อวี๋เหวินเกาหยางก็รู้ดีว่าหยางเฉินมีความคิดเป็นตัวของตัวเอง ที่จะต้องพูดก็พูดแล้ว ก็ไม่มีอะไรต้องพูดอีก เพียงแต่ย้ำเตือนว่า “ไม่ว่ายังไง ระยะนี้เจ้าต้องระมัดระวังตัวให้ดีนะ ข้าจะรอคำตอบจากเจ้า”
“ได้ครับ!”
หยางเฉินผงกหัวรับ
อยู่ในโรงพยาบาลไม่นานนัก หยางเฉินก็จากออกไป หลังจากนั้นก็ตรงเข้าไปเยี่ยนเฉินกรุ๊ป
นั่งซึมอยู่ในห้องทำงานคนเดียว หยางเฉินดูเหมือนพระสงฆ์แก่ ๆ นั่งอยู่ในสมาธิ พัก ๆ ก็ขมวดคิ้วหน้านิ่ว
ในสมองของเขาตอนนี้ยุ่งเหยิงมาก เป็นครั้งแรกที่เขาเกิดความรู้สึกอ้างว้าง
ที่เข้ามาเยี่ยนตูนี้ เขาไม่เคยจะคิดชิงดีชิงอำนาจอะไรเลย คิดแต่เพียงจะดูแลเยี่ยนเฉินกรุ๊ปด้วยตัวเอง พยายามสร้างขยายให้เยี่ยนเฉินกรุ๊ปก้าวขึ้นสู่ธุรกิจระดับนานาชาติให้สูงเด่น เพื่อเป็นการตอบสนองความหวังของคุณแม่
มาถึง ณ ขณะนี้จึงได้รู้ว่า เขาได้จมลึกลงไปในห้วงแวดวงของการแย่งชิงอำนาจในเยี่ยนตูโดยไม่รู้ตัว เมื่อรู้ว่าหลงเข้าไปแล้ว คิดจะถอย มันก็ยากเสียแล้ว
เวลาขณะนี้ เขาต้องคิดถึงเรื่องหลายเรื่อง และก็ต้องคิดถึงคนอีกมากมาย
เวลานาทีจากวินาทีผ่านไป เขายังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้โต๊ะทำงาน จนมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น จึงได้ออกจากภวังค์คิด
“เข้ามาได้!”
หยางเฉินพูดจบ เลขาเปิดประตูก้าวเข้ามา
“ท่านประธานหยาง มีหนุ่มอายุประมาณยี่สิบห้า บอกว่าเขาแซ่ไป๋ รู้จักกับท่าน จะขอพบท่านค่ะ”
เลขารายงาน
หยางเฉินขมวดคิ้วย่น “ไม่ต้อง!ไล่ตะเพิดมันออกไป!”
ถึงแม้ไม่ได้พบเห็นตัวคน หยางเฉินก็เดาออกได้ถึงสถานะของคน ๆ นั้น
ในช่วงระยะนี้ คนของกลุ่มตระกูลเดอะคิงปรากฏตัวกันในเยี่ยนตูอย่างต่อเนื่อง คนแซ่ไป๋ก็ต้องเป็นคนตระกูลไป๋ในตระกูลคิงแน่นอน
แล้วยังบอกว่ารู้จักตัวเขา อายุยี่สิบห้าบวกลบ
หยางเฉินเคยได้พบกับคนตระกูลไป๋ ก็เมื่อครั้งที่ได้พบคนรุ่นหลังของตระกูลไป๋ที่โครงการเมืองจิ่วโจว คุยว่าให้หยางเฉินยอมเป็นสุนัขรับใช้ตระกูลไป๋ แล้วจะช่วยสนับสนุนให้หยางเฉินเป็นเดอะคิงแห่งเยี่ยนตู แต่หยางเฉินต้องฟังคำสั่งตระกูลไป๋
แต่ว่า ถูกกวนเยว่ทำเอาตกใจหนีไป
ที่เลขาพูดถึงหนุ่มแซ่ไป๋คนนั้น ก็คงเป็นไอ้คนที่หยิ่งผยองคนนั้น ดูเหมือนจะชื่อไป๋จวิ้นเหา
เลขาจึงรีบกลับลงไปชั้นล่างอาคาร ไป๋จวิ้นเหาไม่มีอาการหยิ่งผยองอย่างเมื่อเช้านี้ นั่งสงบเสงี่ยมเรียบร้อยอยู่ที่บริเวณพักผ่อน
พอได้เห็นเลขาเดินเข้ามา ก็รีบลุกยืนขึ้น “ผมขึ้นไปพบท่านประธานหยางได้นะครับ?”
