The king of War นิยาย บท 876

เซียวจื่อฉิงมือสองข้างกอดอก หัวเราะออกเสียงแล้วพูดว่า “ตอนนี้ฉันยังจำได้แม่นเลย ตอนสมัยอยู่มหา’ลัย คุณเคยเขียนจดหมายรักส่งให้ฉันฉบับหนึ่ง”

“ผลเป็นว่าฉันไม่ได้นึกสนุกกับคุณด้วย เลยเปิดจดหมายที่คุณเขียนออกมาอ่านให้ฟังกันทุกคน ก็เพราะเรื่องนี้ ทุกคนก็เลยพูดเป็นเรื่องเล่ากันว่าคุณเป็นคางคกหวังลิ้มรสเนื้อห่านฟ้า”

ฉินยีทนฟังต่อไม่ได้แล้วในที่สุด ยื่นมือออกไป คล้องเอาแขนหยางเฉินรั้งมากอดไว้อย่างแนบชิด พูดเสียงหัวเราะว่า “คุณผัวคะ สมัยคุณอยู่มหา’ลัยตอนนั้น คุณต้องสายตาสั้นแน่ ๆ แถมคงต้องสั้นเอามาก ๆ เป็นแน่เลย น่าจะถึงกับมองเห็นอะไรไม่ชัดเอาเลยใช่ไหม?”

หยางเฉินถูกความกล้าบ้าของฉินยีทำเอาสดุ้งโหยง ในทันทีนั้นทำตัวไม่ถูก “ไม่.....”

เขายังพูดไม่ทันจบ ก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาที่แขน จึงตั้งสติกลับมาได้ในพลัน ฉินยีนั้นตั้งใจแกล้ง

“เธอทำไมถึงรู้หละ?สมัยนั้นสายตาผมไม่ค่อยดีจริง ๆ นะ ปัญหาคือไม่ได้ใส่แว่นด้วย”

หยางเฉินเปลี่ยนท่าที พูดยิ้ม ๆ ออกไป

“ฉันก็ว่าแล้วไหมหละ คุณผัวฉันหล่อเท่ขนาดนี้ มีหรือจะถูกคนมองเป็นคางคก?”

ฉินยีหัวเราะ แล้วพลันก็หันไปมองเซียวจื่อฉิงที่ทำหน้าเหยเกดูไม่ได้ ยิ้มยียวนพูดไปว่า “พี่สาวท่านนี้ คุณบอกว่าคุณผัวดิฉันเขียนจดหมายถึงคุณในสมัยเรียนอยู่มหา’ลัย น่าจะสายตามีปัญหาแน่ ๆ เลยนะ คุณก็อย่าไปถือสาเลยนะ!”

เซียวจื่อฉิงไหนเลยจะฟังไม่รู้ถึงนัยยะแฝงในคำพูดของฉินยี ความหมายที่กำลังว่าหยางเฉินตาเซ่อกว่าหมา ที่ไปเขียนจดหมายรักถึงหล่อน

ในใจหยางเฉินเหมือนหวานอมขมกลืนที่ เซียวจื่อฉิงตั้งใจเอาเรื่องที่ทำให้เขารู้สึกสะอิดสะเอียนนี้มาพูด แต่มันก็เป็นเรึ่องตั้งสิบกว่าปีที่แล้ว เขาก็คร้านที่จะไปท้าวความให้เป็นเรื่องกับเซียวจื่อฉิง

และในขณะนั้นเอง ข้างนอกก็ได้มีคู่สามีภรรยาวัยกลางคนเดินเข้ามา ทั้งคู่แต่งตัวด้วยชุดหรูหราระดับฟุ้งเฟ้อ แค่มองผ่านก็รู้ได้ว่าเป็นลูกค้ารายใหญ่

“หยางเฉิน ฉันต้องไปรับลูกค้าก่อน ไว้ค่อยคุยกันทีหลังนะ”

เซียวจื่อฉิงก็รีบปลีกตัวออกไป ก่อนไปก็ยังพูดฝากไว้ด้วยว่า “จริงด้วย ในฐานะความเป็นเพื่อนเก่า อยากขอแนะเตือนด้วยความหวังดีหน่อย ที่นี่ล้วนเป็นคฤหาสน์ชั้นหรูระดับไฮเอนด์ เริ่มต้นก็อยู่ที่ห้าสิบล้านขึ้นทั้งนั้น”

