนน้องสามของผมแล้วนะครับ โปรดอย่าถือสาเขาเลยครับ!”

ในเวลานี้ ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับชายวัยกลางคนในชุดสามัญชนโบราณ

ด้วยคำพูดของเขา มันได้แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับซ่งหวาตงคนนี้

ซ่งหวาตงเรียกซ่งหวายี่ว่าพี่รอง แล้วชายหนุ่มคนนี้เรียกซ่งหวาตงว่าน้องสาม ซึ่งก็แสดงให้เห็นถึงสถานะของพวกเขาได้อย่างชัดเจน

“พี่ใหญ่ ช่วยผมด้วย!”

เมื่อซ่งหวาตงเห็นชายหนุ่มคนนั้น เขาแทบจะร้องไห้ออกมาและรีบร้องขอความช่วยเหลือ

“พี่ใหญ่ครับ!”

ซ่งหวายี่ก็เดินเข้ามาทักทาย

แต่อีกฝ่ายไม่ได้ตอบกลับ ได้แต่จับจ้องไปที่หยางเฉิน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขากำลังรอคำตอบจากหยางเฉิน

และหยางเฉินก็ไม่รีบร้อนจะลงมือกับใคร เขาได้แต่มองไปที่ชายหนุ่มคนนั้นด้วยรอยยิ้ม แต่ออร่าของชายหนุ่มอายุราวสามสิบปีคนนี้แตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไปมาก นอกจากนี้ ในร่างของชายวัยกลางคนในชุดสามัญชนโบราณที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาก็แผ่ออร่าของความแข็งแกร่งออกมา ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขาเป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง

ณ เวลานี้ การแข่งขันบนเวทีสังเวียนของคลับหวงจินยังคงดำเนินต่อไป ไม่มีใครมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นด้านล่างเวทีนี้ ดูเหมือนว่าทุกอย่างไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแข่งขันบนสังเวียนเลย

“ซ่งหวาเหว่ย ลูกชายคนโตของทายาทรุ่นที่สามในตระกูลซ่ง!”

“ว่ากันว่าเขาเป็นคนที่มีโอกาสที่จะได้รับตำแหน่งผู้สืบสกุลของตระกูลซ่งมากที่สุด”

“สามปีติดต่อกันแล้วที่คนของเขาได้รับรางวัลสามอันดับแรกในคลับหวงจิน”

“และถ้าหากไม่มีเหตุสุดวิสัย ครั้งนี้คนของเขาก็จะอยู่ในสามอันดับแรก ส่วนเขาก็ได้รับการสถาปนาให้เป็นผู้สืบสกุลในรุ่นที่สามของตระกูลซ่งในปีนี้”

ผู้คนมากมายรู้จักสถานะตัวตนของซ่งหวาเหว่ยและเริ่มซุบซิบกันไม่หยุด

“หวายี่ ยังไม่รีบแนะนำสุภาพบุรุษท่านนี้ให้พี่รู้จักอีก?” ซ่งหวาเหว่ยพูดขึ้นอย่างกะทันหัน

ซ่งหวายี่ถึงจะตั้งสติได้และรีบพูดขึ้นว่า “พี่ใหญ่ครับ ท่านนี้คือเพื่อนของผม แกชื่อหยางเฉินครับ”

จากนั้นก็แนะนำกับหยางเฉินว่า “คุณหยางครับ ท่านนี้ชื่อซ่งหวาเหว่ย เป็นพี่ชายคนโตของผมเองครับ!”

“คุณหยางครับ คุณปล่อยน้องสามผมไปสักครั้ง ถือว่าผมติดหนี้บุญคุณของคุณ จากนี้ไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณในเมืองเยี่ยนตู คุณสามารถมาขอความช่วยเหลือจากผมได้” ซ่งหวาเหว่ยพูดอย่างมั่นใจ

จากนั้น ก่อนที่จะได้รับการยินยอมจากหยางเฉิน เขาก็หันไปออกคำสั่งกับชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเขา “พาหวาตงไป!”

“ครับ!” ชายวัยกลางคนในชุดสามัญชนโบราณรีบก้าวออกมาข้างหน้า

แต่ก่อนที่เขาจะมาถึงตัวของซ่งหวาตง หยางเฉินก็ได้ยืนอยู่ตรงหน้าหยางเฉินแล้วพูดกับซ่งหวาเหว่ยอย่างติดตลกว่า “น้องสามคุณจะฆ่าผม แต่คุณเอาน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ นี้มาแลกกับชีวิตงั้นเหรอ?”

“ก็คุณฆ่านักมวยของเขาไปแล้วไม่ใช่เหรอ?” ซ่งหวาเหว่ยยังคงใจเย็นและพูดอย่างเฉยเมย

“ถ้าผมเป็นคนธรรมดาทั่วไป ผมว่าคงถูกน้องสามคุณฆ่าไปแล้วล่ะ?”

“ตอนเขาพยายามจะฆ่าผม คุณไม่ได้ปรากฏตัว แต่รอจนกว่าผมกำลังจะฆ่าเขา คุณถึงได้ปรากฏตัวออกมา”

“แล้วตอนนี้คุณยังขอให้ผมไว้ชีวิตเขา คุณคิดว่ามันเหมาะสมไหมล่ะ?”

