The king of War นิยาย บท 709

สรุปบท บทที่ 709 ไม่ปล่อยแกไว้แน่: The king of War

สรุปเนื้อหา บทที่ 709 ไม่ปล่อยแกไว้แน่ – The king of War โดย เสี้ยวอ้าวอวี๋เซิง

บท บทที่ 709 ไม่ปล่อยแกไว้แน่ ของ The king of War ในหมวดนิยายใช้ชีวิต เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย เสี้ยวอ้าวอวี๋เซิง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

“หยางเฉิน แกอย่าบีบข้านะ ข้านี่เป็นพิธีกร พรรคพวกที่รู้จักก็พอตัว แกเชื่อไม่เชื่อว่าเพียงข้าสั่งคำเดียว ก็จะมีพรรคพวกของข้ามาเป็นฝูงกระทืบแก?”

สวีเหว่ยไฉเห็นว่าใช้เงินไม่ได้ผล ก็เอาวิธีข่มขู่ขึ้นมา

แต่ว่า ที่เขาพูด สำหรับหยางเฉิน มันก็ไอ้แค่ลมตด ไม่ได้ทำให้มีอะไรสะเทือน

“หยางเฉิน....”

สวีเหว่ยไฉยังกำลังคิดจะพูดขู่บังคับอะไรอีก หยางเฉินพลันเงยหน้าขึ้นมามองเขาแล้วพูดว่า “ก็ได้ ผมจะให้ความร่วมมือกับคุณ”

เห็นหยางเฉินตอบรับมาในทันใดนั้น สวีเหว่ยไฉรู้สึกพอใจขึ้นมาเต็มหน้า “คนต้องรู้กาละเทศะจึงจะเป็นผู้แน่จริง ต้องอย่างนี้สินะ!ขอให้แกทำให้ดี ๆ นะ ห้าร้อยมันจะเท่าไหร่กัน?ข้าให้แกอีกพันไปเลยเอ้า! ”

สวีเหว่ยไฉจัดแจงยัดห้าร้อยเหรียญนั้นใส่ในมือหยางเฉิน ดีดนิ้วมือเป๊าะ สาวในชุดแซปเวอร์แพนกล้องเข้ามาที่หน้าสวีเหว่ยไฉกับหยางเฉินอย่างรู้งาน

“แฟนคลับทุกท่าน ทำให้ทุกคนเสียเวลารอนานไปหน่อยนะ เพื่อนนักเรียนเก่าของผมคนนี้ ขี้อายไปหน่อย ไม่ยอมจะออกหน้ากล้อง ผมต้องใช้เวลาใช้คารมอยู่มากหน่อย เขาถึงได้ยอมมาเข้ากล้อง”

สวีเหว่ยไฉพูดไปหัวเราะไป “มา ทักทายกับพี่น้องที่อยู่ในรายการถ่ายทอดสดหน่อย!”

หยางเฉิงใส่ความเย้ยเหยียดไว้ที่มุมปาก มองไปที่กล้องพูดว่า “สวัสดีทุก ๆ ท่าน จริง ๆ แล้วผมไม่ใช่เพื่อนนักเรียนเก่าอะไรของเขาเลย และก็ไม่ใช่คนจรจัดอะไรที่ไหน แต่เขาให้เงินผม ขอให้ผมร่วมมือเล่นละครกับเขา เพื่อเรียกขอความเห็นใจจากเพื่อนชาวเน็ตให้กับวงมายาของเขา”

ขณะที่หยางเฉินกำลังพูด ก็ชูแบงค์ที่สวีเหว่ยไฉยัดใส่มือเขามาเมื่อครู่นี้ ยื่นโชว์ไปที่หน้ากล้อง “นี่คือแบงค์ที่เขายัดใส่มือผมมาเมื่อกี้นี้เอง แถมยังบอกว่าถ้าทำได้ดี เสร็จงานถ่ายทอดแล้ว เขายังจะให้ผมอีกหนึ่งพันเหรียญ”

