ที่เย่ม่านส่งข้อความมาให้เมื่อสักครู่นี้ เหมือนเป็นการสั่งเสีย ทำให้หยางเฉินมีความรู้สึกไม่สบายใจ
เขาจึงฉุกนึกขึ้นมา คิดว่าน่าจะพาเสี้ยวเสี้ยวไปเยี่ยมเย่ม่านด้วย
“หยางเฉิน!”
หยางเฉินเพิ่งเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าว ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธดังขึ้นมา
เขาหันตัวกลับ ก็เห็นเด็กหนุ่มสวมหน้ากากปิดปากสีดำใส่หมวกแก๊ป จ้องหน้าเขาด้วยดวงตาแดงเดือด
ฟังจากเสียง หยางเฉินก็จำฝ่ายตรงข้ามได้ อู๋เทียนอิ้วในทีมงานเซี่ยเหอนั่นเอง
เพียงแต่ว่า อู๋เทียนอิ้วในตอนนี้ ได้ถูกบล็อกไปทั้งวงการ น่ากลัวชาตินี้คงไม่มีทางเป็นดาราได้อีกต่อไป
“มีเรื่องอะไร?”
หยางเฉินถามไปเสียงชาเย็น
อู๋เทียนอิ้วขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูด “โลกมันช่างกลมจริง คิดไม่ถึงจะมาพบแกได้ที่นี่ แกทำให้เส้นทางก้าวสู่ดาราของข้าพังทะลาย แล้วแกไม่คิดจะให้เหตุผลกับข้าเลยหรือ?”
“แกทำตัวของแกเอง หรือจะพูดอีกทีก็ว่าทำกรรมชั่วไว้ย่อมได้กรรมชั่วสนอง แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า?”
หยางเฉินพูดเสียงหัวเราะ “แกคงจะไม่คิดหรอกนะ ว่าการที่แกต้องเป็นไปอย่างทุกวันนี้ เพราะข้าเป็นคนทำ?”
“แล้วไม่ใช่หรือไง?”
อู๋เทียนอิ้วพูดด้วยความโกรธ “หยางเฉิน แกไม่ต้องมาทำไขสือ ก็เพราะแกไปเปิดโปงคลิปและงานบันทึกเสียงของข้าในเน็ต ทำจนข้าพังไปหมด!”
หยางเฉินให้รู้สึกได้ว่า อู๋เทียนอิ้วในขณะนี้ โกรธมากไปถึงขนาดไหน
อู๋เทียนอิ้วที่เป็นไปในวันนี้ เพราะเขาเป็นคนทำจริง แต่เขาไม่จำเป็นจะต้องมีความรับผิดชอบในทางจิตสำนึกใด ๆ กับเศษเดนมนุษย์ประเภทนี้ อย่าว่าแต่แค่ปิดทางขึ้นไปสู่ดวงดาวของมันเลย ถึงปลิดชีวิตมันทิ้ง ก็ไม่ใช่เรื่องเกินเหตุ
หยางเฉินหัวเราะประชดใส่ “ไม่ผิด คลิปวิดีโอกับเสียงบันทึกล้วนใช่ข้านี่แหละเป็นคนเปิดโปง”
“ข้ายังจะบอกแกด้วย ยังมีพวกดาราขาใหญ่ที่สมัครเข้าสังกัดทีมงาน ก็ข้านี่แหละวางเกมไว้”
“ยังไม่ใช่แค่นั้นนะ แม้แต่ซิงเฉินมีเดีย ก็เป็นสินทรัพย์ของข้าเอง”
“ตลอดกระทั่งแนวโน้มกระแสวิพากษ์ ก็ข้านี่แหละชี้นำ จะเล่นกับข้า แกจะเทียบได้ไหม?”
