เหตุผลที่เขาเลือกสถานที่ให้ห่างไกลเช่นนี้ก็เพราะว่าจะได้ไม่มีคนมาคอยตรวจตราในบริเวณใกล้เคียง
แม้ว่าหยางเฉินจะหาที่แห่งนี้เจอแต่อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาสองชั่วโมง แต่ระยะทางที่นำฉินซีมานั้นใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
“สามี!”
ฉินซีตะโกนร้องและร้องไห้ออกมาราวกับสายฝนที่ไหลริน
เธอได้เตรียมการที่จะปลิดชีพแล้ว แต่วินาทีที่เห็นหยางเฉินมันได้ทำให้อารมณ์เหล่านั้นพังทลายลงในทันที
ดวงตาทั้งคู่ของหยางเฉินนั้นแดงก่ำพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนที่สุด “ภรรยา ฉันอยู่นี่แล้วจะไม่มีใครทำร้ายเธอได้!”
ชายแข็งแกร่งชุดสามัญชนโบราณสองคนที่อยู่ด้านหลังของหลีเจ๋อเมื่อเห็นหยางเฉินก็ดูมีท่าทีที่หนักแน่นขึ้น จากร่างของหยางเฉิน พวกเขารับรู้ได้ถึงเจตนาฆ่าที่รุนแรงเป็นอย่างมาก
ถึงแม้ว่าก่อนที่พวกเขาจะถูกเซวหยวนป้าส่งมาจะรู้อยู่แล้วว่าต้องเผชิญหน้ากับคนที่มีศักยภาพแข็งแกร่ง
แต่หลังจากที่พวกเขาได้เจอกับหยางเฉิน มันกลับทำให้พวกเขารู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
ยังหนุ่มยังแน่นแต่กลับมีรัศมีความน่าสะพรึงกลัวได้มากมายขนาดนี้
“หลีเจ๋อ ถ้านายปล่อยภรรยาของฉันไปในตอนนี้ ฉันจะไว้ชีวิตนายและตระกูลหลีซะ!”
หยางเฉินพยายามอย่างมากเพื่อระงับความโกรธของตน เขาจ้องมองไปที่หลีเจ๋อพร้อมกับกล่าวออกมา
เขาไม่เคยคิดเลยว่าหลีเจ๋อจะหาคนมาพาตัวฉินซีไป
“หยางเฉิน ตอนนี้ภรรยาของนายอยู่ในเงื้อมมือของฉัน นายยังกล้าที่จะมาปากดีอีกเหรอ?”
ใบหน้าของหลีเจ๋อเต็มไปด้วยการเหน็บแนม ปืนโคลท์คิงคอบร้าในมือจ่อไปที่ขมับของฉินซี
ดวงตาของฉินซีเต็มไปด้วยความกลัว ร่างกายของเธอสั่นเทาไปทั้งตัว
เมื่อเห็นใบหน้าและท่าทางที่ดูหวาดกลัวของภรรยา หยางเฉินรู้สึกว่าหัวใจของเขาแตกเป็นเสี่ยงๆ
เขาจ้องไปที่หลีเจ๋อและพยายามพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบที่สุด “หลีเจ๋อ คิดว่าทำเพื่อตระกูลหลีเถอะ นายอย่าทำอะไรหุนหันพลันแล่นเลย!”
“หยางเฉิน มึงยังกล้าดีมาขู่กูอีกเหรอวะ?ในเมื่อกูกล้าไปยุ่งกับผู้หญิงของมึงนั่นก็หมายความว่ากูทิ้งชีวิตตัวเองไปแล้ว มึงจะเอาตระกูลหลีมาขู่กูทำไม มีประโยชน์เหรอ?”
ใครจะไปรู้ว่าอารมณ์ของหลีเจ๋อนั้นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาที่แดงก่ำส่งเสียงร้องคำรามอันดังก้อง “คุกเข่า!คุกเข่าลงให้กูเดี๋ยวนี้!”
“คุกเข่าคำนับขอโทษ คุกเข่าขอโทษ ขอร้องให้ฉันปล่อยภรรยาของแกสิ!”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลีเจ๋อ ความตื่นตัวของฉินซีก็กระเสือกกระสนขึ้นมา “สามี อย่านะ อย่าไปขอร้องเขา!”
“คนคนนี้สติมันฟั่นเฟืองไปแล้ว ต่อให้นายจะคุกเข่าลง เขาก็ไม่ปล่อยพวกเราไปหรอก”
“สามี ถ้าฉันต้องตายจริงๆ นายจะต้องปกป้องลูกสาวของเราให้ดีนะ”
“คิดซะว่าเพื่อลูกสาวของเรา นายจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อนะ”
ฉินซีเองก็กระเสือกกระสนราวกับเป็นบ้าไปแล้วเช่นกัน
“หุบปาก!ฉันบอกให้เธอหุบปาก!”
หลีเจ๋อโอบแขนไว้รอบคอของฉินซีพร้อมกับคำรามเสียงดังลั่น
บรื้นบรื้นบรื้น!
ขณะนั้นเองก็มีเสียงเครื่องบนต์ดังกึกก้องไปทั่ว รถทีละคันค่อยๆกรูกันเข้ามาในโรงเรียนร้างแห่งนี้
สิบคัน!
สามสิบคัน!
ห้าสิบคัน!
หนึ่งร้อยคัน!
อย่างไรซะรถที่เข้ามาก็มีเกินกว่าร้อยคันแล้ว อีกทั้งยังมีรถที่ทยอยเข้ามาจากด้านนอกไม่หยุดหย่อน
ในรถทุกๆคันต่างมีชายร่างกำยำสี่ถึงห้าคนอยู่
เมื่อหลีเจ๋อเห็นฉากนี้เข้าก็ตกตะลึง เหตุเพราะความกลัวจึงทำให้ร่างกายของเขาสั่นเทาไปทั้งตัว
เขารู้ดีว่าหยางเฉินนั้นไม่ใช่เล่นๆ แต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะสามารถเรียกคนมาในระยะเวลาสามสิบกว่านาทีได้ขนาดนี้
ทูทูทู…
ในเวลานี้เอง ด้านบนของโรงเรียนร้างก็มีเสียงใบพัดดังขึ้นมา
เมื่อหลีเจ๋อเงยหน้าขึ้นไปมองก็ได้เห็นกับเฮลิคอปเตอร์สามลำที่กำลังบินอยู่บนท้องฟ้า
จนถึงตอนนี้ หลีเจ๋อนั้นรู้ดีแล้วว่าอะไรที่เรียกว่าความสิ้นหวัง
เดิมทีเขาคิดว่าหากฉินซีอยู่ในเงื้อมมือแล้ว หยางเฉินจะยอมให้จับโดยไร้ซึ่งการต่อสู้ใดๆ
แต่ในตอนนี้กลับมีคนมากมายแห่มาพร้อมกัน
นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ประเด็นสำคัญเลยก็คือท่ามกลางผู้คนมากมายเหล่านี้จะต้องมีมือปืนซุ่มยิงอยู่เป็นแน่
หากไม่ระวังตัวแม้แต่นิดเดียวก็อาจถูกระเบิดหัวให้ก็ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...