เลขาส่ายหน้า “เสียใจด้วยคะ ท่านประธานงานยุ่งมาก ไม่มีเวลาให้คุณ”
เลขาพูดแสดงความเห็นของหยางเฉินอย่างนุ่มนวล
ไป๋จวิ้นเหาตัวทื่อแข็ง รู้สึกหนาวเยือก “คุณไม่ได้บอกว่าผมแซ่ไป๋หรือ?”
ไป๋จวิ้นเหาวางท่าอยู่สูงในลักษณะเมื่อเช้านี้ขึ้นมา เลขาก็เริ่มไม่สบอารมณ์ขึ้นบ้าง พูดเสียงชืด ๆ ไปว่า “ก็เพราะท่านประธานได้รู้ว่าคุณแซ่ไป๋ ท่านถึงไม่มีเวลาพบคุณ”
ถ้าไป๋จวิ้นเหาไม่รู้ความหมายที่เลขาพูด ก็คงพวกโง่เง่าแล้ว
“บัดซบ!”
และแล้วไป๋จวิ้นเหาบันดาลเดือดขึ้นมา เกรี้ยวกราดออกมาว่า “ไอ้แค่ผู้บริหารบริษัทธุรกิจแค่นี้ วางมาดตัวเองอะไรถึงขนาดนี้?”
“มาเชิญชวนกันดี ๆ ไม่ชอบจะต้องให้บังคับกันหรือไง!แกไปบอกมันเดี๋ยวนี้เลย ภายในห้านาทีนี้ ให้มันมาพบข้า ถ้าไม่เห็นหน้ามัน ผลจะเป็นยังไงก็รับกรรมไปเอง!”
องครักษ์ตระกูลไป๋สองคนที่อยู่ข้างหลังไป๋จวิ้นเหา ยืนตระหง่านเป็นหอคอยเหล็กตั้งอยู่ข้างหลังตัวเขา
คุณเลขาเลิกคิ้วขึ้นสูง หล่อนไม่รู้จักเรื่องตระกูลราชวงศ์ ยิ่งไม่ได้ไปรู้กับตระกูลไป๋ว่ามันเป็นเรื่องอะไร รู้แต่คำสั่งของหยางเฉิน ให้ไล่ตะเพิดไป๋จวิ้นเหา ออกไปได้เลย
“คุณคะ ให้ดีที่สุดคุณควรจะออกไปซะ ในเมื่อประธานพวกเราไม่ต้องการพบคุณ ต่อให้ฉันไปรายงานอีกสิบเที่ยว ร้อยเที่ยว ท่านก็ไม่มีทางที่จะให้คุณพบ”
คุณเลขายืนข้างหน้าไป๋จวิ้นเหา พูดอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย
“ผัวะ!”
ไป๋จวิ้นเหาสะบัดมือขึ้นแล้วก็ตบใส่เข้าไปที่หน้าคุณเลขา
ในทันทีนั้น ทุกคนที่อยู่ต่างก็ตื่นตระหนกกันเต็มหน้า
คุณเลขานี้เป็นเลขาส่วนตัวของหยางเฉิน ในเยี่ยนเฉินกรุ๊ปต้องจัดเป็นตำแหน่งในระดับสูงมาก ให้แม้แต่ระดับรองประธานบางคน ก็ยังไม่กล้าวางมาดเข้มต่อหน้าเลขาของหยางเฉินคนนี้
ขณะนี้ เลขาส่วนตัวของหยางเฉินกลับถูกตบหน้า
“ไอ้เลขาเล็ก ๆ แค่นี้ กล้าดียังไงมาพูดโวยวายกับข้า?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...