เมื่อเซวข่ายเห็นเซวหยวนป้ากำลังครุ่นคิด ก็รีบพูดโน้มน้าว
“ต่อให้จะส่งยอดฝีมือที่แข็งแกร่งกว่านี้มา ก็ต้องรายงานให้ปู่ของแกทราบก่อน ให้เขาเห็นด้วยแล้วค่อยว่ากัน!” ในที่สุดเซวหยวนป้าก็ตัดสินใจ
เซวข่ายดีใจทันที รีบพูดว่า “ครับ งั้นก็รายงานคุณปู่ก่อน!”
ส่วนเซวหยวนป้าก็ไม่รอช้า โทรหาเจ้าตระกูลเซวระหว่างทางไปโรงแรม
“พ่อครับ อะหมิงหายตัวไปสองวันแล้ว มีแนวโน้มว่าจะถูกสังหารแล้วครับ!” เซวหยวนป้ากล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เจ้าตระกูลเซวถามขึ้น
เซวหยวนป้าจึงได้รายงานเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่นี่ให้เจ้าตระกูลเซวฟัง
“อาจหาญนัก แม้แต่หลานชายของเจ้าตระกูลเซว ก็กล้าสังหารงั้นหรือ?”
หลังจากฟังเซวหยวนป้ารายงานจนจบ เจ้าตระกูลเซวก็ประกาศกร้าว “ตอนนี้ฉันส่งลั่วเฉินไปที่เจียงโจวแล้ว ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินหา แกก็ต้องตามหาอะหมิงให้เจอ”
“ครับ พ่อ!”
เซวหยวนป้าดีใจ รีบตอบรับทันที
ลั่วเฉินเป็นยอดฝีมืออันดับสามของตระกูลเซว ส่วนเหมิงตันที่ถูกหยางเฉินหักมือ อยู่เพียงอันดับห้า
แม้ว่าอันดับห้ากับอันดับสามอยู่ห่างกันไม่มาก แต่ความแข็งแกร่งของทั้งสองนั้นแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว
ด้วยความสามารถของลั่วเฉิน อย่าว่าแต่หักข้อมือของเหมิงตันได้ในพริบตาเดียวเลย จะให้ฆ่าเหมิงตันภายในเสี้ยววินาทีก็ทำได้
เซวหยวนป้ารู้ว่าหยางเฉินแข็งแกร่งมาก แต่เขาไม่เชื่อว่า หยางเฉินจะแข็งแกร่งจนแม้แต่ลั่วเฉินก็ไม่อาจต่อกรได้
“ชายหนุ่มที่แกพูดถึง แม้แต่เหมิงตันยังเอาชนะได้อย่างง่ายดาย ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ เป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นองครักษ์ของจอมพลดินแดนใดดินแดนหนึ่ง”
เจ้าตระกูลเซวยังไม่อาจวางใจ เขาเตือนว่า “คนแบบนี้ แกกำจัดทิ้งเสียดีกว่า ไม่ให้ใครตามหาเบาะแสได้พบ ถ้าไม่อย่างนั้นก็อย่าไปปะทะกับอีกฝ่าย”
“พ่อครับ ผมเข้าใจความหมายของพ่อดี พ่อไม่ต้องกังวล ผมจะหลีกเลี่ยงความขัดแย้งกับเขา” เซวหยวนป้ากล่าว
“ดี ตอนนี้ฉันจะส่งลั่วเฉินไปที่เจียงโจว ถ้ามีเหตุการณ์ใดๆ ให้รายงานฉันทันที!” เจ้าตระกูลเซวพูดจบก็วางสายไป
“พ่อครับ หยางเฉินอาจจะเป็นองครักษ์ของจอมพลจริงเหรอ?”
เมื่อเห็นเซวหยวนป้าวางสาย เซวข่ายก็ถามขึ้นด้วยความสงสัย
เซวหยวนป้ากล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ฉันก็ไม่ค่อยรู้สถานการณ์จริงของสี่ดินแดนมากนัก แต่ที่แน่ใจก็คือ ความแข็งแกร่งของแต่ละดินแดนล้วนเทียบเท่าราชวงศ์”
“หยางเฉินสามารถเอาชนะเหมิงตันได้อย่างง่ายดาย ฉันคิดว่าความสามารถของเขา น่าจะจัดอยู่ในอันดับสี่ของตระกูลเซว”
“ถ้าอยู่ในราชวงศ์ อาจจะถูกจัดอยู่ในสิบอันดับแรกได้”
“นั่นก็หมายความว่า ไม่ว่าหยางเฉินจะเคยปลดประจำการมาจากดินแดนใดก็ตาม เขาจะอยู่ในสิบอันดับแรกของดินแดนนั้น คนประเภทนี้ ต้องเป็นองครักษ์คนสนิทที่ได้รับการฝึกฝนจากจอมพล”
“ต่อให้เป็นองครักษ์คนสนิทของจอมพลที่อ่อนแอที่สุดในชายแดนตะวันตก ถ้าพวกเราฆ่าหยางเฉินตาย ทันทีที่จอมพลชายแดนตะวันตกทราบเรื่อง ผลที่ตามมาจะเป็นสิ่งที่ตระกูลเซวไม่อาจรับไหว”
หลังจากที่ได้ยินสิ่งที่เซวหยวนป้ากล่าว ในที่สุดเซวข่ายก็เข้าใจว่า เหตุใดคนที่เผด็จการอย่างเซวหยวนป้า ถึงต้องการล่าถอยเมื่ออยู่ต่อหน้าหยางเฉิน
เมื่อจอมพลโกรธ เลือดจะไหลนองนับพันลี้!
ความสามารถของจอมพลทุกคน ว่ากันว่ายอดเยี่ยมเลิศล้ำ แข็งแกร่งไร้เทียมทาน
คนประเภทนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตระกูลเซวจะกล้าล่วงเกินหรือ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
เขียนยืดเยื้อฉิบหาย.. อ่านแล้วหงุดหงิด...
ยืดเยื้อมากอ่นแล้วโครตเสียอารมณ์แค่บอกว่าเป็นใครแค่เนี้ย แม่งยืดซะจนไร้รสชาติเลย เสียเวลา ่านฉิบหาย...
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...