เมื่อคนในตระกูลซ่ง ไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไรอีก
“ได้ ในเมื่อไม่มีข้อโต้แย้งอะไรกันแล้ว ถ้าอย่างงั้นก็ไปพาเด็กคนนั้นมาที่ตระกูลซ่ง ฉันจะใช้เลือดของเขา เพื่อสังเวยฉันซ่งหวาตง!”
ซ่งชิงซานพูดด้วยใบหน้าโหดเหี้ยม จากนั้นสายตาก็ไปตกอยู่บนตัวของซ่งหวาเหว่ย“เมื่อคืน เขาทำให้แกได้รับความอับอาย ถ้างั้นวันนี้ แกก็พาตระกูลผู้แข็งกล้า ไปจับตัวเด็กคนนั้นมา!”
“ครับ คุณปู่!”
ใบหน้าของซ่งหวาเหว่ยเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
หยางเฉินไม่รู้ว่า ตระกูลซ่งตัดสินใจ จะลงมือจัดการกับเขา ตอนนี้เขากำลังอยู่ในห้องทำงานของประธานที่ชั้นบนสุดของเยี่ยนเฉินกรุ๊ป
ในมือของเขา ถือเอกสารไว้หลายฉบับ เขากำลังอ่านพลิกอ่าน
“คิดไม่ถึงว่า สามคนนี้ จะเป็นคนมีความสามารถ”
ในที่สุดหยางเฉินก็พลิกอ่านเอกสารจนจบ แล้วโยนเอกสารในมือทิ้งบนโต๊ะทำงาน
ลั่วปิงซึ่งยืนอยู่ข้างหน้าเขาและไม่กล้าพูด ก็กล่าวขึ้นมาอย่างรวดเร็วว่า“โดยเฉพาะหลี่ไห่หรง ถ้าพูดถึง น่าจะถือได้ว่าเป็นรุ่นพี่ของผมครับ เป็นผู้หญิงที่มีความสามารถด้านธุรกิจยอดเยี่ยมเลยครับ”
“ตอนนั้น ถ้าเธอไม่ได้แต่งเข้าตระกูลซ่ง เกรงว่าเธอในตอนนี้ คงจะเป็นประธานสาวที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติไปแล้วครับ”
“ได้ยินมาว่า สาเหตุที่ซ่งเหล่ยสามีของเธอ สามารถสืบทอดเป็นทายาทรุ่นที่สองได้ ก็เพราะการสนับสนุนของผู้หญิงคนนี้ทั้งหมด ”
“ขอแค่เป็นธุรกิจที่ซ่งเหล่ยรับผิดชอบ จะไม่มีธุรกิจไหนที่ขาดทุนเลย และทุกอย่างที่ว่ามานั้น เป็นเพราะหลี่ไห่หรงผู้หญิงคนนี้ทั้งหมด”
ลั่วปิงพูดด้วยสีหน้าสะท้อนใจ
เอกสารที่อยู่ในมือของหยางเฉินเมื่อครู่ เป็นเอกสารที่ลั่วปิงได้รับมาทั้งหมด ซึ่งเป็นผลงานในช่วงที่สามคนนี้รุ่งโรจน์
นอกจากหลี่ไห่หรงแล้ว ซ่งหวายี่กับซ่งหวาหย่า ยังเป็นผู้มีพรสวรรค์มีการศึกษาสูง มีความสามารถ ในด้านบริหารจัดการมาก
นอกจากซ่งหวาหย่าคนเดียว ที่มีความบกพร่องไปเล็กน้อย แต่เธอก็ยังเป็นนักเรียนหญิงที่ได้รับการแจ้งการรับเข้าเรียนจากมหาวิทยาลัยต่างประเทศที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง และเธอก็มีความสามารถมากเช่นกัน
เพียงแต่เมื่อเทียบหลี่ไห่หรงกับซ่งหวายี่แล้ว มันไม่ได้โดดเด่นขนาดนั้นเอง
นอกจากนี้ยังมีการติดต่อกับซ่งหวายี่และซ่งหวาหย่า ทั้งสองคนเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับมิตรภาพและศีลธรรมมาก
อีกทั้ง เขายังคาดเดาชะตากรรมของซ่งหวายี่ได้อีกด้วย ดังนั้นหลังจากที่คุกเข่าอยู่ที่หน้าประตูของตระกูลซ่งทั้งคืน เขาจึงส่งคนไปรับคนที่ตระกูลซ่ง
“ท่านประธานครับ ถ้าคุณสามารถใช้ประโยชน์จากสามคนนี้ การพัฒนาของเยี่ยนเฉินกรุ๊ป ก็จะไปได้อย่างรวดเร็วขึ้น โดยเฉพาะหลี่ไห่หรง เธอเคยอยู่ต่างประเทศมาก่อน และก่อตั้งบริษัทขึ้นมาด้วยตัวของเธอเอง”
“ถ้าไม่ได้แต่งงาน ไม่แน่เธออาจจะอยู่ต่างประเทศถาวรก็เป็นได้ สำหรับการบริหารจัดการธุรกิจในต่างประเทศ”
“ขอแค่เธอตกลง ผมแนะนำให้ส่งเธอไปเปิดตลาดที่ต่างประเทศครับ”
ลั่วปิงพูดอย่างตื่นเต้น
เย่เฉินเอ่ยถามลั่วปิงด้วยสีหน้าแปลกๆ“คุณกับเธอ คงไม่ได้มีอะไรกันหรอกนะ?”
เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วปิงถึงกับอึ้งตกตะลึง
ผ่านไปนานถึงได้สติกลับมา ใบหน้าของลั่วปิงแดงก่ำ เธอไม่กล้าปิดบัง พูดอย่างตรงไปตรงมา“ตอนนั้น ผมเคยแอบรักเธอมาก่อน เป็นความรู้สึกที่แอบรักเท่านั้น เกรงว่าเธอน่าจะไม่รู้ ว่ายังมีเพื่อนนักเรียนอย่างผมด้วย”
หยางเฉินทำท่าเหมือนเข้าใจ ลั่วปิงยิงรู้สึกเขินมากยิ่งขึ้น
ในเวลานี้เอง ประตูของห้องทำงานของถูกเคาะขึ้น เสียงของเลขาดังลอดเข้ามา“ท่านประธานคะ คุณนายหลี่พวกเขามาแล้วค่ะ!”
“ให้พวกเขาเข้ามา!”
หยางเฉินเอ่ยปากพูดขึ้น
ทันใดนั้น ประตูของห้องทำงานของถูกเปิดออก ใบหน้าอันคุ้นเคยสองคน และยังมีใบหน้าของหญิงชั้นสูงแปลกหน้าก็ปรากฏขึ้น
“คุณหยาง!”
เมื่อซ่งหวายี่เห็นหยางเฉิน เขาก็ทักทายอย่างนอบน้อม
ใบหน้าของซ่งหวาหย่าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แต่แม่ของตนอยู่ที่นี่ เธอจึงแสดงออกมาไม่ได้ แต่ใบหน้าเผยให้เห็นความเขินอาย แล้วพูดเบาว่า“พี่หยางคะ!”
หยางเฉินพยักหน้าเบาๆ แล้วสายตาของไปตกอยู่บนตัวของหลี่ไห่หรง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...
รอข้ามปี...