“ถ้าคุณจะมาหาซื้อประเภทระดับตารางเมตรละไม่กี่หมื่นละก้อ คุณควรหาที่ไปดูใหม่นะ”

เซียวจื่อฉิงยังไม่คิดเชื่อเลยว่าหยางเฉินจะมีปัญญาซี้อบ้านของโครงการเมืองในฝันได้ ที่พูดฟังดูเหมือนเตือนด้วยหวังดี แต่น้ำเสียงและความในคำพูดเต็มไปด้วยความเหยียดหมิ่นหยางเฉิน

“พี่เขย ไม่ยอมรับไม่ได้เลยจริง ๆ นะ พี่ในสมัยก่อนนี่ วิสัยทัศน์แย่จริง ๆ ผู้หญิงกาก ๆ แบบนี้ พี่ยังไปชอบได้งัย?”

หลังจากเซียวจื่อฉิงเดินออกไปแล้ว ฉินยีโพล่งระบายใส่อย่างไม่เกรงใจ

หยางเฉินได้แต่ส่ายหน้า “เธอเห็นจริงด้วยหรือนี่ว่าเป็นเรื่องจริงที่หล่อนอาออกมาแฉ?”

“แล้วหรือยังมีเรื่องลับลมคมใน?”

ฉินยีเลยจึงเกิดสนุกอยากรู้เรื่องขึ้นมา

หยางเฉินก็กำลังกังวลว่าฉินยีจะเอาเรื่องเท็จจริงนี้ไปเล่าให้ฉินซี จึงรีบเล่าเรื่องที่แท้จริงให้ว่า “ในปีนั้น ข้าเป็นแค่นักศึกษาจน ๆ คนหนึ่ง พลังงานในตัวทั้งหมดก็มุ่งใส่อยู่กับการเรียน จะมีปัญญาไปคุยเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ อะไรกับใครได้เล่า?”

“ไม่ใช่ข้าไปแสดงความในใจอะไรกับหล่อนหรอก แต่มันเป็นที่หล่อนเองมาแสดงความในใจกับข้า แล้วข้าปฏิเสธไป หล่อนเลยโกรธด้วยความอาย ไม่รู้ไปเอาจดหมายรักอะไรมาจากไหน มาอ่านประจานต่อหน้าฝูงคน แล้วบอกว่าข้าเป็นคนเขียน ตามด้วยการด่าว่าข้าไปยกใหญ่ ย้ำไปด้วยว่าเป็นคางคกที่หวังเขมือบห่านฟ้า”

“เป็นอย่างนี้นี่เอง!”

แน่นอนว่าฉินยีไม่มีการไม่เชื่อใจในหยางเฉิน แต่ยังหัวเราะไปอย่างหวังร้าย “พี่เขย นี่ถ้าพี่ไม่เล่าเรื่องจริงมานะ เดี๋ยวกลับไปฉันจะบอกพี่สาวฉัน”

หยางฉินรีบวิงวอนไป “น้องสาวที่น่ารักจ๋า ที่พี่เล่ามาเป็นเรื่องจริงทั้งหมดนะ เธออย่ามาทำให้พี่เดือดร้อนเลย!”

“เอาละเอาละ ฉันแกล้งล้อเล่นหรอกนะ พวกเรารีบช่วยกันดูบ้านให้พี่ชาวกันดีกว่า”

ฉินยีหัวเราะไปพลางพูดไป

พนักงานขายชื่อหมีเสวี่ยที่เข้ามาต้อนรับเมื่อสักครู่ ยังคงยืนสงบเสงี่ยมอยู่ข้าง ๆ รอการสนทนาของหยางเฉินกับฉินยี

ถึงแม้จะเสียเวลาของหล่อนไปไม่น้อย แต่หล่อนก็ไม่มีสีหน้าแสดงออกถึงความรำคาญ คงยังมีรอยยิ้มบนใบหน้าตลอด

“คุณพี่สาว คฤหาสน์ของพวกคุณที่นี่มีหลังไหนที่ว่าดีที่สุดคะ?”

ฉินยีรู้ดีอยู่แล้วในความผูกพันของหม่าชาวกับหยางเฉิน และก็รู้ดีว่าหยางเฉินไม่มีปัญหาทางการเงิน จึงบอกตรงชัดไปเลยว่าต้องการคฤหาสน์หลังที่ดีที่สุด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War