ได้ยินที่หยางเฉินพูด อู๋เทียนอิ้วถึงกับอึ้ง
พักใหญ่ อู๋เทียนอิ้วหัวเราะก๊ากออกมา
“หยางเฉิน ฝีมือคุยโม้ของแกนี่ไม่ธรรมดาเลยนะ?”
อู๋เทียนอิ้วหัวเราะแล้วพูดต่อ “ข้าก็รู้อยู่ว่าการเปิดโปงคลิปวีดีโอกับเสียงบันทึกนั่น แกเป็นคนทำทั้งนั้น ยังมีเรื่องกระแสวิจารณ์ ก็แกที่เล่นงานข้าอยู่เบื้องหลัง ข้าเชื่อหมด”
“ทว่า แกอย่ามามองข้าเป็นไอ้โง่ แกมันตัวอะไร?สามารถเรียกดาราขาใหญ่ระดับหยวนหย่าฉีกับเห้าเฉินมาได้เชียวรึ?”
“แล้วยังโม้ให้ข้าฟังอีก ว่าซิงเฉินมีเดียเป็นของแก?ทำไมไม่พูดเลยว่า แกเพิ่งซื้อกิจการของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปของซิงเฉินมีเดีย นั่นก็ได้เป็นสินทรัพย์ของแกแล้วด้วยเล่า?”
หยางเฉินแค่นหัวเราะไปอย่างเสียไม่ได้ “แกก็พูดถูกต้องจริง ๆ ด้วยนะ ข้านี่แหละประธานเยี่ยนเฉินกรุ๊ปตัวจริง”
“เอาอีก!โม้ต่อได้อีก!”
อู๋เทียนอิ้วไม่ยอมเชื่อเด็ดขาด “แกน่าจะบอกด้วยว่า แม้แต่ตระกูลซุนก็ทำอะไรแกไม่ได้เลย?”
หยางเฉินผงกหัว “ตระกูลซุนก็ทำอะไรข้าไม่ได้จริง ๆ นะ และถ้าให้ผู้นำตระกูลซุนเจ้าบ้านซุนซวี่มาเจอข้านะ ยังจะต้องคุกเข่าขอขมาจากข้าด้วย”
“หยางเฉิน แกหุบปากเลย!”
อู๋เทียนอิ้วให้รู้สึกฟังต่อไม่ได้แล้ว คำรามใส่ว่า “ข้าก็รู้อยู่ว่าแกมันไอ้คนจนกระจอก ต่อให้ไปรีดบังคับ แกก็คงหาเอาเงินออกมาไม่ได้เท่าไหร่แน่”
“แต่ไม่เป็นไร เซี่ยเหอที่เป็นผู้หญิงของแกกำลังจะดัง หนังเรื่องนี้ถ่ายทำเสร็จ หล่อนคงได้เบียดก้าวขึ้นเป็นดาราดังระดับต้น ๆ ปี ๆ หนึ่งจะมีรายได้เป็นร้อยล้าน มันเป็นเรื่องแค่เล่น ๆ”
“แกไม่มีเงิน ก็ให้เซี่ยเหอจ่าย แต่วันนี้แกจะต้องจ่ายค่าชดใช้ให้ข้าห้าสิบล้าน ไม่งั้นข้าเอาพวกแกตาย”
เดิมทีหยางเฉินก็มีอารมณ์แค่เพียงจะหยอกอู๋เทียนอิ้วเล่น ๆ แต่พอได้ยินอู๋เทียนอิ้วข่มขู่มาแบบนี้ สีหน้าพลันเปลี่ยนขรึมลง
“แกข่มขู่ข้าหรือ?”
หยางเฉินหยีตาถาม
อู๋เทียนอิ้วแค่นเสียงฮึ พูดไปว่า “ก็จะข่มขู่แกแล้วจะมีอะไร?ทุกสิ่งทุกอย่างของข้าถูกแกถล่มยับ จะให้แกชดใช้ห้าสิบล้าน แล้วทำไมจะไม่ได้?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...