เห็นคนอยู่ข้างนอกเต็มมืด ซุนซวี่กับหลินเทียนเจ๋อ ยังมีซ่งชิงซาน ต่างตะลึงงัน แววตาส่อเห็นถึงความรู้สึกแบบว่าทำอะไรไม่ถูก
ด้วยความหวาดกลัว แต่ละคนยืนสั่นกันทั้งตัว
ที่เห็นยืนอยู่ด้านหน้าสุด ก็คือหวังเฉินตระกูลอวี๋เหวิน เย่หวาตระกูลเย่ อีกยังมีหวงเจิ้งตระกูลหวง
และคนที่ยืนอยู่ตรงกลางของบรรดาคนที่ยืนอยู่ นั่นแหละคนที่ทำให้พวกเขาเห็นถึงความน่ากลัวมากที่สุด
“หยาง คุณหยาง ท่าน ท่านทำไมก็มาด้วยหละ?”
ซุนซวี่พูดตัวสั่น เวลาพูด เสียงที่ออกมาสั่นตะกุกตะกัก
ไม่บอกไม่ได้ว่า หยางเฉินได้ทิ้งเงามืดไว้ในส่วนลึกของความทรงจำของเขาไว้เป็นอย่างมาก ไม่อย่างนั้นคงไม่ถึงขนาดพอเห็นหยางเฉินเข้า ต้องให้กลัวถึงขนาดนี้
หลินเจ๋อเทียนกับซ่งชิงซานก็ยืนสั่นงันงกกันไม่หยุด ถ้าไม่ประคองตัวอยู่กับราวระเบียง น่ากลัวแต่ละคนคงฝืนยืนกันไม่ไหวแล้ว
หยางเฉินกวาดตามองแต่ละคนอย่างไร้ความรู้สึก สีหน้าเรียบเฉย แต่ความโกรธในใจ เหมือนกำลังแผดเผาจนร่างของเขาจะลุกไหม้
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาออกคำสั่งไป ไม่ให้คนของตระกูลเย่เข้าไปต้านรับกับตระกูลที่เป็นเพื่อนรักของเขา น่ากลัวกองกำลังฝ่ายของเขานี้ จะต้องสูญเสียอย่างหนัก
เวลานี้ แม้กระทั่งอวี๋เหวินเกาหยางกับเย่ม่าน ยังมีหวงเทียนเซิง อีกทั้งเฉินเห้า กวนเสว่ซง หานเยี่ยน ผู้นำเหล่านี้ ก็ยังอยู่ในห้องไอซียู
ถึงแม้ว่าทั้งหมดนี้เป็นแผนร้ายของเซวหยวนป้า แต่ซุน หลิน ซ่ง สามตระกูลนี้ก็คือผู้ร้ายตัวจริง
เห็นหยางเฉินไม่ปริปากพูด สามผู้นำตระกูล ยิ่งดูหาที่รองรับไม่ได้ ในใจหวาดกลัวกันถึงที่สุด
“พวกแกเป็นคนในแปดตระกูลเยี่ยนตู แต่ไปคบคิดกับคนนอกมาเล่นงานเศรษฐีคนพื้นที่ โทษนี้คือตาย!”
สายตาของหวงเจิ้งกวาดมองไปที่พวกซุนซวี่ทั้งสามคนทีละคน พูดเสียงเย็นเยือก
เย่หวาก็เดินขึ้นหน้ามา แววตาเต็มไปด้วยใจมุ่งฆ่า พูดเสียงเฉียบ “วันนี้ก็คือวันสิ้นซากของตระกูลพวกแกทั้งสาม”
ตามติดมา หวังเฉินก็เดินออกมา แววเย้ยหยันติดไว้ที่มุมปาก สายตากวาดมองสามผู้นำตระกูล ยิ้มกวน ๆ พูดไปว่า “สวรรค์มีทางเดินให้แต่แกไม่ไป นรกไม่ได้เปิดประตูกลับดันทุรังจะเข้า ในเมื่อพวกแกอยากจะตาย งั้นพวกเราก็จะช่วย!”
“ฆ่ามัน ฆ่ามัน ฆ่ามัน......”
ทันใดนั้นเอง กลุ่มผู้แกร่งกล้านับพันที่ยืนอยู่ข้างนอกโรงแรม ตะโกนร้องขึ้นมาพร้อม ๆ กัน เสียงสนั่นสะเทือนดินปานจะถล่มฟ้า
บนสีหน้าแต่ละคน ล้วนเต็มไปด้วยความพร้อมทำศึก
ไม่เพียงสามตระกูลเศรษฐีที่กล่าวข้างต้น ยังมีตระกูลเฉินและตระกูลหาน กับอีกหนึ่งตระกูลกวนที่เพิ่งเข้ามาตั้งตัว ต่างจ้องจะกินเลือดกินเนื้อพวกซุนซวี่กลุ่มนี้
“หลังจากวันนี้ไป เยี่ยนตูจะไม่มีตระกูลซุน ตระกูลซ่ง ตระกูลหลิน!”
และในเวลานั้นเอง หยางเฉินเอ่ยปากพูดออกไปในทันใด
เพียงประโยคเดียว ก็ได้ออกเป็นคำสั่งตายให้กับสามตระกูลที่รุ่งเรืองหาใครเปรียบได้ในอดีต
“หยางเฉิน แกมันเป็นตัวอะไร?เอาคุณสมบัติอะไรมาทำตัวเป็นผู้บงการความเป็นตายความของแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูพวกเราได้?”
