หลีจื้อขุยชำเลืองมองหยางเฉินเขาอีกครั้ง แล้วพูดกับภรรยาว่า “ผมคิดว่าพ่อน่าจะจำคนผิด เขาต้องคิดว่าไอ้หนุ่มนี่เป็นคนใหญ่โตที่เขารู้จักแน่”
“เหลวไหล! ต้องจำคนผิดแน่ๆ ไม่อย่างนั้นจะบอกให้พวกเราคุกเข่าขอความเมตตาได้ยังไง?” แม่เสี่ยวจวินกล่าว
“ไอ้หนุ่ม ฉันถามพ่อแล้ว เขาบอกว่าเงินเข้าบัญชีแล้ว ถือว่าแกรู้จักเอาตัวรอด”
หลีจื้อขุยพูดด้วยสีหน้าจองหอง “เงินของแกถือได้ว่าเป็นค่าชดเชยสำหรับรถของเมียฉันเท่านั้น แต่พ่อตาของแกทำร้ายเมียกับลูกชายของฉัน เรื่องนี้แกวางแผนจะชดใช้ยังไง?”
“คุณอยากให้ชดใช้ยังไงล่ะ?”
หยางเฉินถามอย่างไม่ใส่ใจนัก
หลีจื้อขุยยังไม่ทันได้อ้าปาก แม่เสี่ยวจวินก็บอกว่า “จ่ายชดเชยความเสียหายทางจิตใจอีกหนึ่งพันล้าน แล้วเราจะปล่อยแกไปเดี๋ยวนี้เลย”
หยางเฉินหัวเราะขึ้นมาทันที “เมื่อกี้ตอนที่พวกคุณขอหนึ่งพันล้านก็บอกอย่างนี้ ยังมีค่าชดเชยความเสียหายทางจิตใจอีกเหรอ?”
“สิ่งที่พวกเราต้องการคือเงินจากแก แต่แกดันโอนเงินไปที่บัญชีของตระกูลหลี พวกเราเอาเงินก้อนนี้มาไม่ได้เลยไม่นับ!”
แม่เสี่ยวจวินพูดด้วยสีหน้าโลภโมโทสัน
ในความคิดของเธอ ที่หยางเฉินโอนเงินหนึ่งพันล้านไปที่บัญชีของตระกูลหลีง่ายดายเช่นนี้ ต้องเป็นเพราะหวาดกลัวชื่อเสียงของตระกูลหลี
ในเมื่อหยางเฉินสามารถจ่ายเงินหนึ่งพันล้านได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ ก็ย่อมไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินทอง จะรีดไถอีกสักพันล้านก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร
หลีจื้อขุยก็มีความคิดแบบเดียวกัน เขายิ้มร่าและพูดว่า “ไอ้หนุ่ม แกได้ยินที่เมียของฉันพูดแล้วใช่ไหม? จ่ายชดเชยมาหนึ่งพันล้าน เรื่องก่อนหน้านี้ถือว่าเจ๊ากันไป!”
ผู้คนที่อยู่รอบๆ ต่างตกตะลึงไปในเวลานี้
แต่หลายคนล้วนตกใจกับความไร้ยางอายของหลีจื้อขุยและแม่เสี่ยวจวิน
แต่ติดอยู่ที่สถานะของตระกูลหลีในเมืองเยี่ยนตู จึงไม่มีใครกล้าพูดอะไร
ตอนแรกยังนึกว่าหยางเฉินจะโอนเงินอีกหนึ่งพันล้านให้กับหลีจื้อขุยและแม่เสี่ยวจวินแต่โดยดี แต่จู่ๆ ก็เห็นหยางเฉินส่ายหน้า “ในสายตาของผม แค่หนึ่งพันล้านก็เพียงพอแล้ว ไม่มีมากกว่านี้อีกแล้ว!”
“ในเมื่อแกไม่ยอมจ่ายชดใช้ งั้นก็รอดูแล้วกัน พ่อฉันกำลังเดินทางมาที่นี่แล้ว เขาไม่ใช่คนที่เจรจาอะไรง่ายๆ พอเขามาแล้ว ถ้าแกยังไม่ชดใช้ สงสัยว่าแกจะไม่ทันได้เห็นดวงอาทิตย์ในวันพรุ่งนี้ด้วยซ้ำ”
หลีจื้อขุยพูดด้วยสีหน้าข่มขู่
หยางเฉินพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ในเมื่อคุณต้องการเล่นกับผม งั้นผมก็จะเล่นกับคุณอย่างเต็มที่!”
พูดจบหยางเฉินก็โทรออกไป “พาคนมาหาผมที่สวนหย่อมภายในสิบนาที”
“ไอ้หนุ่มหนู แกยังกล้าเรียกคนมาอีกเหรอ? ดี! ดีมาก! ฉันอยากจะดูว่าแกจะเรียกใครมาได้บ้าง”
หลีจื้อขุยกล่าวด้วยสีหน้าเย้ยหยัน ไม่รู้เลยตัวเองกำลังจะเผชิญกับอะไร
ในเวลาสั้นๆ เพียงสิบนาที เสียงคำรามของเครื่องยนต์ก็ดังขึ้น รถอาวดี้สีดำหลายสิบคันห้อตะบึงเข้ามา
“ไอ้หนู ฉันจะบอกแกให้ แกจบเห่แล้ว แกเดือดร้อนแน่!”
แม่เสี่ยวจวินพูดเยาะเย้ย
หลีจื้อขุยก็ยิ้มกล่าวว่า “ต่อไป ฉันจะทำให้แกได้เรียนรู้ว่า ผลของการยั่วยุตระกูลหลีของเราเป็นยังไง”
แต่ทว่า ทันทีที่เขาพูดจบ ชายร่างกำยำก็ทยอยลงมาจากรถทีละคน
เมื่อมองออกไปก็เห็นผู้คนมืดฟ้ามัวดิน อย่างน้อยก็ร้อยคน
ชายฉกรรจ์ที่นำหน้ายังหนุ่มมาก อายุแค่ 25-26 ปี แต่ร่างกายเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ แค่เห็นก็รู้แล้วว่าไม่ควรไปยุ่งด้วย
“พ่อฉันมาด้วยไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงมีแต่พวกนาย?”
หลีจื้อขุยมองไปที่ชายฉกรรจ์ที่เป็นหัวหน้า พลางขมวดคิ้วถาม
แต่ชายฉกรรจ์ที่เป็นหัวหน้าไม่แม้แต่จะมองเขา พาคนร้อยคนเดินตรงเข้าไปหาหยางเฉินแล้วพูดว่า “พี่เฉิน ผมพาคนมาหนึ่งร้อยคน พอไหมครับ?”
หยางเฉินพยักหน้า “พอแล้ว!”
เปรี้ยง!
ในเวลานี้ ทุกคนในที่นี้ล้วนตกตะลึง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...