สามีภรรยาทั้งสองคนหนึ่งนอนอยู่ด้านซ้ายของเสี้ยวเสี้ยว ส่วนอีกคนก็นอนอยู่ด้านขวาของเสี้ยวเสี้ยว
หยางเฉินพยายามนอนขยับไปนอนอยู่ที่ขอบเตียงเพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดของฉินซี
บรรยากาศในห้องนอนเงียบมาก เหลือเพียงเสียงหายใจที่แผ่วเบาเท่านั้น
แต่หยางเฉินไม่สามารถนอนหลับได้ เพราะในห้องมีกลิ่นหอมจางๆ ซึ่งเหมือนกับกลิ่นที่อยู่บนร่างกายของฉินซี และมันก็ทำให้หยางเฉินผู้มีเลือดอันเร่าร้อนยากที่จะนอนอยู่เฉยๆ ได้
ส่วนอีกด้านหนึ่ง ฉินซีก็นอนไม่หลับเช่นกัน ตั้งแต่เธอเติบโตเป็นผู้ใหญ่ และนอกจากค่ำคืนที่ผ่านลมผ่านฝนกับหยางเฉินเมื่อห้าปีก่อน นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอนอนกับผู้ชายบนเตียงเดียวกัน
ตีห้าของวันรุ่งขึ้น หยางเฉินตื่นนอนอย่างตรงเวลา หลายปีแห่งการรับราชการทหารกลายเป็นนิสัยและความเคยชินของเขาไปแล้ว
เขาลืมตาและเตรียมตัวที่จะตื่นไปออกกำลังกายตอนเช้า แต่จู่ ๆ ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างกดทับร่างกายเขาไว้
แสงสลัวส่องเข้ามาในห้องผ่านหน้าต่างกระจก หยางเฉินก้มศีรษะลงและได้เห็นใบหน้าอันงดงามพร้อมกับเส้นผมยาวปลิวไสวอยู่ด้านหลังศีรษะของเธอ
ฉินซีกำลังนอนอยู่บนแขนของหยางเฉิน โดยที่แขนข้างหนึ่งของเธอโอบรอบคอของหยางเฉินไว้เหมือนตัวโคอาล่าที่เกาะอยู่บนแขนของเขา
จากนั้นเขามองไปที่เสี้ยวเสี้ยว ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเด็กน้อยนอนกลิ้งไปอยู่ใต้เท้าของพวกเขาตั้งแต่เมื่อไหร่
หยางเฉินก็ถือว่าเป็นชายหนุ่มไฟแรงที่มีอายุ 27 เท่านั้น เมื่อสาวสวยอย่างฉินซีมาเกาะอยู่บนร่างกายของเขา แถมยังเป็นช่วงเวลาตอนเช้าตรู่ที่มีพละกำลังมากที่สุดอีกด้วย ซึ่งภาพอันงดงามนี้มันช่างเป็นภาพที่ทรมานหยางเฉินอย่างหาที่เปรียบไม่ได้จริงๆ
หยางเฉินพยายามสงบสติอารมณ์และดูให้ชัดเจนอย่างซ้ำไปซ้ำมาว่าเขายังนอนอยู่ที่เดิม จากนั้นเขาถึงจะรู้สึกโล่งใจ
ฉินซียังคงนอนหลับอย่างสบายและไม่ได้ว่าเธอจะตื่นมาเมื่อไหร่ ดังนั้นวันนี้จึงเป็นครั้งแรกที่หยางเฉินงดออกกำลังกายตอนเช้าในตลอดห้าปีที่ผ่านมา
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนกว่าฉินซีจะตื่นขึ้นมา เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นและเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยอยู่ห่างจากเธอไม่ถึงสิบเซนติเมตร ไม่เพียงแค่นั้นยังมีลมหายใจเฮือกใหญ่ของผู้ชายกระทบเข้ากับใบหน้าของเธออย่างอบอุ่นอีกด้วย
นอกจากนี้เธอยังรู้สึกถึงความอบอุ่นของทั้งแขนและขาของเธอที่สัมผัสกับร่างกายของเขาคนนั้น จากนั้นเธอตกใจและผลักหยางเฉินออกไปทันที
“ไอ้บ้า คุณคิดจะทำอะไรฉัน?” ฉินซีพูดด้วยความเขินอาย
หยางเฉินผู้ซึ่งแกล้งหลับมาตั้งนานก็ไม่สามารถแกล้งได้อีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงลืมตาขึ้น
“เสี่ยวซี คุณพูดอะไรเหรอ?” หยางเฉินแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เขาขยี้ตาที่ดูเหมือนเพิ่งตื่นราวกับว่าเขาไม่รู้อะไรเลยจริงๆ
ฉินซีแสดงปฏิกิริยาที่ชัดเจนทันที เมื่อเห็นท่าทีที่งงงันของหยางเฉิน ความโกรธในใจของเธอก็ค่อยๆ ลดลง จากนั้นเธอเหลือบมองเห็นลูกสาวที่นอนอยู่ใต้เท้าของเธอ และมองกลับมาที่หยางเฉินที่ยังคงนอนอยู่บนขอบเตียงอีกครั้ง
ความรู้สึกของเธอเหมือนเพิ่งลืมตาขึ้นอีกครั้ง ทันใดนั้นเธอก็ตระหนักได้ว่าไม่ใช่หยางเฉินที่ฉวยโอกาสทำอะไรเธอ แต่เป็นเธอเองต่างหากที่เข้าไปซบอยู่ในอ้อมแขนของหยางเฉิน เมื่อทุกอย่างชัดเจนแล้วฉินซีก็รู้สึกเขินอายและหน้าแดงขึ้นมาทันที
“เสี่ยวซี คุณฝันร้ายเหรอ?” หยางเฉินแสร้งทำเป็นกังวล
ฉินซีจ้องไปที่หยางเฉินอย่างดุเดือดและกัดฟันพูด “ใช่! ฉันฝันว่าไอ้คนบ้าอย่างคุณคิดจะอนาจารฉัน!”
หลังจากฉินซีทิ้งท้ายด้วยคำนี้เธอก็ตื่นไปล้างหน้าแปรงฟันทันที
หยางเฉินได้แต่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก โชคดีที่เขาแกล้งหลับ ไม่อย่างนั้นคงอธิบายยากแน่นอน
จากนั้นครอบครัวทั้งสามก็ลงมาที่ชั้นล่างและได้เห็นโจวยู่ชุ่ยกำลังนั่งดูทีวีอยู่ ฉินซีเดินเข้าไปในห้องครัวและพบว่าอาหารถูกกินจนหมดแล้ว เหลือเพียงชามเปล่าที่ใช้แล้ววางไว้ในอ่างล้างจานเท่านั้น
เดิมทีในบ้านมีแม่บ้านคนหนึ่งที่คอยทำอาหารเช้าให้ แต่แม่บ้านทนนิสัยของโจวยู่ชุ่ยไม่ได้จึงขอลาออกไป
หลังจากนั้นโจวยู่ชุ่ยก็รับหน้าที่ทำอาหารในทุกเช้า เมื่อฉินซีเห็นชามเปล่าที่ใช้แล้วเธอก็รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
เห็นได้ชัดว่าในห้องครัวมีร่องรอยการทำอาหารเช้า แต่มันกลับไม่มีอาหารเหลือไว้เลย ซึ่งก็มั่นใจได้ว่าโจวยู่ชุ่ยทำในส่วนของเธอคนเดียวอย่างแน่นอน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...
รอข้ามปี...