ข้าง ๆ สวีเหว่ยไฉ ตามมาด้วยสาววัยรุ่นแต่งตัวแซปเว่อร์ ยืนอิงแนบติดสวีเหว่ยไฉ
“คุณคะ คนบ้านนอกคนนี้ใครอ่ะ?คุณนี่ก้อเที่ยวไปทักใครต่อใครไม่รู้เป็นเพื่อนนักเรียน?ไม่กลัวว่าจะทักผิดเหรอ?”
สาวแซปเว่อร์นั่นมองหยางเฉินตั้งแต่หัวจรดตีน แล้วครอบตำแหน่งคนบ้านนอกใส่ให้หยางเฉิน
ที่ให้หยางเฉินรู้สึกผิดหวังก็คือ สวีเหว่ยไฉแทนที่จะปรามแฟนสาวของเขา แต่ยังกลับพูดด้วยสีหน้าเย้ยเยาะว่า “เธอจ๋า ก็จริงอย่างเธอว่านะ ตอนสมัยอยู่มัธยมปลาย เขาเป็นคนบ้านนอกจริง ๆ ด้วย ไม่คิดว่าสิบกว่าปีผ่านไปแล้ว เขาก็ยังดูบ้านนอกเหมือนเดิม”
“มิน่าละว่าคุณมองปุ๊บก็จำได้ปั๊บ เพราะความบ้านนอกนี่เอง!”สาวแซปเว่อร์ปิดปากหัวเราะไปพลางพูดพลาง
ดูท่าทางสวีเหว่ยไฉแล้วน่าจะไปได้ไม่เลว เครื่องประดับฟุ่มเฟือยเต็มตัว เวลามองหยางเฉิน ก็เชิดให้ดูตัวเองอยู่เหนือชั้นกว่า
“หยางเฉิน อย่าโมโหนะ!พวกเรามันคนสนิทกัน ล้อเล่นกันแบบนี้ จะได้ไม่ดูห่างเหิน ใช่มั้ย?” สวีเหว่ยไฉพูดน้ำเสียงหัวเราะ
ที่เห็นเขาหัวเราะ แต่ดูในแววตา เจตนาไม่ใช่จะดีเลย
กับพวกเพื่อนนักเรียนเก่าที่ชอบมองคนต่ำด้วยตาหมาเมินแบบนี้ หยางเฉินคงไม่ไปเสียอารมณ์ด้วย เพียงแต่ให้รู้สึกผิดหวังหน่อย ๆ เท่านั้น
“ถ้าไม่มีธุระอะไร ก็ขอตัวก่อนนะ!”
หยางเฉินพูดเสียงเรียบ ๆ
“หยางเฉิน แกอย่าบอกนะว่าแกจะมากินข้าวที่นี่?”
สวีเหว่ยไฉวางมาดอย่างเว่อร์ถาม “แกรู้มั้ย ร้านอาหารแซ่เฉินนี่เป็นร้านสำหรับคนระดับเน็ตไอดอลเขาเช็คอินกันเลยนะ แค่ว่าอาหารจานถูกที่สุด ก็ต้องพันเหรียญขึ้นไปนะ”
“ข้ามานี่ไม่กินข้าว แล้วจะให้มาเข้าส้วมรึไง?”หยางเฉินถามไปด้วยใบหน้าดูประหลาด
สวีเหว่ยไฉอึ้งไปนิด แล้วก็หัวเราะออกมาลั่น “แกถึงขนาดมากินข้าวที่นี่เลยรึ?”
“คุณคะ อย่าดูถูกคนสิคะ อาหารที่นี่แม้ว่าจะต้องระดับพันขึ้นไป แต่เขามีข้าวฟรีนะ!”
สาวแซปเวอร์นั่นพูด “คุณอย่าลืมสิว่า ที่นี่ที่ดังขึ้นมาเพราะอะไร?ก็เพราะเขาเคยช่วยคนจรจัดอยู่หลายคน กลายเป็นหนึ่งเดียวของร้านอาหารระดับห้าดาวที่ให้คนจรจัดเข้าได้”
“เออใช่!นี่ถ้าเธอไม่พูดผมก็เกือบลืมซะแล้ว” สวีเหว่ยไฉพูดเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้
ต่อให้หยางเฉินจะเป็นคนอารมณ์เย็นแค่ไหน ปล่อยให้อีกฝ่ายมาพูดหยามซ้ำแล้วซ้ำอีก ก็ขมวดคิ้วย่น “ผมขอเตือนพวกคุณนะ การเป็นคนควรวางตัวให้ติดดินหน่อย!”
พูดจบ หยางเฉินก็เดินผ่านหน้าสองคนนั้น มุ่งหน้าเข้าไปห้องข้างใน
“เชอะ ให้เกียรติแกมากแล้วนะ!หยุดตรงนั้นก่อน!”
สวีเหว่ยไฉพูดอย่างเกรี้ยวกราด ตรงดิ่งไปขวางหน้าหยางเฉิน
ตาทั้งคู่ของหยางเฉินหยีขึ้นมา จ้องใส่สวีเหว่ยไฉถามว่า “มีเรื่องหรือ?”
“หยางเฉิน แกก็แค่คนจรจัดคนนึง จะวางมาดอะไรนักหนา?รู้หรือเปล่าว่าข้านี่ตอนนี้อยู่ในฐานะอะไร?” สวีเหว่ยไฉตะคอกถามใส่
“คุณมีชื่อเสียงมากเหรอ?”
คำพูดของสวีเหว่ยไฉ ก็ทำให้หยางเฉินเกิดความอยากรู้ขึ้นมา หรือเขาเป็นดาราดัง?
โดยปกติแล้วเขาไม่เคยสนใจกับวงการบันเทิงเอาเลย ต่อให้สวีเหว่ยไฉเป็นดาราดังจริง ๆ เขาก็ไม่รู้จัก
“ข้านี่ละเว้ยพิธีกรใหญ่รายการอาหารชวนชิมคนดังรายการหนึ่ง ออกรายการแต่ละครั้งรายรับหลักแสน ค่ากินข้าวของข้ามื้อมื้อหนึ่ง มันคงเท่ากับค่าแรงของแกที่ต้องทำอยู่หลายปี” สวีเหว่ยไฉพูดอย่างภาคภูมิใจ
หยางเฉินจึงได้เข้าใจ ที่แท้เขาเป็นพิธีกร
“ที่แท้คุณยอดเยี่ยมขนาดนั้นเลยหรือ?”หยางฉินแกล้งทำหน้าตื่นแล้วพูด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...