The king of War นิยาย บท 65

ฉินซีขมวดคิ้ว เพราะเธอไม่ค่อยมีเพื่อนเก่าในสมัยวัยรุ่นเลย ต่อให้มีก็เป็นเพื่อนผู้หญิงทั้งนั้น แต่ถ้าตามที่เลขาพูดแล้ว คนที่มาขอพบนั้นเขาเป็นผู้ชาย

“ให้เขาเข้ามาเลย!”

ฉินซีครุ่นคิดอยู่สักพัก เธออยากรู้ว่าใครกันแน่ที่กล้ามาอ้างว่าเป็นเพื่อนในสมัยอดีตของเธอ แถมยังกล้าอ้างว่ามาคุยเรื่องสัญญาความร่วมมีอีกด้วย

จากนั้นไม่นานเลขาก็พาร่างที่ค่อนข้างคุ้นเคยเข้ามาในห้อง

“ประธานฉิน เราเจอกันอีกแล้วนะครับ” เมื่อเห็นฉินซี ชายหนุ่มก็พูดด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน

“คุณเองเหรอที่บอกว่าเป็นเพื่อนสมัยก่อนของฉัน? ยังกล้าโกหกเลขาของฉันว่ามาคุยเรื่องสัญญาอีกด้วย?” ฉินซีถามอย่างตรงไปตรงโดยที่ไม่มีการอ้อมค้อม

เธอเคยพบชายคนนี้สองครั้งแล้ว ครั้งเจอกันที่งานเซ็นสัญญาที่ฉินซื่อกรุ๊ปที่เธอไปกับหยางเฉิน ส่วนครั้งที่สองเธอเจอเขาเมื่อคืนนี้ที่ร้านอาหารซูจี้

สำหรับฉินซีแล้ว ถ้าไม่ใช่คนสำคัญจริงๆ เธอจะไม่ทำความรู้จัก ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าชายคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านั้นชื่ออะไรมาจากไหน

ชายหนุ่มยิ้มพูด “ประธานฉินครับ ที่ผมมาวันนี้ ผมตั้งใจมาคุยเรื่องงานจริงๆ นะครับ กรุณาอย่าเพิ่งเข้าใจผมผิดนะครับ”

เมื่อได้ยินว่าเขามาเพื่อคุยเรื่องงาน ความโกรธในใจฉินซีก็ค่อยๆ จางลงจนเหลือเพียงความรู้สึกผิดเท่านั้น “ขออภัยด้วยนะ ไม่ทราบว่าคุณมีนานว่า?”

“หยางเวยครับ หยางที่แปลว่าต้นไม้ เวยที่เป็นว่าสง่าผ่าเผยครับ” หยางเวยพูดด้วยท่าทีที่ดูเหมือนนายน้อยคนหนึ่ง

ต้องยอมรับว่าหยางเวยเป็นชายหนุ่มที่อ่อนโยนมาก อย่างน้อยก็เห็นได้จากการแสดงออกของเขา

ในขณะนี้ไม่มีเวลาที่จะจินตนาการไปมากกว่านี้ ชายหนุ่มมองฉินซีด้วยความใสสะอาด

“คุณมาหาฉันเรื่องความร่วมมือเหรอ แล้วมันคือเรื่องอะไรคะ?” ฉินซีถามเบาๆ

“ประธานฉินน่าจะรู้จักฉิงเหอกรุ๊ปในเมืองโจวเฉิงนะครับ เป็นบริษัทในเครือของตระกูลหยางของผมเองครับ เมื่อไม่นานที่ผ่านมานี้เราได้ขยายตลาดเข้าสู่ตลาดของเจียงโจวแล้วครับ”

หยางเวยพูดด้วยรอยยิ้ม “แต่ตระกูลหยางเป็นตระกูลที่อยู่ระดับต้นๆ ของเมืองโจวเฉิง ดังนั้นการขยายตลาดเข้ามาเจียงโจวตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบันยังไม่มีใครสามารถทำการร่วมมือกับพวกเราได้เลยครับ เพราะฉะนั้นเราจึงอยากได้พันธมิตรที่พอมีคุณสมบัติในการร่วมมือกับเราได้ครับ”

