The king of War นิยาย บท 713

“จัดงานเลี้ยง?”

เฉินซิงไห่ให้รู้สึกไม่เข้าใจ

คนอื่น ๆ ต่างก็มองไปที่หยางเฉิน ต่างก็คอยรอฟังหยางเฉินอธิบาย

“งานเลี้ยงลอบสังหาร!”

หยางเฉินพูดสั้น ๆ

ทุกคนต่างสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ในใจให้สะท้านหวั่นไหว

กลุ่มตระกูลที่จ้องเป็นปฏิปักษ์กับตระกูลเฉินไม่ได้มีเพียงตระกูลเดียว มันมีอยู่มากหลายตระกูล หยางเฉินบอกว่าจะจัดงานเลี้ยงลอบสังหาร หรือนั่นหมายถึงว่าจะหว่านแหรวบกินหมดเลยในงานเดียว?

คนตระกูลเฉินทั้งสามแม้จะรู้สึกหวาดผวา แต่พลันก็ได้คิดถึงความน่าสะพรึงกลัวของหยางเฉิน ขนาดแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูยังต้องมาขอมีสัมพันธไมตรีกับหยางเฉินด้วยตัวเอง ยิ่งกว่านั้นขนาดตอนนั้นสมาคมบูโดออกรับหน้า ยังปกป้องรักษาตระกูลไช่เอาไว้ไม่ได้

ขอเพียงหยางเฉินออกหน้า อย่าว่าแต่จะเอาบรรดากลุ่มตระกูลระเกะระกะเหล่านี้อยู่ได้ ถึงถ้าคิดจะรวบตระกูลทั้งแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู น่ากลัวก็คงไม่ใช่ปัญหา

หานเซี่ยวเทียนนั้นรู้อยู่แก่ใจถึงฐานะผู้รักษาดินแดนเหนือของหยางเฉิน หลังจากตื่นผวาเล็กน้อย แล้วก็เข้าใจได้แจ่มแจ้ง

มีแต่กวนเจิ้งซาน ผู้ซึ่งเพิ่งจะมา ยังไม่รู้ชัดถึงอิทธิพลของหยางเฉินในเยี่ยนตู เพียงแต่ส่วนลึกในใจยังคงไว้ซึ่งความมั่นใจในตัวหยางเฉินอย่างแน่วแน่

ในเมื่อหยางเฉินพูดออกมาได้แบบนี้ แน่นอนว่าทุกอย่างต้องเรียบร้อย

“หากแม้นคุณหยางออกหน้า ทั่วทั้งเยี่ยนตู ยังจะมีใครตระกูลไหนจะกล้าเฮี้ยว?”

เฉินซิงไห่พูดด้วยความดีใจ

ตระกูลเฉินถูกจ้องจับตามองมาตลอดระยะหนึ่งแล้ว มันเป็นเรื่องคาใจที่หนักอึ้ง เดิมทีเคยคิดจะแก้ปัญหาด้วยกำลังเท่าที่มีของตัวเอง

แต่พอจะเอาเข้าจริง ๆ ก็พบว่า เมื่อฝ่ายตรงข้ามร่วมมือกันขึ้นมา มันไม่ใช่กำลังที่มีอยู่จริงของตระกูลเฉินจะแก้ปัญหาได้เลย

“ถ้าผมเดาไม่ผิด พวกตระกูลต่าง ๆ ที่จ้องเป็นปฏิปักษ์กับตระกูลเฉิน น่าจะต้องมีตระกูลตัวการที่เลวร้ายที่สุดใช่ไหม?”หยางเฉินถาม

เฉินซิงไห่รีบผงกหัวตอบ “ตระกูลหลีนั่นแหละครับ!”

พูดจบ เขาก็หันไปที่เฉินเห้าพูดว่า “เฉินเห้า แกเล่ารายละเอียดให้คุณหยางทีซิ!”