“ปัจจุบันนี้การหลอกขอความเห็นใจ หลอกขอของขวัญของกำนัลบนสื่ออินเตอร์เน็ตมีมากมายหลายรูปแบบ หวังว่าต่อไปพวกเราชาวเน็ตเปิดตาสว่างไว้ อย่าไปให้เขาหลอก”

สวีเหว่ยไฉกับหญิงสาวในชุดแซปเวอร์ตะลึงงง พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าหยางเฉินจะพูดแบบนี้ออกมา จึงไม่ทันได้ปิดอุปกรณ์ที่กำลังถ่ายทอดสด

“หยางเฉิน แกไอ้บัดซบ กล้าเอากูไปขายได้ กูเอามึงตายแน่!”

สวีเหว่ยไฉที่เต็มไปด้วยความโกรธ ควงหมัดซัดใส่ไปที่หน้าของหยางเฉิง

“ผัวะ!”

หยางเฉินวาดมือไปสบาย ๆ จับคว้าแขนของสวีเหว่ยไฉ ยิ้มเยือก ๆ แล้วพูด “อายจนต้องระบายเป็นโกรธออกมาแล้วสิ?”

“มึงแม่งปล่อยมือกูเดี๋ยวนี้เลย!”

สวีเหว่ยไฉโกรธเหลือกำลังแล้ว คำรามออกมาอย่างเกรี้ยวกราด “แกอย่าคิดว่าไม่มีแก แล้วข้าจะไม่มีปัญญา ข้ามีเงินเว้ย จะหาใครที่มันยากจนมาเล่นละครกับข้ายังไงก็ได้”

“แกไม่รู้หรือว่าตอนนี้หาเงินแบบไหนกำไรดีที่สุด?ข้าจะบอกให้ ก็งานถ่ายทอดสดทางเน็ตนี่แหละ เพราะมีพวกแฟนคลับซื่อบื้อมากมาย แม่งลำพังตัวเองแค่พนักงานกินเงินเดือนกระจอก ๆ กับไอ้พวกเด็กนักเรียนจน ๆ แทบไม่มีจะกินนั่น”

“แค่เพียงข้าแกล้งสร้างเรื่องออกมาหลอกหน่อยเดียว พวกนั้นก็แห่กันมาเหมือนจะหน้าโง่ เอาเงินพวกมันตบรางวัลให้ข้า”

“ไอ้หน้าโง่อย่างแกนี่ รู้ไหมว่าข้าถ่ายทอดสดแต่ละครั้ง รับเงินตบรางวัลจากไอ้พวกเพื่อนชาวเน็ตหน้าโง่พวกนั้นเท่าไหร่?”

“อย่างต่ำก็เป็นแสน!ข้าถ่ายทำแค่ครึ่งปี ก็กวาดเงินรางวัลไอ้พวกแฟนเน็ตหน้าโง่พวกนั้น ซื้อบ้านซื้อรถมาได้แล้ว ไอ้พวกกากเดนอย่างแกนี่ ต่อให้ทั้งชาติก็หาเงินไม่ได้มากอย่างข้า”

สวีเหว่ยไฉตาแดงก่ำคำรามใส่

ความจริงหยางเฉินยังอยากจะลงมือ แต่พอเขามองไปเห็น นังหญิงในชุดแซปเวอร์นั่นยังเปิดอุปกรณ์ถ่ายทอดสดทิ้งไว้อยู่ กล้องก็ยังหันมาทางตัวเขากับสวีเหว่ยไฉ พลันเขาก็เลยไม่คิดลงมือ

“ผมเตือนคุณนะ กลับไปดูแลห้องถ่ายทอดสดของคุณก่อนดีกว่านะ!”

หยางเฉินหาเราะแล้วพูด

“กูจะขออัดมึงก่อนแล้วค่อยว่ากัน พวกหน้าโง่ในห้องถ่ายทอดสดมันจะมีอะไรน่าดู?” สวีเหว่ยไฉขบเขี้ยวพูด

แต่พอแค่พูดจบ ทันใดนั้นก็คิดอะไรขึ้นมาได้ หันขวับไปมองหญิงที่อยู่ในชุดแซปเว่อร์

“มึงแม่งไม่ได้ปิดระบบถ่ายทอดสดเร๊อะ?”

