The king of War นิยาย บท 803

สรุปบท บทที่ 803 หลิ่วเหมยจับขโมย: The king of War

สรุปตอน บทที่ 803 หลิ่วเหมยจับขโมย – จากเรื่อง The king of War โดย เสี้ยวอ้าวอวี๋เซิง

ตอน บทที่ 803 หลิ่วเหมยจับขโมย ของนิยายใช้ชีวิตเรื่องดัง The king of War โดยนักเขียน เสี้ยวอ้าวอวี๋เซิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

“ตอนนี้เยี่ยนเฉินกรุ๊ปมีเสถียรภาพมาก มีทั้งลั่วปิงและเสี่ยวยีอยู่ คุณไม่ต้องกังวล”

หยางเฉินมองไปที่ฉินซีแล้วกล่าวขึ้น “เอาแบบนี้แล้วกัน พรุ่งนี้คุณก็ไปที่แมมบ้าแดงกรุ๊ป พาผู้ช่วยฝีมือดีไปกับคุณหลายๆ คน จะทำให้คุณทำงานที่แมมบ้าแดงได้อย่างราบรื่น”

ฉินซียังไม่ทันได้พูดอะไร เย่ม่านก็กล่าวอย่างมีความสุข “แบบนี้ดีที่สุด เยี่ยนเฉินกรุ๊ปและแมมบ้าแดงล้วนเป็นคนของเรา หลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล ถ้าเสี่ยวซีต้องการกลับไปที่เยี่ยนเฉินกรุ๊ปก็ไม่เป็นไร”

ถ้าไม่ใช่เพราะกังวลว่าฉินซีจะไม่ยอมรับ เย่ม่านจะโอนแมมบ้าแดงกรุ๊ปให้กับฉินซีฟรีๆ

“เอาล่ะ งั้นฉันจะไปเป็นผู้จัดการทั่วไปของแมมบ้าแดงกรุ๊ปไม่กี่วัน พอคุณออกจากโรงพยาบาล ฉันค่อยกลับไป”

พอเห็นหยางเฉินและเย่ม่านพูดมาเช่นนี้ ฉินซีก็ยอมรับด้วยความยินดี

“เอาล่ะ ฉันก็ฟื้นแล้ว ยังมียอดฝีมือที่หยางเฉินจัดไว้อีก ฉันไม่เป็นอะไร พวกคุณกลับไปทำงานเถอะ!”

แม้ว่าเย่ม่านต้องการพูดคุยกับฉินซีอีกสักพัก แต่เธอก็ไม่อาจถ่วงเวลาของลูกสาวด้วยจิตใจที่เห็นแก่ตัวได้

ทุกอย่างจำเป็นต้องค่อยเป็นค่อยไป

“เสี่ยวซี เจ้าบ้านเย่เพิ่งฟื้น พวกเราอย่ารบกวนเธอเลย ปล่อยให้เธอพักผ่อนอย่างเต็มที่ แล้วค่อยมาเยี่ยมเธอหลังเลิกงาน”

หยางเฉินเอ่ยปาก

“ได้ ฉันจะมาเยี่ยมคุณหลังเลิกงาน หากมีเรื่องอะไรก็ให้รีบโทรหาฉันได้เลยนะ”

หลังจากฉินซีสั่งกำชับแล้ว จึงหันหลังเดินออกไปพร้อมกับหยางเฉิน

พอเธอไปถึงประตูห้องผู้ป่วย เธอก็หยุดอย่างกะทันหัน มองเย่ม่านที่อยู่บนเตียงผู้ป่วยด้วยสีหน้าซับซ้อน เอ่ยปากบอกว่า “พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ ฉันจะพาเสี้ยวเสี้ยวมาเยี่ยมคุณด้วย”

ได้ยินดังนั้นเย่ม่านก็ไม่อาจควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้อีกต่อไป น้ำตาของเธอร่วงหล่นลงมาราวกับน้ำหลาก ไหลนองเต็มใบหน้าของเธอ เธอสะอึกสะอื้นจนพูดไม่ออก ได้แต่พยักหน้าซ้ำๆ

ฉินซีก็ดวงตาแดงก่ำ รีบออกจากห้องไป

เย่ม่านร้องไห้ด้วยความปีติ แม้ว่าฉินซีจะยังไม่ได้เรียกเธอว่าแม่ แต่การที่พาหลานสาวมาเยี่ยมเธอ ก็สามารถพูดได้ว่าเธอยอมรับแม่คนนี้แล้ว

“หยางเฉิน?”

ขณะที่หยางเฉินกำลังจะตามฉินซีไป สุ้มเสียงอันคุ้นเคยก็ดังขึ้นอย่างกะทันหัน

เมื่อหยางเฉินหันกลับไปมอง ก็เห็นหลิ่วเหมยที่เคยเจอเมื่อคืนก่อน รวมถึงคนในกองถ่ายของเซี่ยเหอหลายคนก็อยู่ด้วย

แต่ว่าในเวลานี้ทุกคนที่มองไปทางหยางเฉิน ล้วนมีความเกลียดชังในสายตา อยากจะพุ่งเข้าไปซัดหยางเฉินสักตั้ง

“มีอะไรเหรอ?”