หยางเฉินถามด้วยรอยยิ้ม

ซ่งหวาเหว่ยเริ่มรู้สึกถึงความไม่ปรกติ และคำพูดของหยางเฉินก็ทำให้เขาขมวดคิ้วขึ้น

“แล้วต้องทำยังไงคุณหยางถึงจะปล่อยน้องชายผมไปล่ะครับ?”

ซ่งหวาเหว่ยรู้สึกถึงภูมิหลังที่ไม่ธรรมดาของหยางเฉิน เขาจึงถามอย่างจริงจัง

“สำหรับคนที่จงใจจะฆ่าผมนั้นมีสองประเภท หนึ่งคือฆ่าผมให้ตาย สองคือถูกผมฆ่าตาย!”

หยางเฉินพูดอย่างเย็นชา

ทันทีที่พูดจบ เขาก็เดินเข้าไปเหยียบหน้าอกของซ่งหวาตง

“พี่ใหญ่ ช่วยผมด้วย!”

เมื่อสัมผัสถึงแรงอันทรงพลังจากเท้าของหยางเฉิน ในที่สุดซ่งหวาตงก็เชื่อแล้วว่าหยางเฉินกล้าที่จะฆ่าเขาจริงๆ และเขาก็รู้สึกหวาดกลัวในทันใด

“ปล่อยเขานะ!”

ซ่งหวาเหว่ยพูดอย่างเย็นชาและไฟแห่งความโกรธก็เปล่งประกายใจดวงตาของเขา

“ถ้าผมไม่ปล่อยล่ะ?”

ผู้คนที่รู้จักซ่งหวาตงถึงกับตกใจและคิดว่าหยางเฉินบ้าไปแล้ว ทำไมถึงกล้าทรมานคนของตระกูลซ่งต่อหน้าซ่งหวาตงแบบนี้ นี่มันรนหาที่ตายชัดๆ!

และในขณะนี้ เสียงคร่ำครวญอันเจ็บปวดของซ่งหวาตงก็ดังไปทั่วทั้งเวทีมวย

“โอ๊ย ผมผิดไปแล้ว ผมผิดไปแล้วจริงๆ ปล่อยผมไปเถอะครับ วันหลังผมไม่กล้าเดินชนคุณอีกแล้ว ผมจะเดินอ้อมคุณครับ!” ซ่งหวาตงถึงกับร่ำไห้วิงวอนขอความเมตตา

และสีหน้าของซ่งหวาเหว่ยก็น่าเกลียดจนถึงขีดสุด การที่ซ่งหวาตงวิงวอนขอความเมตตาแบบนี้ มันไม่ใช่แค่การทำให้เขาเสียหน้า แต่ทำให้คนทั้งตระกูลซ่งต้องอับอายขายหน้าไปด้วย

“แต่เสียดายนะ ในโลกนี้ไม่มียาแก้รักษาโรคเสียใจภายหลัง”

หยางเฉินพูดด้วยเสียงทอดถอนใจ

เมื่อเสียงพูดของเขาลดลง เท้าของเขาก็ขยับออกจากศีรษะของซ่งหวาตง และทุกคนก็คิดว่าเขาปล่อยซ่งหวาตงไปแล้ว

ซ่งหวาตงจึงรีบล้มลุกคลุกคลานเพื่อไปหาซ่งหวาเหว่ย

“บูม!”

แต่ในขณะที่เขาวิ่งออกไป ทันใดนั้นก็เหมือนมีรถบรรทุกหนักชนเข้าจากด้านหลัง และในขณะที่ทุกคนตะลึงงันกันอยู่ ร่างของซ่งหวาตงก็กระเด็นออกไปหลายเมตร

ในระหว่างที่เขาลอยอยู่บนอากาศนั้น เขากระอักเลือดอย่างเต็มปาก และหลังจากที่ร่วงหล่นไปบนพื้นเขาก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ อีก

“ตายแล้ว?”

ผ่านไปครู่หนึ่ง มีคนเริ่มตั้งสติจากอาการตกใจได้และพูดด้วยความเหลือเชื่อ

ซ่งหวายี่ก็แข็งทื่อไปทั้งตัว และสีหน้าก็เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อเช่นกัน

และดวงตาอันงดงามของซ่งหวาหย่าก็เต็มไปด้วยความตกใจ เธอได้แต่เอามือปิดปากไว้เพราะกลัวจะกรี๊ดลั่นออกมา

ส่วนใบหน้าอันหล่อเหล่าของซ่งหวาเหว่ยก็เต็มไปด้วยความโกรธ การฆ่าซ่งหวาตงต่อหน้าเขานั้น ไม่ใช่แค่การดูถูกเขา แต่เป็นการท้าทายคนทั้งตระกูลซ่ง

ถ้าไม่ให้หยางเฉินชดใช้ในเรื่องนี้ เขาคงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนอีก

ภาพของหยางเฉินที่เตะซ่งหวาตงกระเด็นทำให้ติดตาทุกคน

และหลังจากที่เงียบไปชั่วครู่ ฉากที่เดือดพล่านก็ทำให้เสียงตะโกนโห่ร้องและเสียงเชียร์ดังก้องไปทั่วทั้งเวทีมวย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War