แม้ว่าทัศนคติของหยางเวยจะอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างมาก แต่ถ้าฟังจากคำพูดและความหมายแล้วก็สามารถรู้ว่าเขากำลังแสดงถึงความแข็งแกร่งของตระกูลหยางของเขาอยู่

เดิมทีฉินซีรู้สึกมีความสนใจเกี่ยวกับความร่วมมือที่หยางเวยพูดถึง แต่หลังจากได้ยินคำพูดที่เย่อหยิ่งของเขาแล้ว ความสนใจของเธอก็ลดลงทันที

“ดังนั้น คุณคิดว่า ซานเหอกรุ๊ปมีคุณสมบัติที่จะเป็นพันธมิตรของตระกูลหยาง?” ฉินซีถามเขา

หยางเวยยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ในสายตาผม สถานะของซานเหอกรุ๊ปนั้นไม่ได้อยู่สูงมากนัก แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะถ้าตระกูลหยางของเราได้ร่วมมือกับซานเหอกรุ๊ปแล้วล่ะก็ สถานะของซานเหอกรุ๊ปก็จะสูงตามไปด้วยอย่างแน่นอน”

“คุณหมายความว่า การที่เราได้ร่วมมือกับบริษัทระดับต้นๆ จากต่างเมืองจะทำให้เรามีชื่อเสียงและมีกำไรมากกว่าการที่เราร่วมมือกับบริษัทระดับต้นๆ ของประเทศอย่างบริษัทเยี่ยนเฉินกรุ๊ปงั้นเหรอคะ?” ฉินซีหรี่ตาแล้วถามเขา

หยางเวยมาที่เจียงโจวครั้งนี้ก็เพื่อมาเปิดตลาดที่เจียงโจวก็จริง แต่การที่มาหาฉินซีเพื่อมาหารือเกี่ยวกับความร่วมมือนั้น เขาตั้งใจมาหาตัวของฉินซีมากกว่า

อีกอย่างเขาไม่ได้รู้อะไรมากมายเกี่ยวกับบริษัทซานเหอกรุ๊ปด้วย

“เปล่าหรอกครับ บริษัทเยี่ยนเฉินกรุ๊ปเป็นถึงองค์กรที่มีชื่อเสียงระดับต้นๆ ของประเทศ ไม่เพียงแต่นั้น พวกเขายังมีชื่อเสียงไปถึงระดับโลกแล้วด้วย ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังมีเบื้องหลังที่เป็นตระกูลอวี่เหวินแห่งแปดตระกูลแห่งเย็นตูอีกด้วย ดังนั้นตระกูลหยางของเราไม่มีทางเทียบกับเขาได้หรอกครับ” หยางเวยยังเข้าใจถึงสถานะของตนดี

ฉินซีหัวเราะอย่างเย็นชา “ในเมื่อคุณรู้ทุกอย่างแล้ว ถ้าอย่างนั้นคุณก็น่าจะรู้ว่าซานเหอกรุ๊ปได้ร่วมมือกับเยี่ยนเฉินกรุ๊ปด้วยนะ นอกจากนี้ตระกูลซู ครอบครัวที่รวยที่สุดในเจียงโจวก็ยังร่วมมือกับพวกเราด้วย แล้วคุณคิดว่าธุรกิจครอบครัวที่มาจากต่างถิ่นจะมีคุณสมบัติมากพอที่จะร่วมมือกับพวกเราเหรอ?”

ในที่สุดสีหน้าของหยางเวยก็เปลี่ยนไป เขาแค่เพิ่งรู้ว่าซานเหอกรุ๊ปเป็นกิจการของตระกูลฉินในไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านี้เท่านั้น ซึ่งเขาไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าซานเหอกรุ๊ปจะมีความร่วมมือกับบริษัทอย่างเยี่ยนเฉินกรุ๊ป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War