หยางเฉินถามอย่างไม่แยแส

เขาย่อมรู้ว่าทำไมคนเหล่านี้ถึงมีท่าทีเป็นศัตรูกับเขา

เมื่อคืนวานเขาคนเดียวมอมเหล้าพวกอู๋เทียนโย่วทั้งหมดสามคนจนหมอบกับพื้น โดยเฉพาะอู๋เทียนโย่วถึงถูกหยางเฉินจับกรอกปากจนกระอักเลือด สุดท้ายต้องถูกรถพยาบาลพาออกไป

ไม่เพียงเท่านี้ ตอนที่หยางเฉินออกไป ยังเอาไวน์ไปจากร้านอาหารแซ่เฉินหลายขวด พอเอามารวมๆ กันแล้วมีมูลค่าอย่างน้อยนับล้าน

และค่าใช้จ่ายเหล่านี้ ยังถูกบันทึกไว้ในชื่อของอู๋เทียนโย่ว

“หยางเฉิน นึกไม่ถึงเลยว่าคุณยังกล้าโผล่หน้ามาอีก ฉันจะบอกคุณให้นะ เมื่อคืนวานคุณเอาเหล้าชั้นดีไปจากร้านอาหารแซ่เฉินหลายขวด พวกเราได้แจ้งความแล้ว คุณรอวันเข้าคุกได้เลย!”

หลิ่วเหมยพูดด้วยความเกลียดชัง

คนอื่นๆ ล้วนมีสีหน้าเกลียดชัง โดยเฉพาะนักแสดงชายสองคนนั้น เมื่อวานก็ถูกหยางเฉินจับเหล้ากรอกปาก ถ้าส่งโรงพยาบาลไม่ทัน ป่านนี้คงเป็นโรคพิษสุราเรื้อรังไปแล้ว

หยางเฉินชำเลืองมองหลิ่วเหมย “ตามสบายนะ!”

ร้านอาหารแซ่เฉินเดิมทีเป็นกิจการของตระกูลเฉิน หยางเฉินจึงไม่เคยเอาเหล้าไปสักขวด แค่สั่งกำชับเฉินอิงเหาให้เขาบวกเพิ่มพวกอู๋เทียนโย่วอีกหนึ่งล้าน

เหตุผลก็คือพวกเขาดื่มเหล้าที่มีราคาสูงไปหลายขวด แต่หลิ่วเหมยไม่เชื่อ ยังคิดว่าตอนที่หยางเฉินออกไป ได้เอาเหล้าดีๆ มูลค่านับล้านติดตัวไปด้วย

ที่เกินจริงที่สุดคือ มีคนเปิดลงคะแนนโหวต พยายามเอาพลังแห่งคำวิพากษ์วิจารณ์มาขับไล่หลิ่วเหมยให้ออกจากละครเรื่องนี้

หลิ่วเหมยเองก็ตกใจเช่นกัน เธอมาเยี่ยมอู๋เทียนโย่วพอได้พบกับหยางเฉินจึงจับหยางเฉินไว้ คิดจะทำให้หยางเฉินขายหน้าต่อหน้าสาธารณชน

แต่เธอกลับลืมไปว่า นางเอกอย่างเธอมีความแตกต่างเรื่องรูปร่างหน้าตากับนางรองมากเกินไป ตอนนี้ทิศทางของการวิพากษ์วิจารณ์ ถึงขนาดเปิดลงคะแนนสาธารณะ เหมือนเอาตัวเองไปวางอยู่บนเกลียวคลื่น

“ถ้าคุณไม่รีบปล่อยผม คุณจะถูกห้อมล้อมแล้ว”

หยางเฉินพูดอย่างนึกสนุก

หลิ่วเหมยกัดฟันด้วยความโกรธ “หยางเฉิน อย่านึกว่าคุณทำแบบนี้แล้วฉันจะปล่อยคุณไปนะ ตอนนี้ฉันจับขโมยได้แล้ว พอถึงตอนนั้นชาวเน็ตจะเกิดความรู้สึกคล้อยตามการกระทำของฉัน”

“บางที เรื่องนี้อาจจะปรากฏในพาดหัวข่าวอีกครั้งก็ได้ พอถึงตอนนั้นหัวขโมยอย่างคุณจะมีชื่อเสียง”

“ส่วนนางเอกอย่างฉัน ก็จะกลายเป็นเทพธิดาแห่งความยุติธรรม ไม่เกรงกลัวโจร จับขโมยในที่สาธารณะ”

หยางเฉินยิ้มเยาะ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นเราก็มาคอยดูกัน”

“ทุกคนไม่ต้องกังวล ฉันแจ้งความแล้ว แล้วยังจับหัวขโมยคนนี้ได้อีก ไม่นานตำรวจก็มา พอถึงตอนนั้นเจ้าหัวขโมยคนนี้จะหนีไปไหนไม่ได้แล้ว”

หลิ่วเหมยมองไปยังฝูงชนและกล่าวอย่างภาคภูมิใจ

“ผู้หญิงอัปลักษณ์คนนี้ คงไม่ได้จับหัวขโมยจริงๆ ใช่ไหม?”

มีคนถามด้วยความประหลาดใจ

แม้ว่าพวกเขาจะถูกดึงดูดด้วยคำว่า “จับขโมยได้แล้ว” ของหลิ่วเหมย แต่สิ่งที่ดึงดูดพวกเขามากกว่านั้นก็คือฐานะทางสังคมของหลิ่วเหมย

ในเวลานี้ หลิ่วเหมยได้ประกาศอีกครั้งว่าตนได้จับหัวขโมย ทุกคนเบนความสนใจไปที่การจับขโมย

“มันน่าจะเป็นความจริง แม้ว่าหลิ่วเหมยจะเป็นนางเอกที่อัปลักษณ์ที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่จะพูดอย่างไรก็ถือว่าเป็นบุคคลสาธารณะ คงไม่โกหกต่อหน้าสาธารณชนหรอกมั้ง?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War