หลินเทียนเจ๋อชี้นิ้วใส่หยางเฉิน ถามเสียงคำรามออกไป
เขารู้ว่าหยางเฉินพลังฝีมือแกร่งกล้ามาก และเขาก็กลัวหยางเฉินอยู่ แต่ในอีกใจ หยางเฉินก็แค่คนบ้านนอก
แววตาของซ่งชิงซานทอประกายความเคืองโกรธ พูดเสียงหยามไปว่า “ตอนที่ข้าลือลั่นในสังคม ประมาณได้ว่าพ่อแกยังเล่นขี้เยี่ยวคลุกฝุ่นอยู่เลย แกมันไอ้เด็กขนยังขึ้นไม่เต็ม กล้าดีงัยมาโวยวายต่อหน้าข้า?”
“แกกล้ามาสบประมาทคุณหยาง รนหาที่ตายเสียแล้ว!”
แววตาหวงเจิ้งมู่หนาวเยือก สั่งบอดี้การ์ดข้างตัวที่เป็นผู้แกร่งกล้ามีหน้าที่คุ้มกันเขาโดยตรงว่า
“ฆ่าหลินเทียนเจ๋อ!”
ชายฉกรรจ์หุ่นล่ำใหญ่ ก้าวออกมาจากข้างหลังทันที
“เสือไม่ออกลาย พวกแกเลยคิดว่าไอ้แก่อย่างข้าเป็นแค่แมวป่วยนะ ในเมื่อพวกแกอยากรนหาที่ตาย ข้าก็จะช่วย!”
หลินเทียนเจ๋อโบกมือที่ใหญ่หนา “ฉื้อถู้ จัดการ!”
“ฉื้อถู้!”
เห็นชายวัยกลางคนที่เดินออกมาจากหลังหลินเทียนเจ๋อ ทุกคนส่งเสียงฮือฮา
“ที่แท้ เจ้าฉื้อถู้ ไปอยู่ในสังกัดแก ถึงยังว่าแกไปเอาความกล้ามาจากไหน ที่มาทำซ่าต่อหน้าคุณเฉิน แต่ว่า เจ้าฉื้อถู้ ตัวเดียวน้อย ๆ นี่ จะช่วยค้ำแกไปได้สักกี่น้ำเชียว?”
หวงเจิ้งแสยะยิ้ม พลันออกคำสั่งไปอีก “แกไปด้วย!”
“ปึง!”
หมัดของทั้งสองฝ่ายกระแทกใส่กัน เกิดเป็นเสียงทุ้มหนัก เสี้ยววินาทีต่อมา เงาสีดำร่างหนึ่ง กระเด็นออกไปพร้อมเลือดที่พุ่งออกจากปาก
ที่ลอยกระเด็นออกไปเป็นผู้แข็งแกร่งตระกูลหวง
ผู้แข็งแกร่งตระกูลหวงอีกคนเห็นดังนั้น สายตาส่อให้เห็นความสะท้านกลัวขึ้นมา หมัดที่กำลังพุ่งออกไปดูเหมือนเกิดความลังเล
เพราะช่วงเพียงคิดที่จะถอยนั้นเอง จึงสรุปชัดถึงความพ่ายแพ้ของเขาทันที
“ปึง”
ตามด้วยเสียงกระดูกแตกหักดังฟังชัด ผู้แข็งแกร่งคนที่สองของตระกูลหวง ก็ได้ถูกฉื้อถู้ซัดกระเด็นลอยไป
ในฉับพลันนั้น ทั้งบริเวณเงียบเป็นตาย!
คนทั้งหมดที่อยู่ต่างมองงง ๆ กับคนที่ยืนอยู่ตรงกลาง ฉื้อถู้ที่อยู่ในชุดสีแดงคนนั้น
แม้แต่หลินเทียนเจ๋อเอง ก็ยังตะลึงอยู่กับที่ เหมือนยังไม่เชื่อว่า ฉื้อถู้คนเดียวปะทะกับคนสองคน กลับเอาชนะมาได้จริง ๆ
“ฮ่า ๆ ๆ ดี !ดี !ดี !”
พักใหญ่ หลินเทียนเจ๋อจึงได้สติ หัวเราะออกมาลั่น ด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“ยอดฝีมือของผู้แข็งแกร่งตระกูลหวง มันก็ไอ้แค่นี้เอง!”
สีหน้าเต็มไปด้วยความสะใจของหลินเทียนเจ๋อมองไปที่หวงเจิ้งที่หน้ากำลังบูดบึ้ง พูดด้วยยิ้มเยาะเย้ย
ซุนซวี่และซ่งชิงซานดูเหมือนได้มองเห็นความหวัง ทั้งสองก็ให้รู้สึกตื่นเต้นเต็มหน้า
“พวกแกมันก็พวกกะเลวกะราดรวมตัวกัน คิดแต่ว่ามีคนมาก แล้วก็จะทำอะไรกับพวกเราได้?”
เพราะได้เห็นฉื้อถู้ประสบชัยชนะ หลินเทียนเจ๋อยิ่งกร่างขึ้นมา เหมือนได้กลับไปอยู่ในสมัยตระกูลหลินที่รุ่งเรืองในอดีต ยกนิ้วชี้กราดใส่ทุกคนว่า “พวกแกไหนตะกี้ขู่กันว่าจะฆ่าพวกกูไม่ใช่หรือ?มาสิ!อย่าอยู่เฉย!เอาเลย!”
“ในเมื่อแกเร่งร้อนอยากจะรีบตาย งั้นข้าก็จะช่วยแกให้ได้สมดังใจ!”
และในขณะนั้นเอง หยางเฉินได้เอ่ยปากพูกออกมาในทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
เขียนยืดเยื้อฉิบหาย.. อ่านแล้วหงุดหงิด...
ยืดเยื้อมากอ่นแล้วโครตเสียอารมณ์แค่บอกว่าเป็นใครแค่เนี้ย แม่งยืดซะจนไร้รสชาติเลย เสียเวลา ่านฉิบหาย...
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...