สวีเหว่ยไฉโกรธระเบิดสุด ๆ แล้ว แยกเขี้ยวเงื้อแขนพุ่งเข้าใส่หยางเฉิน

“ปึง!”

ยังไม่ทันที่เขาจะแตะถูกตัวหยางเฉิน ก็โดนขาของหยางเฉินเตะสวนออกไป “สวีเหว่ยไฉ ถ้าแกยังขืนวุ่นวายมาตอแยกับข้าอีก ก็อย่ามาว่าข้าทำรุนแรงนะ”

สวีเหว่ยไฉคลานลุกขึ้นมาจากพื้น แววตาเต็มไปด้วยความเดือดแค้น “หยางเฉิน ข้าจะไม่ปล่อยแกเด็ดขาด”

กับการข่มขู่ของสวีเหว่ยไฉ หยางเฉินไม่ได้คิดใส่ใจเลย เพียงพูดเสียงเรียบ ๆ ไปว่า “ในฐานะเคยเป็นเพื่อนเก่า ข้าขอเตือนแกว่าทีหลังทำตัวให้เป็นคนมีจิตใจที่ดีบ้าง!”

สวีเหว่ยไฉไม่พูดอะไรต่อ ถลึงตาจ้องใส่หยางเฉิน หันหลังเดินจากไป

หยางเฉินก็รู้ว่าเมื่อครู่นี้สวีเหว่ยไฉไม่ได้ฟังเข้าหู ได้แต่ส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้

และในขณะนั้นเอง เสียงก้าวเท้ากันพัลวันดังเข้ามา แล้วก็มีเสียงพูดตามมา “คุณหยางครับ ต้องขออภัยที่ปล่อยให้ท่านรอเสียนาน!”

หานเซี่ยวเทียนกับกวนเจิ้งซานนั่นเอง และยังมีเฉินซิงไห่ก็ตามมา

ต่างคนก็มีพาคนเข้ามาด้วย หานเซี่ยวเทียนพาหานเยี่ยนมา กวนเจิ้งซานมากับกวนเสว่ซง เฉินไห่มากับเฉินเห้า

ว่าไปแล้ว พวกคนเฒ่าเหล่านี้ล้วนแต่ได้วางมือปล่อยให้คลื่นลูกใหม่แล้ว เวลานี้หานเยี่ยน กวนเสว่ซง กับเฉินเห้าจึงจะใช่ผู้นำตระกูลของแต่ละตระกูล

หยางเฉินส่ายหน้าเล็กน้อย หัวเราะแล้วพูดว่า “เวลานัดคือแปดโมง ตอนนี้แค่เจ็ดโมงครึ่ง ผมมาก่อนเวลา คนที่จะต้องขอโทษ ก็ต้องผมนะ”

โดยการนำของเฉินซิงไห่ ทั้งหมดตรงเข้าไปในองราชาของร้านอาหารแซ่เฉิน

หยางเฉินนั่งที่ตำแหน่งหัวโต๊ะ หานเซี่ยวเทียนกับเฉินซิงไห่นั่งด้านซ้ายและขวาคนละข้างของหยางเฉิน กวนเจิ้งซานนั่งข้างหานเซี่ยวเทียน ต่อจากนั้นจึงเป็นหานเยี่ยนกับเฉินเห้า และกวนเสว่ซงอีกคน

ส่วนเฉินอิงเหา ซึ่งเป็นทายาทรุ่นที่สามของตระกูลเฉิน ยังไม่มีสิทธิ์เข้านั่งร่วมโต๊ะด้วย ได้แต่ยืนข้าง ๆ คอยเสิร์ฟเครื่องดื่มให้บรรดาเหล่าผู้ใหญ่ในวง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War