“ตอนนี้เยี่ยนเฉินกรุ๊ปมีเสถียรภาพมาก มีทั้งลั่วปิงและเสี่ยวยีอยู่ คุณไม่ต้องกังวล”
หยางเฉินมองไปที่ฉินซีแล้วกล่าวขึ้น “เอาแบบนี้แล้วกัน พรุ่งนี้คุณก็ไปที่แมมบ้าแดงกรุ๊ป พาผู้ช่วยฝีมือดีไปกับคุณหลายๆ คน จะทำให้คุณทำงานที่แมมบ้าแดงได้อย่างราบรื่น”
ฉินซียังไม่ทันได้พูดอะไร เย่ม่านก็กล่าวอย่างมีความสุข “แบบนี้ดีที่สุด เยี่ยนเฉินกรุ๊ปและแมมบ้าแดงล้วนเป็นคนของเรา หลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล ถ้าเสี่ยวซีต้องการกลับไปที่เยี่ยนเฉินกรุ๊ปก็ไม่เป็นไร”
ถ้าไม่ใช่เพราะกังวลว่าฉินซีจะไม่ยอมรับ เย่ม่านจะโอนแมมบ้าแดงกรุ๊ปให้กับฉินซีฟรีๆ
“เอาล่ะ งั้นฉันจะไปเป็นผู้จัดการทั่วไปของแมมบ้าแดงกรุ๊ปไม่กี่วัน พอคุณออกจากโรงพยาบาล ฉันค่อยกลับไป”
พอเห็นหยางเฉินและเย่ม่านพูดมาเช่นนี้ ฉินซีก็ยอมรับด้วยความยินดี
“เอาล่ะ ฉันก็ฟื้นแล้ว ยังมียอดฝีมือที่หยางเฉินจัดไว้อีก ฉันไม่เป็นอะไร พวกคุณกลับไปทำงานเถอะ!”
แม้ว่าเย่ม่านต้องการพูดคุยกับฉินซีอีกสักพัก แต่เธอก็ไม่อาจถ่วงเวลาของลูกสาวด้วยจิตใจที่เห็นแก่ตัวได้
ทุกอย่างจำเป็นต้องค่อยเป็นค่อยไป
“เสี่ยวซี เจ้าบ้านเย่เพิ่งฟื้น พวกเราอย่ารบกวนเธอเลย ปล่อยให้เธอพักผ่อนอย่างเต็มที่ แล้วค่อยมาเยี่ยมเธอหลังเลิกงาน”
หยางเฉินเอ่ยปาก
“ได้ ฉันจะมาเยี่ยมคุณหลังเลิกงาน หากมีเรื่องอะไรก็ให้รีบโทรหาฉันได้เลยนะ”
หลังจากฉินซีสั่งกำชับแล้ว จึงหันหลังเดินออกไปพร้อมกับหยางเฉิน
พอเธอไปถึงประตูห้องผู้ป่วย เธอก็หยุดอย่างกะทันหัน มองเย่ม่านที่อยู่บนเตียงผู้ป่วยด้วยสีหน้าซับซ้อน เอ่ยปากบอกว่า “พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ ฉันจะพาเสี้ยวเสี้ยวมาเยี่ยมคุณด้วย”
ได้ยินดังนั้นเย่ม่านก็ไม่อาจควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้อีกต่อไป น้ำตาของเธอร่วงหล่นลงมาราวกับน้ำหลาก ไหลนองเต็มใบหน้าของเธอ เธอสะอึกสะอื้นจนพูดไม่ออก ได้แต่พยักหน้าซ้ำๆ
ฉินซีก็ดวงตาแดงก่ำ รีบออกจากห้องไป
เย่ม่านร้องไห้ด้วยความปีติ แม้ว่าฉินซีจะยังไม่ได้เรียกเธอว่าแม่ แต่การที่พาหลานสาวมาเยี่ยมเธอ ก็สามารถพูดได้ว่าเธอยอมรับแม่คนนี้แล้ว
“หยางเฉิน?”
ขณะที่หยางเฉินกำลังจะตามฉินซีไป สุ้มเสียงอันคุ้นเคยก็ดังขึ้นอย่างกะทันหัน
เมื่อหยางเฉินหันกลับไปมอง ก็เห็นหลิ่วเหมยที่เคยเจอเมื่อคืนก่อน รวมถึงคนในกองถ่ายของเซี่ยเหอหลายคนก็อยู่ด้วย
แต่ว่าในเวลานี้ทุกคนที่มองไปทางหยางเฉิน ล้วนมีความเกลียดชังในสายตา อยากจะพุ่งเข้าไปซัดหยางเฉินสักตั้ง
“มีอะไรเหรอ?”
หยางเฉินถามอย่างไม่แยแส
เขาย่อมรู้ว่าทำไมคนเหล่านี้ถึงมีท่าทีเป็นศัตรูกับเขา
เมื่อคืนวานเขาคนเดียวมอมเหล้าพวกอู๋เทียนโย่วทั้งหมดสามคนจนหมอบกับพื้น โดยเฉพาะอู๋เทียนโย่วถึงถูกหยางเฉินจับกรอกปากจนกระอักเลือด สุดท้ายต้องถูกรถพยาบาลพาออกไป
ไม่เพียงเท่านี้ ตอนที่หยางเฉินออกไป ยังเอาไวน์ไปจากร้านอาหารแซ่เฉินหลายขวด พอเอามารวมๆ กันแล้วมีมูลค่าอย่างน้อยนับล้าน
และค่าใช้จ่ายเหล่านี้ ยังถูกบันทึกไว้ในชื่อของอู๋เทียนโย่ว
“หยางเฉิน นึกไม่ถึงเลยว่าคุณยังกล้าโผล่หน้ามาอีก ฉันจะบอกคุณให้นะ เมื่อคืนวานคุณเอาเหล้าชั้นดีไปจากร้านอาหารแซ่เฉินหลายขวด พวกเราได้แจ้งความแล้ว คุณรอวันเข้าคุกได้เลย!”
หลิ่วเหมยพูดด้วยความเกลียดชัง
คนอื่นๆ ล้วนมีสีหน้าเกลียดชัง โดยเฉพาะนักแสดงชายสองคนนั้น เมื่อวานก็ถูกหยางเฉินจับเหล้ากรอกปาก ถ้าส่งโรงพยาบาลไม่ทัน ป่านนี้คงเป็นโรคพิษสุราเรื้อรังไปแล้ว
หยางเฉินชำเลืองมองหลิ่วเหมย “ตามสบายนะ!”
ร้านอาหารแซ่เฉินเดิมทีเป็นกิจการของตระกูลเฉิน หยางเฉินจึงไม่เคยเอาเหล้าไปสักขวด แค่สั่งกำชับเฉินอิงเหาให้เขาบวกเพิ่มพวกอู๋เทียนโย่วอีกหนึ่งล้าน
เหตุผลก็คือพวกเขาดื่มเหล้าที่มีราคาสูงไปหลายขวด แต่หลิ่วเหมยไม่เชื่อ ยังคิดว่าตอนที่หยางเฉินออกไป ได้เอาเหล้าดีๆ มูลค่านับล้านติดตัวไปด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...