เฉินเห้ารีบลุกยืนขึ้นพูด “เดิมทีที่ตระกูลไช่ยังอยู่นั้น ตระกูลหลีอยู่ในอันดับเพียงรองจากตระกูลไช่ มาคราวนี้ ก็ตระกูลหลีนี่แหละเป็นตัวนำ พากันมาเป็นปฏิปักษ์กับตระกูลเฉิน เห็นว่ามีการรวมตัวประชุมกันหลายตระกูล ทำการประมวลเรื่องราวต่าง ๆ เพื่อมุ่งเป้าเล่นงานตระกูลเฉิน”

“ด้วยที่ว่าตระกูลหลีเป็นตระกูลเศรษฐีพื้นถิ่น และมาถูกตระกูลเฉินชิงตัดหน้าครองอันดับหนึ่งรองจากแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูไป ตระกูลหลีจึงไม่พอใจเอามาก แต่ยังเกรงผู้ยิ่งใหญ่ที่หนุนหลังตระกูลเฉินอยู่ จึงยังไม่กล้าลงมือ”

“ตระกูลหลีเขาก็ฉลาดอยู่ ถึงแม้จะเป็นหัวโจกในการรวบรวมเหล่าเศรษฐีมาประชุมกัน แสดงจุดประสงค์ที่จะเป็นปฏิปักษ์กับตระกูลเฉิน แต่พวกเขาก็มีแต่จะใช้บรรดาตระกูลอื่น ๆ มาเป็นหัวหอก ส่วนตระกูลหลีเองไม่เคยออกมาลงมือโดยตรงกับตระกูลเฉิน”

“เวลานี้ ตระกูลหลีมีแต่กำลังรอโอกาสอันหนึ่ง ถ้าผมคาดไว้ไม่ผิด อีกไม่นานเกินรอนี้ ก็จะมีตระกูลที่อยู่ในอานัติของตระกูลหลีมาสืบดูตื้นลึกหนาบางของตระกูลเฉิน”

เฉินเห้าร่ายเป็นเรื่องยาว พูดจบ จึงกลับไปนั่งลงที่เดิม

เฉินซิงไห่สรุปความต่ออีกว่า “ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ ผมก็ยังกังวลใจอยู่ว่าจะรับมือตระกูลหลีกับพวกกลุ่มตระกูลเศรษฐีท้องถิ่นพวกนี้ไม่ไหว แต่ตอนนี้ตระกูลหานกับตระกูลกวนเข้ามาแล้ว ก็เลยทำให้ผมมีความมั่นใจได้เต็มที่!”

“ผมคิดว่า นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการที่จะทำให้ตระกูลหานกับตระกูลกวนได้ยืนมั่นในเยี่ยนตู เพียงพวกเราใช้จังหวะให้ดี รองจากแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู พวกเราตระกูลเฉินและตระกูลหานกับตระกูลกวนเป็นใหญ่”

พวกเราสามตระกูลใหญ่นี้ร่วมมือกัน ต่อให้แปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู ก็ไม่กล้าดูแคลนพวกเรา

ได้ยินที่เฉินซิงไห่พูด หานเซี่ยวเทียนกับกวนเจิ้งซานมีความมุ่งหวังเต็มในแววตา

หยางเฉินผงกหัวพูดว่า “ถูกต้อง นี่เป็นโอกาสที่ดีครั้งหนึ่ง ในเมื่อเป็นอย่างนี้ งั้นก็ตกลงตามนี้ พรุ่งนี้ตระกูลเฉินก็ใช้ในนามของตระกูลเฉิน ทำการเชิญทุกตระกูลที่อยู่ภายใต้การนำของตระกูลหลีทั้งหมด ส่วนตระกูลหานกับตระกูลกวนก็เตรียมตัวพร้อมให้ดีที่สุด”

“ครับ!”

แต่ละคนต่างตอบรับคำ

หานเซี่ยวเทียนกับกวนเจิ้งซานให้รู้สึกตื้นตันใจ เดิมทีพวกเขาคิดอยู่ว่า พวกเขาเพิ่งมาถึงเยี่ยนตู คิดจะก้าวขึ้นมาให้ถึงระดับตระกูลเฉินในปัจจุบัน น่ากลัวคงต้องใช้เวลาอีกนาน

คิดไม่ถึงก็คือ พวกเขาเพิ่งมาถึงเพียงไม่กี่วัน ก็ได้มามีโอกาสดีถึงขนาดนี้

ขอเพียงมีหยางเฉินออกหน้า เรื่องทุกเรื่องก็คือเรื่องที่แน่นอนเหมือนได้ถูกตอกตะปูตรึงไว้แล้วไม่ใช่หรือ?

“แต่ว่า ถ้าหากกลุ่มตระกูลพวกนั้นไม่ยอมมากันหละ?”

เฉินซิงไห่พลันถามขึ้นมา แววตาส่อถึงความกังวล

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War